ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 366

ตอนที่366ประเทศหมาน

"ศิษย์พี่?"หลินซีนเยียนหยุดร้องไห้กอดเซียวฝานไว้ในอ้อมกอดอย่างระมัดระวังค่อยๆใช้มือลูบหลังของเขาไปมาอ่อนโยนซะแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกไม่ชิน

ผ่านไปสักพักอารมณ์ของเซียวฝานก็ราวกับอบอุ่นขึ้นมาเพียงแต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมาดวงตาของเขากลับเป็นสีแดงไม่ใช่เพราะว่าโกรธแต่เป็นเพราะสิ้นหวัง

เขาสิ้นหวังมากเขาสุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาศักดิ์ศรีของตนต่อหน้าหลินซีนเยียนไว้ได้เขาสะอึกสะอื้นพูดว่า:"ศิษย์น้องข้า...ทำให้เจ้าผิดหวังใช่หรือไม่ศิษย์พี่ใหญ่สกปรกมากๆเลยใช่หรือไม่?"

ศิษย์พี่ใหญ่สกปรกมากเลยใช่หรือไม่?

แค่ประโยคเดียวทำเอาหลินซีนเยียนถึงกับน้ำตาคลอนางส่ายหัวสุดตัวร้องไห้จนพูดไม่ออกนางอยากจะพูดว่าไม่สกปรกไม่สกปรกเลยไม่สกปรกสักนิดเดียวแต่ว่าคำพูดดันติดอยู่ที่ปากนางกลับพูดมันไม่ออกเพราะว่าตื่นเต้นเกินไปนางนอกจากร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วก็พูดปลอบใจอะไรไม่ได้เลย

นางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจซะจริงๆเจ็บปวดเหลือเกินศิษย์พี่ดีๆของนาง ชายคนหนึ่งที่มีแสงสว่างเจิดจ้าจะกลายเป็นคนที่ทั้งต่ำต้อยแล้วก็สิ้นหวังแบบนี้แล้วก็มาถามคำถามแบบนี้กับนางได้ยังไงจะเป็นไปได้ยังไง!

"ข้ารู้ว่าข้าสปรกมากข้าที่สกปรกขนาดนี้ยังกล้าที่จะเอ่ยปากขอร้องแบบนั้นกับเจ้าดูเหมือนว่าข้าจะไม่ใช่สกปรกเพียงแค่ร่างกายแม้กระทั่งใจก็สกปรกจนขนาดข้าเองยังรังเกียจ"เซียวฝานพูดคำพูดพวกนี้หยดน้ำตาก็หยดลงมาบนไหล่ของหลินซีนเยียนน้ำตาเปียกชุ่มไปบนเสื้อของนางถึงจะเปียกเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้นแต่กลับเพียงพอที่จะทำให้หลินซีนเยียนรู้สึกหนาวเหน็บ

ผ่านไปอย่างช้าๆช้าๆมีเพียงแค่ลมหนาวจากทะเลทรายยามค่ำคืนที่พัดผ่าน

ทั้งเซียวฝานและหลินซีนเยียนต่างก็ไม่พูดอะไรทั้งสองก็แค่โอบกอดซึ่งกันและกันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครเอ่ยปากราวกับทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยปากพูดถึงคำถามนั้น

ผ่านไปสักพักหนึ่งหลินซินเยียนคงจะร้องไห้จนเหนื่อยแล้วนางเลยกัดริมฝีปากของนางแล้วปล่อยมือที่โอบกอดเซียวฝานออกเอื้อมมือข้างๆหนึ่งไปจับที่แก้มของเซียวฝานพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า"ศิษย์พี่ข้ารับปากท่าน"

เซียวฝานไม่ได้มีปฏิกิริยากลับมาในทันทีสักครู่หนึ่งเขาถึงแสดงสีหน้าตกใจออกมา"เจ้าพูดว่ารับปากจะไปกับข้า?"

หลินซีนเยียนกัดปากแน่นแล้วก็พยักหน้าแรงๆใช่นางเต็มใจที่จะใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของเขาในฐานะแฟนของเขานางเต็มใจที่จะแบกรับความผิดที่ผิดศีลธรรมหากว่าเช่นนั้นนางจะต้องตกเป็นขี้ปากของคนทั้งโลกแล้วก็จะไม่ได้รับการยอมรับจากโม่จื่อเฟิงถึงขั้นทำให้สูญเสียโม่จื่อเฟิงไปนางก็เต็มใจที่จะรับปากเขา!

เซียวฝานเพราะว่านางเขาถึงต้องผ่านเรื่องที่ยากลำบากมามากมายบุญคุณนี้ก็เพียงพอให้ตอบแทนด้วยชีวิตแล้วดังนั้นนางเต็มใจที่จะแบกรับความเจ็บปวดนี้เพื่อเขาจะไม่บ่นและไม่เสียใจใดๆทั้งสิ้น!

แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่นางคิดไว้เซียวฝานเพียงแค่แสดงสีหน้าดีใจออกมาชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ส่ายหัว"ช่างเถอะศิษย์น้องศิษย์พี่ก็แค่สติฟั่นเฟืองไปครู่หนึ่งเจ้าก็ยังไม่ได้สติครบถ้วนรึไง?ข้าน่ะแทบจะเป็นคนที่ใกล้ตายแล้วแล้วจะให้ลากชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้ามาตกนรกด้วยกันได้อย่างไร?มนุษย์ยังไงก็ต้องตายข้าตายไปแล้วเจ้ายังต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าถ้าเวลานี้ข้าดึงเจ้าลงนรกไปด้วยข้าก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ"

"ศิษย์พี่ข้าก็แค่.."หลินซีนเยียนน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้งชายคนนี้มักจะทำให้นางรู้สึกละอายใจเสมอเลย

เซียวฝานยิ้มอย่างเศร้าใจ"ข้ารู้ว่าในใจของเจ้ามีเพียงชายผู้นั้นที่เจ้าทำเพื่อข้าก็เป็นเพราะบุญคุณเท่านั้นข้ารู้ดีแก่ใจดังนั้นถ้าจะให้เจ้ากับข้าอยู่ด้วยกันอย่างหลอกตัวเองสู้ข้าตายไปทั้งที่ตัวเองยังมีสติดีอยู่จะดีกว่าเจ้าว่าตอนนี้อู๋ยี่จะกำลังทำอะไรอยู่ในช่วงที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะยังได้เจอเขาอีกสักครั้งมั้ย?"

หลินซีนเยียนรู้เซียวฝานกำลังเปลี่ยนประเด็นเขาไม่อยากจะพูดเกี่ยวกับคำถามนั้นแล้วนางเช็ดน้ำตาของตนแล้วก็ไม่ซักไซ้คำถามนั้นอีก

แต่ว่าในใจนางยังคงมีหลุมที่ปล่อยวางไม่ได้พอนางสงบลงแววตาก็เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นอีกครั้งเซียวฝานไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่หลุดปากบอกชื่อคนที่ดูถูกเขาออกมา แสดงว่าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่หลินซีนเยียนในตอนนี้จะแตะต้องได้เขาเป็นห่วงนางเพราะงั้นถึงพูดความจริงออกมาไม่ได้เด็ดขาด!

เพราะว่าเป็นพันธมิตรกับหัวหน้าของชายชุดดำพวกนั้นเพราะงั้นทางข้างหน้าสถานการณ์ของหลินซีนเยียนกับเซียวฝานก็ดีขึ้นกว่าเดิมระหว่างทางหลังจากเจรจาพูดคุยกันแล้วทั้งสองถึงรู้ว่าหัวหน้าของชายชุดดำนั้นชื่อเฉินเทียนเป็นญาติของตระกูลหลิงถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกหลานของตระกูลหลิงแต่เพราะว่าสถานะทางสายเลือดตำแหน่งในตระกูลหลิงของพวกเขาเลยไม่สูงนัก เพียงเพราะว่าพวกเขามีวรยุทธเก่งกาจ ดังนั้นจึงถูกจัดตั้งขึ้นเป็นทีมที่คอยทำหน้าที่จัดการเรื่องภายนอก

ตระกูลพิลึกพวกนี้มีจุดที่เหมือนกันก็คือคนในตระกูลล้วนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันถึงแม้จะเป็นคนใช้ที่รับผิดชอบเรื่องจุกจิกก็อาจจะมีความสัมพันธ์ห่างๆหลายรุ่นทางสายเลือดกับตระกูลหลิงเพียงแต่ใช้ระดับความบริสุทธิ์ของสายเลือดกับตำแหน่งของวงศ์ตระกูลในอดีตเพื่อมาแบ่งแยกสิทธิและอำนาจเท่านั้น

ตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกน้อยมากที่จะยอมให้กับสายเลือดของคนนอกนอกซะจากจะมีเหตุผลพิเศษหรือมีสายเลือดที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาพวกเขาถึงจะยอมร่วมมือกับคนนอก

ตอนนี้มาคิดๆดูหลี่อวี๋นซ่านที่เลือกหลินซีนเยียนก็เป็นเพราะว่านางมีทางสายเลือดพิเศษก็แค่นั้นดังนั้นหลินซีนเยียนยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับสายเลือดของตนเองมากขึ้นเจ้าของเดิมของร่างนางนี้มารดาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักนามว่าเสี่ยวเชี่ยบิดาคือหลินเทียนเฉิงแม้ว่าจะเป็นแม่ทัพของประเทศหนานเยว่ แต่ในสายตาของตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกนั้นก็ไม่เท่าไหร่แล้วสายเลือดในตัวของนางตกลงว่ามันมาจากไหนล่ะ?

ที่น่าเสียดายก็คือมารดาของนางไม่ได้เหลือของที่มีประโยชน์อะไรไว้ให้นางเลยบางทีที่มาของสายเลือดพิเศษของนางอาจจะเป็นความลึกลับที่ไขไม่ออกไปตลอดชีวิตก็ได้

พวกเขาเดินทางไปในทะเลทรายมาหลายสิบวันในที่สุดก็ออกจากทะเลทรายมาถึงประเทศที่ไม่คุ้นเคยประเทศหนึ่งดูจากการแต่งกายของผู้คนแล้วไม่ใช่ประเทศหนานเยว่แล้วก็ไม่เหมือนประเทศเป่ยหมิง น่าจะเป็นประเทศหนึ่งที่หลินซีนเยียนไม่รู้จัก

ฟังจากที่เฉินเทียนแนะนำพวกเขาถึงรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือประเทศหมาน!

ประเทศหมานตอนที่หลินซีนเยียนได้ยินชื่อนี้เข้าก็นึกถึงเรื่องของอี้เซิงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวอี้เซิงไม่ใช่ลูกที่คนหมานแอบลักลอบเข้ามายังหมู่บ้านเล็กๆแถวชายแดนประเทศหนานเยว่มาสร้างมลทินให้กับผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เกิดออกมาหรอ?อี้เซิงเกิดออกมาก็มีพลังกำลังมากมายแตกต่างจากเด็กหนานเยว่แล้วก็เด็กเป่ยหมิงลิบลับ

จากเรื่องของอี้เซิงนางถึงรู้ว่าจากทะเลทรายระหว่างพรมแดนของหนานเยว่กับเป่ยหมิงยังมีกลุ่มคนหมานอาศัยอยู่เพียงแต่ว่าชื่อเสียงของพวกเขาไม่ค่อยดีนักราวกับให้ภาพลักษณ์เป็นการเข่นฆ่าล่าฟันในสายตาของประชาชนประเทศหนานเยว่

ประเทศหมานนี้กับคนหมานที่ชายแดนประเทศหนานเยว่มีอะไรเกี่ยวข้องกันรึเปล่า?"ก่อนที่พวกเขาจะขี่ม้าไปถึงเมืองเมืองหนึ่งของประเทศหมานตอนที่ต่อแถวรอการตรวจเข้าเมืองอยู่นั้นหลินซีนเยียนถามเฉินเทียนขึ้นมา

เฉินเทียนยิ้มออกมา"คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรู้จักคนหมานด้วย ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆจริงๆ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต