ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 313

ตอนที่ 313 ให้หลินซื่อเป็นพระชายา

ยามที่สตรีท้องโตนั้นปรากฏต่อสายตา ทุกคนในท้องพระโรงนั้นอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง แม้กระทั่งเซียวโส่วฝู่ยังอ้าปากตะลึงค้างอย่างยากที่จะเชื่อ

เพราะว่ารูปลักษณ์ของสตรีผู้นั้น คล้ายคลึงกับเซียวฉางเยว่ถึงแปดส่วน!

บนโลกนี้คาดไม่ถึงว่าจะมีคนสองคนที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้มากที่สุดก็คือสตรีผู้นี้ตั้งท้องลูกของเซียวฉิ้ง

เซียวฉิ้งกับสตรีที่คล้ายคลึงกับน้องสาวคลานตามกันมาของตนถึงแปดส่วน อีกทั้งยังมีลูกด้วย...

นี่ก็มากพอที่จะทำให้จินตนาการผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ดูเหมือนว่าเพียงชั่วพริบตาก็นำด้านมืดที่สุดของหัวใจเซียวฉิ้งเผยออกมา สิ่งเหล่านั้นเก็บอยู่ในเบื้องลึกของหัวใจมานานเพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวก็ถูกทุกคนรู้ไส้รู้พุงจนหมดเปลือก

“เจ้า...เจ้า….” เซียวโส่วฝู่โกรธจนเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา ยามนี้สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดของสกุลเซียวก็คือทายาท ทายาทที่ยังเป็นความคาดหวัง ความสามารถในทุกๆด้านก็ไม่เลว ดังนั้นในช่วงวัยรุ่นจึงก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสกุลเซียว ไฉนเลยเขาจะคิดถึงว่าลึกลงภายในใจของทายาทจะเก็บซ่อนความลับแบบนี้เอาไว้

เซียวฉิ้งรู้ว่าเรื่องราวนั้นปิดบังไว้ไม่อยู่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงกัดกรามคำรามเสียงต่ำ โดยไร้ข้อโต้แย้ง

เซียวโส่วฝู่เห็นเขานิ่งเงียบ ก็ยิ่งคับแค้นโกรธจนตัวสั่นไปทั่วทั้งร่าง พลันชี้หน้าด่าเขา “เจ้าลูกอกตัญญู! เจ้าลูกอกตัญญู! สกุลเซียวของข้าให้กำเนิดเจ้าสวะสองคนนี่ออกมาได้อย่างไร!”

เซียวฉิ้งยังก้มหน้างุดโดยไม่ปริปาก ยืนนิ่งตะลึงอยู่ใจกลางท้องพระโรง เงาด้านหลังกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้กล้าคราวใกล้ฝั่ง(ผู้กล้าที่โรยราหมดฤทธิ์เดชใกล้จะตาย)

“เซียวโส่วฝู่ ทำไมจะต้องกล่าวว่าแม่ทัพน้อยด้วย เรื่องความรักของชายหญิงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรน่า แค่สตรีคนหนึ่ง แต่งเข้ามาซะก็สิ้นเรือง” โม่จื่อเฟิงกล่าวออกมาเหมือนยืนพูดไม่ปวดเอว เป็นการจงใจกระตุ้นโทสะเซียวโส่วฝู่ ใครบ้างที่จะไม่รู้ ไฉนเลยจะเป็นแค่ปัญหาเกี่ยวกับสตรี แต่เป็นเรื่องที่เซียวฉิ้งหลงรักน้องสาวของตนต่างหาก!

ในท้องพระโรง มีเจ้าหน้าที่พิธีการยืนขึ้นมา เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่สามารถละเลยได้ อีกทั้งยังเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือนที่กอปรด้วยความรู้และคุณธรรม สำหรับเหตุการณ์เช่นนี้จึงเกิดการต่อต้านอย่างมาก ในช่วงเวลานั้นคนจึงคุกเข่าเกินครึ่งท้องพระโรงเพื่อถอดถอนตำแหน่งของเซียวฉิ้ง

ฉากในการขอขมายอมรับความผิดของเซียวโส่วฝู่ กลับตาลปัตรกลายเป็นละครฉากใหญ่อันซับซ้อนของสกุลเซียว

สตรีที่ยืนห่างจากเซียวฉิ้งประมาณสองจั้งกำลังจ้องเซียวฉิ้งอย่างเย็นชา ที่ผ่านมานางเข้าใจว่าเซียวฉิ้งรักตนมาโดยตลอด ดังนั้นถึงแม้ว่ายามที่คนรอบกายเซียวฉิ้งวางกับดักต้องการจะสังหารนาง นางยังเข้าใจว่าคนเหล่านั้นดูแคลนตัวตนของนาง ดังนั้นจึงคิดกำจัดนางเพื่อเซียวฉิ้ง

แม้ในยามที่นางใกล้จะตาย นางก็ยังคิดว่ามิใช่เซียวฉิ้งที่ทรยศนาง จวบจนตอนนี้นางจึงได้รู้ว่า ที่เซียวฉิ้งดีกับนาง ก็แค่เพียงเพราะว่านางคล้ายคลึงกับน้องสาวแท้ๆของเขา….

“ฮาๆ…” หญิงที่กำลังอุ้มท้องโตดูเหมือนว่าจะไม่สามารถรับความจริงข้อนี้ได้ นึกไม่ถึงว่าจะหัวเราะขึ้นมาอย่างเสียสติ ความเศร้าระทมในเสียงหัวเราะนั้นดูเหมือนว่าจะทำให้บุรุษชาวแมนจูเหล่านั้นถึงกับทนไม่ไหว

“ไอ้ลูกอกตัญญู! ไอ้ลูกไม่รักดี!” ปากเซียวโส่วฝู่ตะโกนก่นด่าอย่างไม่ขาดสาย โทสะของเขาพุ่งถึงขีดสุดจนคว้าดาบยาวขึ้นมาจากพื้นแล้วเงื้อขึ้นมาเพื่อจะสังหารเซียวฉิ้ง แต่ขณะที่ดาบยาวเงื้ออยู่กลางอากาศกลับร่วงหล่นลงมาอย่างช้าๆ

เสือร้ายย่อมไม่กินลูกของตน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเซียวฉิ้งเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียว ไฉนเลยเซียวโส่วฝู่จะตัดใจลงมือได้

โม่จื่อเฟิงส่งเสียงในลำคอเบาๆ ยังคงเล่นกับแหวนหยกของตน “พอเถิด เซียวโส่วฝู่ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ทหารสกุลเซียวอยู่เงื้อมมือคนพรรค์นี้ นับว่าเป็นการดูหมิ่นอำนาจขององค์ฮ่องเต้ ในยามนี้ควรจะเลือกอย่างไร เปิ่นหวางเชือว่าเซียวโส่วฝู่เป็นผู้เฉลียวแลาด”

จนถึงตอนนี้ เซียวโส่วฝู่ได้รู้ทันทีว่าไม้ได้กลายเป็นเรือเสียแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะพลิกกลับ ถ้าหากในตอนนี้ไม่รุกเป็นฝ่ายขอขมายอมรับผิด เมื่อถึงคราวที่ฮ่องเต้เกิดโทสะ ผลลัพธ์ไม่เพียงที่จะไม่เปลี่ยนแปลง กลับกลายต้องให้พวกเขาตกเป็นฝ่ายรับที่ถูกกระทำ! ถ้าหากว่าเสแสร้งยอมรับผิดไปก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยนำทหารสกุลเซียวกลับไปรักษากำลังที่ชายแดน...

“อ้อ ใช่แล้ว เซียวโส่วฝู่ ข้าลืมบอกเจ้าไป ที่แม่ทัพเซียวละทิ้งการรักษาชายแดนโดยมิได้รับอนุญาตนั้น เปิ่นหวางได้ให้คนรวบรวมหลักฐานความผิดของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเขาออกจากชายแดน คนของเปิ่นหวางก็ได้ยึดครองพลทหารของสกุลเซียวไว้” โม่จื่อเฟิงพูดอย่างไม่รู้สึกหนักหนาอะไร กลับทำให้ชาวแมนจูที่เป็นขุนนางฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนนับร้อยล้วนตกตะลึงจนเสียอาการ

ทหารสกุลเซียวในฐานะที่เป็นกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศหนานเยว่ มีชื่อเสียงโดดเด่นในการฆ่าฟันบนสนามรบ แต่ทว่าอ๋องอู่เซวียนกลับกล่าวอย่างเรียบเฉยว่าได้เข้ายึดครองทหารสกุลเซียวแล้วงั้นหรือ?

กล่าวได้ว่า สำหรับเหตุการณ์ในวันนี้โม่จื่อเฟิงอาจจะมีการวางแผนมาอย่างยาวนาน นานเกินจนเกินกว่าจินตนาการของใครหลายๆคน

ยามนี้ เซียวฉิ้งจึงได้เงยศีรษะขึ้นมา สายตาที่มองโม่จื่อเฟิงดุดังสัตว์ประหลาดก็มิปาน “เจ้า เจ้า เป็นไปไม่ได้ ในบรรดาทหารสกุลเซียวมีลูกหลานสกุลเซียวมากมาย ถึงแม้ข้าจะออกมา ทหารสกุลเซียวก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าอยากจะชี้นิ้วบงการก็สามารถทำได้หรอกนะ…..”

ที่ไม่พูดไม่ใช่เพราะว่าเขากลัว คนที่สังหารศัตรูอยู่ในสนามรบเป็นประจำไม่อาจให้ตนเองต้องตายอย่างอนาถโดยสิ้นเชิง เขาคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนทัพ มีทหารสกุลเซียวอยู่ในมือ ใครแพ้ใครชนะยังมิอาจทราบได้

“ลูกหลานสกุลเซียว?” โม่จื่อเฟิงเผยรอยยิ้มเหยียดหยามใบหน้า “เจ้าคิดว่าที่เปิ่นหวางสามารถยึดครองทหารสกุลเซียวได้รวดเร็วขนาดนี้ ด้านในจะไม่มีความช่วยเหลือของลูกหลานสกุลเซียวเลยงั้นหรือ? น่าแปลกใจที่เซียวโส่วฝู่โปรดปรานเจ้ามาก ในสายตาของเซียวโส่วฝู่ดูเหมือนว่าเจ้ากับเซียวฉางเยว่จะเป็นลูกของเขา ส่วนคนอื่นๆเป็นแค่ผลผลิตจากความสำราญ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าคิดว่าในบรรดาลูกหลานของสกุลเซียวจะมีสักที่คนที่ยอมสมัครใจสละชีวิตเพื่อพวกเจ้ากันหรือ?”

เกลือกลายเป็นหนอน การเน่าเปื่อยของต้นไม้ใหญ่ล้วนมีบ่อเกิดจากด้านในเสมอ โม่จื่อเฟิงที่เตรียมการอยู่หลายปี เมื่อกลับมามองดูสกุลเซียวในตอนนี้ไม่มีอะไรที่มากไปกว่าเปลือกนอกที่ว่างเปล่าก็เท่านั้น

หลังจากที่เซียวฉิ้งได้ยินคำของเขา เท้าของเขาก้าวถอยหลังและทรุดลงกับพื้น และล้มไปที่ข้างกายของเซียวโส่วฝู่ ส่วนเซียวโส่วฝู่ก็กระอักเลือดล้มลงที่พื้นอยู่ก่อนแล้ว

ภายในท้องพระโรง จุดจบของสกุลเซียวได้กลายเป็นฝุ่นละอองที่ร่วงหล่น เซียวโส่วฝู่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าขุนนางฝ่ายพลเรือน ได้เกิดเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงภายในวงศ์ตระกูล ตำแหน่งโส่วฝู่นั้นเขาไม่อาจที่จะคู่ควร ส่วนเซียวฉิ้งที่ทำเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแม่ทัพบัญชาการทหาร ทั้งสองคนจึงได้ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง

สำหรับผลลัพธ์เช่นนี้ คนที่พึงพอใจมากที่สุดก็คือโม่จื่อยี่ ในฐานะบัลลังก์มังกรนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องควบคุมกองทหารทั้งหมด ทหารของสกุลเซียวเป็นที่รบกวนจิตใจของเขามานาน ผลลัพธ์ในยามนี้จึงทำให้เขาสงบใจได้บ้างเล็กน้อย

“ฝ่าบาท” ขระที่โม่จื่อยี่กำลังพึงพอใจ โม่จื่อเฟิงก็เอ่ยปากกล่าวอย่างแผ่วเบา

โม่จื่อยี่มองไปด้วยความแปลกใจ ก็ได้ยินโม่จื่อเฟิงอย่างจริงจังและหนักแน่น “เปิ่นหวางต้องการหย่า!”

“นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เซียวฉางเยว่และนักแสดงผู้นั้นทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ขึ้น ทั้งยังเสื่อมเสียถึงราชวงศ์ เรื่องนี้ เจิ้นตก…..”

โม่จื่อยี่ยังกล่าวไม่ทันจบพลันได้ยินโม่จื่อเฟิงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เปิ่นหวางยังต้องการให้เช่อเฟยหลินซื่อเป็นเจิ้งเฟย!”

(ต้องการให้รองชายาชึ้นมาเป็นพระชายาแทนองค์เดิม)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต