ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 343

ตอนที่343หุบเขาจิตวิญญาณแห่งจันทรา

“หืม?”หลีนซีนเยียนชักสงสัยเขาหมายถึงศาลความลับแห่งสวรรค์หรือ?นางทนไม่ไหวก็มองไปที่พวกท่านเซียวทางด้านหลังความหมายของหลี่อวี๋นซ่านคือเขากำลังวางแผนมานานเพื่อทำการใหญ่หรือ?

เข้าใจความนัยที่หลี่อวี๋นซ่านสื่อระหว่างที่นางเห็นผงแป้งสีเงินในถุงเงินที่คาดรอบเอวท่านเซียว ผงแป้งนั่นเล็กมากอยู่ใต้แสงแทบจะมองไม่เห็นถ้าหลินซีนเยียนไม่เพ่งมองอย่างละเอียดก็อาจจะไม่ทันเห็นได้

ท่านเซียวเดินทางตลอดทางผงแป้งนี้หล่นไปตามทางนี่เขากำลังใช้นำทางชัดๆหลินซีนเยียนเดาได้ไม่ยากผงแป้งแบบนี้ใช้เป็นอุบายอื่นอย่างแน่นอน

นางค่อยๆหยุดมองในใจกลับเริ่มคิดมากแล้วนางลังเลสักพักทนไม่ไหวกระซิบข้างหูหลี่อวี๋นซ่าน“ข้ามีอะไรจะขอร้องอย่างหนึ่ง”

หลี่อวี๋นซ่านก้มตัวมองนางสายตาเยือกเย็นเหมือนจะพอเดาได้แต่ยังพูดเสียงต่ำ“เจ้าว่ามาสิ”

“ได้โปรดเจ้า.....อย่าทำร้ายคนบ้านเซียวเลย”หลินซีนเยียนพูดคำนี้อย่างหนักแน่น

เป็นไปอย่างที่คาดไว้ไม่พลาดจริงๆในใจหลี่อวี๋นซ่านหัวเราะเย็นชาบนใบหน้ากลับเหลือเพียงความเมินเฉยเท่านั้นผ่านไปนานเขาไม่พูดอะไรลมพายุทรายพัดตีหน้าเขาตัวเขาเองเป็นท่านชายคนหนึ่งลมพายุทรายปัดพัดบนใบหน้าของเขาเวลาเพียงครู่เดียวก็ทำให้ใบหน้าเขาแดงระเรื่อเล็กน้อย

หลินซีนเยียนรู้สึกติดขัดในลำคอเธอไม่ใช่แมรี่ซู[แมรี่ซูคือตัวละครหญิงที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้านเป็นคำที่ใช้ในวงการนิยายสื่อว่าตัวละครสวยทำอะไรก็ดูดี]จะแสร้งทำไร้เดียงไม่เข้าใจความคิดของหลี่อวี๋นซ่านก็คงไม่ได้เพราะความเข้าใจของเธอถูกต้องดังนั้นตอนที่เธอพูดคำขอร้องนี้ออกมาเธอรู้ว่าเขารับฟังใส่ใจแน่นอนแต่เธอก็พูดไปแล้ว

มีความรู้สึกบางอย่างที่เธอเข้าใจได้แต่ทั้งชีวิตนี้คงไม่มีทางให้คำตอบและตอนนี้สำหรับเธอเรื่องชีวิตของเซียวฝานเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด

“ได้”หลังจากผ่านไปนานหลี่อววี๋นซ่านทำได้แค่ตอบเสียงต่ำ

พายุทะเลทรายยิ่งแรงขึ้นอากาศท่ามกลางทะเลทรายก็พลิกเปลี่ยนแปรผันไม่แน่นอนก่อนหน้านี้ดวงอาทิตย์ยังร้อนระอุ ชั่วพริบตาเดียวท้องฟ้าก็มืดครึ้มไปทั่วพื้นที่

กลุ่มนักเดินทางเร่งเดินทางรวดเร็วมากอูฐที่มานับสิบตัวเข้าแถวกันเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่บนเนินทรายราวกับในมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลมีแสงดวงดาราเป็นจุดๆส่องสะท้อนมาแต่ฝุ่นละอองขนาดอันน้อยนิดอย่างพวกเขากลับก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวไม่หวั่นไหว

เมื่อท้องฟ้ามืดในที่สุดพวกเขามาถึงเขตพื้นที่หุบเขาหุบเขาก่อตัวขึ้นเหมือนเปลือกโลกเคลื่อนอย่างรุนแรงผาหินสูงชันผงาดโอ่อ่าอลังการนับพันปีมีบางพื้นที่เรียบเกลี้ยงเกลาราวกระจกกลางหุบเขามีแสงจันทร์สาดส่องกระจัดกระจายแสงจันทร์กระทบฝุ่นละอองที่กำลังกระโดดโลดเต้นกลายเป็นภาพงามราวสวรรค์วิมาน

หลินซีนเยียนนั่งอยู่บนหลังอูฐมองภาพตรงหน้าตะลึงจนพูดไม่ออกมิน่าล่ะคนถึงชอบมาเที่ยวในทะเลทรายกันที่แท้ในทะเลทรายของจริงทำให้คนอัศจรรย์ใจได้เสมอ

“ชอบหรือ?”หลี่อวี๋นซ่านมองหน้านางท่าทางเหมือนเด็กสาวกำลังหลงใหลมุมปากเปื้อนยิ้ม

หลินซีนเยียนพยักหน้า“สวยมาก”

หลี่อวี๋นซ่านกลับพูดกระแทกอย่างไม่เห็นแก่นาง“เจ้าไม่รู้หรือสิ่งที่ยิ่งงดงามก็หมายถึงยิ่งอันตราย?”

“เจ้าจะบอกว่าในหุบเขานี้อันตรายมาก?”หน้าหลินซีนเยียนหวั่นขึ้นมาถามจริงจัง

“คนที่อยู่แถบชายแดนมานานรู้จักที่แห่งนี้ดีสถานที่แห่งนี้มีชื่อที่ไพเราะมากหุบเขาจิตวิญญาณแห่งจันทราแต่หลังจากเจ้าได้ฟังความเป็นมาของชื่อหุบเขาจิตวิญญาณแห่งจันทราแห่งนี้จบละก็เจ้าจะรู้สึกว่าชื่อนี้ไม่น่าฟัง”แสงจันทร์ส่องบนหน้าหลี่อวี๋นซ่านเผยความเยือกเย็นและความเงียบเหงาที่แฝงเอาไว้ออกมาอย่างชัดเจนเขาพูดต่อ“เจ้าดูสิตอนที่ดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าแต่เจ้าเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้ในเวลาอันสั้น เจ้าก็จะไม่เห็นดวงจันทร์สว่างแม้แต่นิดเดียวเพราะในตำนานเล่าขานว่าที่หุบเขาแห่งนี้กลืนกินจิตวิญญาณของแสงจันทร์เป็นสถานที่ทำลายจิตวิญญาณแสงจันทร์ล่ะ”

“กลืนกินจิตวิญญาณดวงจันทร์?ที่เล่านี้ช่างมีวาทศิลป์กวียิ่งนักน่ากลัวที่ใดกัน?”หลินซีนเยียนส่ายหัวราวกับไม่เห็นด้วยกับที่เขาเล่า

หลี่อวี๋นซ่านไม่รีบร้อนใจแต่ยกมือชี้ไปทางปากทางเข้าหุบเขา“แปลกก็ว่าแปลกสมัยร้อยปีก่อน ในนี้ยังไม่มีความพิเศษขนาดนี้มีเรื่องเล่าขานกันว่าที่นี่เปลี่ยนจนเป็นอย่างนี้ได้เป็นเพราะเมื่อร้อยปีก่อนมีโจรทะเลทรายกลุ่มใหญ่สังหารพ่อค้ามากกว่าพันคนที่นี่กลุ่มคาราวานพ่อค้าที่เดินทางในทะเลทรายเกือบทั้งหมดถูกสังหารตายในนี้แทบทั้งสิ้นคนตายเยอะมากในนี้จึงกลายเป็นสถานที่อัปมงคลแม้แต่แสงจันทร์ยังเข้ามาไม่ถึง”

“มากกว่าพันคน?”หลินซีนเยียนฟังแล้วกลัวจนพูดไม่ออกเธอสามารถจินตนาการภาพชีวิตเป็นๆถูกสังหารได้ คนโบราณยกความสำคัญเรื่องวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดยังเชื่อว่าวิญญาณคนที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมยังเร่ร่อนที่นี่ตลอดเวลาใช่ไหม?

หลี่อวี๋นซ่านพูดขนาดนี้หลินซีนเยียนคิดว่าเบื้องหลังของชื่อนี้คละคลุ้งไปด้วยคาวเลือดนางรู้สึกสะพรึงกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวนางถาม“งั้นพวกเราจะตั้งกระโจมที่พักที่นี่หรือจะเข้าไปทั้งคืน?”

ครั้งนี้หลี่อวี๋นซ่านยังไม่ตอบคำถามกลับเป็นหลี่ห่ายที่อยู่ด้านข้างเปิดประเด็นสนทนา“พวกเราจะเดินทางเข้าไปทั้งคืน”ตอนที่พูดเขามองหลี่อวี๋นซ่านอย่างไม่ใส่ใจดวงตานั้นแฝงนัยยะลึกซึ้ง

ริมฝีปากหลี่อวี๋นซ่านขยับแต่ไม่พูดอะไรแค่พยักหน้าเบาๆ

“น้องชายหลินคงไม่รู้แม้ในเวลากลางคืนหุบเขาจิตวิญญาณแห่งจันทรายิ่งอึมครึมน่ากลัวนักแม้ในหุบเขาไม่มีแสงสว่างของดวงจันทร์แต่เพราะไม่มีแสงจันทร์ประจวบเหมาะพอดีจึงทำภารกิจได้สะดวกยิ่งขึ้นเจ้าเข้าไปอีกสักพักก็จะรู้แล้ว”บางทีเพื่อตอบความสงสัยในใจของพวกเดินทางหลี่ห่ายจึงอธิบายอีกครั้ง

หลินซีนเยียนไม่พูดอะไรแต่มองท่ามกลางพวกท่านเซียวกลับทำหน้าตาดีอกดีใจจนซ่อนเอาไว้ไม่อยู่เพราะอะไรไม่บอกก็รู้ชัดเจนพวกเขาถึงขนาดทนรอดูแหล่งเกิงจีนกันไม่ไหวแล้ว

หลังจากตัดสินใจได้เริ่มจากหลี่ห่ายนำขบวนกลุ่มเดินทางก็เดินเข้าไปทางกลางหุบเขา

พูดแล้วก็น่าแปลกปากทางเข้าหุบเขาเหมือนกับถูกตัดแบ่งอาณาเขตกันด้านหนึ่งเป็นแสงจันทร์อสุกสกาวอีกด้านหนึ่งกลับมืดมาก

ในชั่วพริบเดียวที่หลินซีนเยียนเข้าไปในหุบเขาหันกลับมาอีกครั้งก็เหลือเพียงภาพมืดมิด

แต่หลี่ห่ายกลับคุ้นเคยกับสภาพของที่นี่ดังนั้นหลังจากเข้าไปก็จุดคบเพลิงอย่างฉับไวอูฐแต่ละตัวมีคบเพลิงแขวนอยู่ข้างตัวสองท่อนหลี่ห่ายที่กำลังขี่ม้าโบกไปมาท่ามกลางผู้คนจนกระทั่งคบไฟทั้งหมดจุดไฟแล้วหลังจากนั้นถึงกลับไปอยู่ที่ตำแหน่งนำกลุ่มอีกครั้ง

“ทุกคนต้องตามข้าหุบเขาแห่งนี้ใหญ่มหาศาลสักพักเดินกระจายกันคงเดินทางกลับมาหายากมากถ้าหากหลงทางในหุบเขาแห่งนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลี่ห่ายกำชับกับทุกคน

หลี่อวี๋นซ่านที่กำลังขี่อูฐรีบติดตามหลังหลี่ห่ายตั้งแต่เริ่มเข้าหุบเขาสีหน้าเขาหนักแน่นจริงมากแม้กระทั่งช่วงที่หลินซีนเยียนเผลอยังรับรู้ได้ว่าเขาตัวสั่นเทา เขากำลังกลัว เขากำลังกลัวอะไรกันแน่นะ?

เดินทางได้ประมาณครึ่งชั่วโมงหลี่ห่ายที่อยู่ด้านหน้าร้องเสียงตกใจทันทีหลังจากนั้นเร่งความเร็วขึ้นหลินซีนเยียนยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆแค่รู้สึกว่าหลี่อวี๋นซ่านก็เร่งความเร็วหนีไปทางด้านหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต