เธอกล่าวจบ ทุกคนในงานก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริด
สายตาที่มองไปยังเซิงเกอพลันผันเปลี่ยน
โจ๋วซิงโฮ๋รู้ฐานะที่แท้จริงของเซิงเกอ อารมณ์ฉุนเฉียวจึงบังเกิดในบัดดล“คุณเป็นใครมาจากไหน ไม่มีคุณสมบัติพูดจาใส่ความคู่ควงของผมหรอก”
พูดขนาดนี้แล้ว แต่โจ๋วซิงโฮ๋ยังคงปกป้องเซิงเกอ มันทำให้เฟิงเซิงเซิงทั้งแค้นและอิจฉาในเวลาเดียวกัน
เนื่องจากไม่กล้าทำให้ราชันปีศาจแห่งตระกูลโจ๋วเคืองใจ เธอจึงต้องเก็บซ่อนไว้ในใจ“คุณชายโดนผู้หญิงคนนี้หลอกแล้วค่ะ เธอถนัดด้านหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายค่ะ เมื่อก่อนทำให้คุณปู่ฉันหลงหัวปักหัวปำเลยค่ะ”
“คุณพูดมั่วซั่ว พี่เซิงเกอของผมเธอ......”
เขาถูกหยิกแขนจากด้านหน้า ถ้อยคำของโจ๋วซิงโฮ๋จึงหยุดชะงักกลางคัน เมื่อหันขวับกลับไปพลันเห็นสายตาของเซิงเกอ
เซิงเกอเลิกคิ้วพร้อมกับส่ายหัวนิด ๆ ความหมายของแววตานั่นลึกซึ้งยากจะหยั่งถึง
เฟิงยู่เหนียนในหมู่ผู้คนไม่ปริปากพูดจาใด ๆ เห็นท่าทางของพวกเธอสองคนอย่างแจ่มชัด จึงขมวดคิ้วมุ่นด้วยจิตใต้สำนึก
โจ๋วซิงโฮ๋ได้รับการบอกใบ้ของเซิงเกอหยุดพูดทันที
เซิงเกอเดินผ่านเขา ก่อนจะมองไปยังเฟิงเซิงเซิง จากนั้นก็ยิ้มเอ่ยว่า“ดูเหมือนครั้งก่อนยังสั่งสอนไม่พอใช่ไหม?ยังมีแรงออกมาพูดจาปั่นหัวชาวบ้านอีกเหรอ”
เมื่อสบตากับเธอ เฟิงเซิงเซิงหวาดหวั่นเหลือแสน หัวเข่าที่พึ่งหายดีรู้สึกเย็นยะเยือกทันควัน
เมื่อนึกได้ว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย และยังเว้นระยะห่างกับอีกฝ่ายพอสมควร เซิงเกอคงไม่กล้าทำอะไร เฟิงเซิงเซิงจึงกล้าต่อปากต่อคำเธอ
“แกยังกล้าเอ่ยถึงเรื่องครั้งก่อนอีกเหรอ? ครั้งก่อนถือดีเพราะมีผู้ชายเลี้ยงดู แกถึงกับบุกเข้ามาทำลายข้าวของบ้านฉัน และยัง......”
“เฟิงเซิงเซิง”
ตรงที่ไม่ไกลออกไป เฟิงยู่เหนียนเรียกเธอด้วยเสียงสุขุม ราบเรียบ
เฟิงเซิงเซิงสะดุ้งโหยงทันที ตอนพี่ชายเธอเรียกชื่อเต็มยศแบบนี้ แสดงว่าพี่ชายโกรธแล้วจริง ๆ
เธอไม่เต็มใจกับผลลัพธ์นี้ ทว่าจำเป็นต้องข้ามเรื่องนั้นไปก่อน เฉไฉกลับมาพูดถึงเรื่องค่ำคืนนี้
“เชอะ ไม่ว่ายังไง เสื้อของเธอก็เป็นของก๊อป รอให้โดนฉีกหน้าไม่สู้ยอมรับความผิดแต่โดยดีนะ”
เซิงเกอไม่ได้ตอบ
มู่จื่อหนิงบนเวทีได้ไมค์แล้วกล่าวว่า“เซิงเกอ ถ้าเธอชอบชุดราตรีหิมะชุดแรกของคุณ Zมากล่ะก็ หลังงานฉันจะมอบให้ แต่วันนี้เป็นวันสำคัญของฉัน ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องบั่นทอนจิตใจอะไรทั้งนั้น ฉันให้คนใช้พาเธอไปเปลี่ยนชุดใหม่ดีไหม?”
ถ้อยคำใจกว้างและมีคุณธรรมของเธอเปล่งออกมา ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้เธอและยังเน้นย้ำว่าเสื้อของเซิงเกอเป็นของลอกเลียนแบบ
มู่เจี้ยนเต๋อเห็นเข้าก็รีบส่งสายตาคะยั้นคะยอให้หยุนเหม่ย
หยุนเหม่ยรีบสั่งการคนใช้ทันที“ยังไม่รีบพาแขกท่านนี้ไปเปลี่ยนชุดที่ห้องนอนแขกอีก”
คนรับใช้ทั้งสองคนก้าวเข้ามาเพื่อประคองเซิงเกอที่ยังคงยืนอยู่บนพรมแดงไป
เวลานี้ทุกคนคิดว่าชุดบนกายเธอเป็นของก๊อป ไม่มีใครกล้ายืนออกมาทักท้วง ต่างมองเธอด้วยแววตาดูถูกและรังเกียจเดียดฉันท์
เพราะอย่างไรเสีย คนหนึ่งเป็นถึงคุณหนูแห่งตระกูลมู่ ส่วนอีกคนออกมาจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า สถานะต่างกันลิบลับ ความจริงเท็จจึงเด่นชัดมากเกินพอ
“เดี๋ยวก่อน”
ช่วงที่คนรับใช้เข้าใกล้ เซิงเกอก็เริ่มส่งเสียงพูดในที่สุด
เธอคลี่ยิ้ม มองไปยังมู่จื่อหนิงบนเวทีอย่างอ่อนโยน“ผลงานชุดราตรีของคุณ Zไม่เพียงสวยเท่านั้น ฝีมือการเย็บอย่างเด่นไม่เหมือนใครอีกด้วย ถึงจะเก่งเรื่องก๊อปแค่ไหน แต่ก็เรียนแบบด้านเทคนิคการเย็บไม่ได้”
มู่จื่อหนิงไม่เข้าใจ“คุณอยากพูดอะไร?”
เซิงเกอเม้มปาก คล้ายกับพกความหยิ่งยโสที่มีมาแต่กำเนิดอย่างไรอย่างนั้น
“หากคุณมู่ยืนยันว่าชุดของตัวเองเป็นงานจริง งั้นกล้าเต้นเพลง loverแข่งกับฉันไหมล่ะ?”
Loverคือนเพลงที่ยากที่สุดสำหรับเต้นแทงโก้ เผยทั้งด้านอ่อนโยน คลุ้มคลั่ง เอาแต่ใจและดื้อด้านในเพลงเดียวกัน เพลงนี้ยากตรงท่าเต้นและจังหวะเพลงที่เร็วและหลากหลาย หากเผลอนิดเดียวก็ตามเสียงดนตรีไม่ทันแล้ว
ทุกคนในงานตกตะลึงกันระนาว
ผู้หญิงคนนี้บ้าหรือเปล่า?
เอาความมั่นใจในการท้าแข่งเพลงนี้มาจากไหน!
กลัวตัวเองยังขายหน้าไม่พออีกหรือ?
หากเต้นเพลงที่มีท่าเต้นและจังหวะยากขนาดนั้น หากเสื้อก๊อปมีงานเย็บไม่ดี คงฉีกขาดกลางเวทีประลองแน่
มันจะกลายเป็นเรื่องอดสูต่อหน้าผู้คนในประวัติกาลเชียวนะ
ทว่าเมื่อมีคนยินดีขายหน้า พวกเขาก็ยินดีดูความสนุกเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...