ตอนที่ 59 ไม่ต้องการความจริงใจของเจ้า
“สาวงาม เสียงของเจ้าไพเราะอย่างยิ่ง!” ชายร่างท้วมอยากจะลิ้มลองจนทำน้ำลายหยดไปบนคอขาวๆ ของหลินซีนเยียน
เธอขยะแขยงจนอยากอ้วกออกมา “ข้า ข้าเป็นสตรีของอ๋องอู่เสวียน!
“ อ๋องอู่เสวียนรึ?” เมื่อชายร่างท้วมได้ยินชื่อนี้กลับทำสีหน้าลำบากใจ แต่ผ่านไปสักพัก มือของเขาก็ยังคงยื่นไปหาหลินซีนเยียน “ สาวงาม อย่าคิดว่าเอ่ยถึงชื่ออ๋องอู่เสวียนแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าหลอกข้าว่าเป็นสตรีของผู้อื่นดีกว่า ทำไมต้องเอ่ยชื่ออ๋องอู่เสวียน? เจ้าไม่รู้หรือว่าอ๋องอู่เสวียนปฏิบัติกับสตรีไร้หัวใจอย่างยิ่ง เขาเป็นคนเจ้าชู้ นอนกับสตรีมาแล้วตั้งมาก จนถึงตอนนี้ไม่เคยได้ยินว่าเขามีสตรีอยู่ข้างกายแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าเมื่อก่อนพวกเจ้าเคยมีอะไรกัน ข้าก็ไม่กลัว เจ้าคิดว่าเขายังจำเจ้าอยู่รึ?”
ประตูและหน้าต่างในห้องปิดสนิท ตรงมุมห้องได้จุดกำยานที่ส่งกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เดิมหลินซีนเยียนทรมานจากยาเม็ดนั้นอยู่แล้ว พอได้กลิ่นนี้อีกก็ยิ่งควบคุมตนเองไม่ได้
เธอกัดฟัน กำเศษถ้วยที่อยู่ในมืออย่างสุดชีวิต จนมีเลือดสกไหลออกมาจากฝ่ามือ เมื่อรู้ถึงความเจ็บปวดก็ทำให้เธอมีสติขึ้นมา
ในช่วงเวลานั้น จู่ๆ เธอกลับคิดถึง โม่จื่อเฟิง
จะบอกว่าสวยหรือขี้เหร่ จะบอกว่ารักหรือเกลียด ล้วนเป็นเพียงแค่คำพูด โม่จื่อเฟิงทำให้เธอขายหน้ามาแล้ว ดังนั้นเธอจึงเกลียดเขา แต่พอเปรียบเทียบกับ โม่จื่อเฟิงแล้ว ชายร่างอ้วนท้วมและน่าขยะแขยงคนนี้กลับทำให้เธอยิ่งเกลียดเข้าไส้ การเปรียบเทียบแบบนี้ สำหรับ โม่จื่อเฟิงแล้ว เธอยังไม่เคยเกลียดถึงขั้นนี้เลย
ทุกอย่างเงียบสนิท เว้นแต่ภายในห้องที่มีเสียงฉีกเสื้อผ้า
หน้าประตูวัดลัทธิเต๋า ไม่นานจินมู่ก็เห็น โม่จื่อเฟิง ที่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาเดียวจากระยะห่าง 10 จั้งก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
ชุดที่ยังพลิ้วไหวไม่หยุด ได้บ่งบอกถึงความร้อนรนในใจของเขา เพียงแต่ใบหน้ายังคงเคร่งขรึมอยู่
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” โม่จื่อเฟิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จินมู่ตอบ “ ก่อนหน้านี้จู่ๆ ฝนก็ตกหนัก พวกเรายึดที่นี่เป็นที่หลบฝน ข้าเห็นเสื้อผ้าของแม่นางหลินเปียก จึงให้นางเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดในวัดลัทธิเต๋าแห่งนี้ เพียงแต่นักพรตหญิงในวัดไม่ยอมให้ข้าเข้าไป ดังนั้นแม่นางหลินจึงเข้าไปคนเดียว คิดไม่ถึงว่าพอเข้าไปกลับไม่ออกมาอีกเลย นักพรตหญิงผู้นั้นบอกว่านางออกจากประตูด้านหลัง…”
“นางไม่หนีไปแน่” โม่จื่อเฟิงตอบอย่างมั่นใจ สายตามองไปยังอี้เซิง “หากนางจะหนีไป ต้องพาเขาไปด้วย”
“เออ...อี้เซิงก็พูดเช่นนั้น ดังนั้นข้าคิดว่า แม่นางหลินต้องมีปัญหาแน่” พอจินมู่พูดจบ ก็ดึงอี้เซิงถอยมาอยู่ด้านข้าง หากไม่ใช่เพราะว่าเป็นห่วงเด็กคนนี้ เขาบุกเข้าไปนานแล้ว
โม่จื่อเฟิงเงียบขรึม เพียงแต่มีสายตาที่เยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว เขาโบกมือไป 1 ครั้ง ประตูใหญ่ก็โดนลมพัดจนเปิดออก
เดิมประตูมันเก่ามันอยู่ ตอนถูกลมพัดก็มีเสียงเสียดสีดังจนแสบแก้วหู เขาเดินเข้าประตูไป สักพักก็ไปปรากฏตัวอยู่ด้านใน โดยไม่เห็นว่าเขาเคลื่อนไหวไปอย่างไร
วรยุทธของท่านอ๋องยอดเยี่ยมมาก แต่ทุกครั้งเมื่อเห็นความเร็วเช่นนี้ จินมู่อดไม่ได้ที่จะนับถือ เขาดันอี้เซิงไปยืนอยู่ด้านข้าง เอ่ยกำชับ “ เจ้ารออยู่ตรงนี้อย่าไปไหน สักพักพวกข้าจะออกมาหาเจ้า หากเจ้ายังอยากช่วยพี่สาวของเจ้าก็อย่ามาเกะกะพวกข้า
อี้เซิงอยากจะตามเข้าไป เขาไม่กลัวอันตราย แต่ทว่า ตอนที่จินมู่เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา เขาก็ไม่กล้าเข้าไปอีกเลย เพียงพยักหน้าอย่างจำใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...