เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
ฟู่อินก็หันขวับมองไปยังตรงบันได พบว่าเป็นเซิงเกอที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวกำมะหยี่อันสง่างาม ข้างหลังมีชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลาเดินตาม
ชายคนนั้นสวมใส่หน้ากาก มองไม่เห็นใบหน้าชัดเจน
“นี่เธอ!ทำไมเธอ?เธอตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่อินแข็งค้าง สายตาเธอเต็มไปด้วยความตกใจ ถามด้วยความไม่เชื่อว่า“ เป็นไปได้ยังไง!เห็นๆอยู่ว่าเธอกระโดดลงจากเครื่องบิน!จะมีชีวิตรอดได้ยังไง !”
“ต้องขอโทษด้วย ที่ให้คุณฟู่ต้องหลงดีใจเก้อ”เซิงเกอยิ้มจนตาหยีเป็นเส้นโค้ง ร่างทั้งร่างยังคงงามสง่าเหมือนที่ผ่านมา
“นังชั่ว เพราะเธอ ลู่ฮั๋วถึงต้องการจะถอนหมั้นฉัน ฉันจะฆ่าเธอ !”
ฟู่อินโกรธจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ ปรี่เข้าหาเธอ ราวกับจะให้ย่อยยับไปพร้อมกัน
เซิงเกอหลบเธอไปอย่างว่องไว ฟู่อินควบคุมร่างกายตัวเองไม่อยู่ เสียการทรงตัว เกือบจะล้มหัวทิ่มไป
“ฉันรู้ว่าเธอต้องไม่เป็นอะไร”ลู่ฮั๋วลูบไปที่ใบหน้าเล็กๆของเซิงเกอ รู้สึกโล่งใจ“เธอเข้าไปดูสถานการณ์ของมู่ซิ่นซินก่อน ที่นี่เดี๋ยวฉันจัดการเอง ”
“ได้ค่ะ งั้นฝากด้วยนะคะ ”
เซิงเกอรับคำในทันที โดยมีลู่โม่ที่อุปกรณ์ครบมือเดินตามหลัง เข้าไปในห้องของมู่ซิ่นซิน
ลู่ฮั๋วยืนดูร่างของเซิงเกอที่หายลับไปในโถงทางเดินที่ทอดยาว ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดมน หันมองไปยังฟู่อินที่นอนหมอบอยู่บนพื้น
“ผมได้แจ้งตระกูลฟู่ไปแล้ว ว่าการหมั้นครั้งนี้ถือเป็นโมฆะ โปรดช่วยทำตัวดีๆหน่อย ถือโอกาสที่ผมไม่อยากจะคิดบัญชีอะไรกับคุณ รีบไสหัวไปซะ ”
ความรังเกียจบนใบหน้าแสดงความรู้สึกในคำพูดของเขาอย่างชัดเจน
“คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!อะฮั๋ว!ฉันต่างหากคือคนที่รักคุณที่สุด แต่คุณกลับตอบแทนความรักของฉันแบบนี้เหรอ ? คุณจะโหดร้ายกับฉันแบบนี้จริงๆเหรอ ? คุณกำลังโกหกฉันอยู่ใช่ไหม ? คุณจะไม่ถอนหมั้นกับฉัน !”
ฟู่อินคร่ำครวญไม่หยุด
ใบหน้าลู่ฮั๋วเย็นชา ขาที่เรียวยาวกับความสูง188 เซนที่ยืนตัวตรง ก้มมองดูความอัปลักษณ์ของเธอ
“คุณหนูครับ!เมื่อครู่ตระกูลฟู่ได้ให้คนแจ้งมาที่ผมแล้ว ที่ประธานลู่พูดมานั้นล้วนเป็นความจริงครับ!”
หวางซิ่งเฉียงประคองเธอลุกขึ้นจากพื้น“ ประธานฟู่กับคุณนายสั่งให้ผมพาตัวคุณกลับไปทันทีครับ ”
“ไม่!ฉันไม่กลับ ใครก็อย่าได้มาสั่งให้ฉันกลับไปทั้งนั้น !”
ฟู่อินพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา แต่กลับถูกหวางซิ่งเฉียงคว้าตัวเอาไว้แน่น
“คุณหนู ตอนนี้ประธานลู่กำลังโกรธอยู่ คุณใจเย็นๆลงก่อน เรื่องการหมั้น คุณชายฟู่กับคุณนายต้องช่วยคุณแน่!”
เขาออกแรงดึงเธอลงมายังชั้นล่าง แล้วส่งสายตาให้คนที่ตัวเองพามาด้วย “ยืนบื้อกันอยู่ทำไม!ยังไม่รีบไปอีก!”
คนกลุ่มนั้นก็พากันออกไป ไม่ได้มีความน่ายำเกรงเหมือนตอนที่มา
ในตอนนี้เอง ภายในห้องของมู่ซิ่นซิน
ลู่โม่หยิบเครื่องมือแพทย์และกระเป๋าอุปกรณ์ที่นำติดตัวมาด้วย ทำการตรวจเช็กอาการเบื้องต้นให้กับมู่ซิ่นซิน
เซิงเกอนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กข้างๆ มองดูการขยับเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของลู่โม่ และมองดูมู่ซิ่นซินที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
แม้ว่ามู่ซิ่นซินกับมู่จื่อหนิงจะเป็นพี่น้องที่ต่างแม่กัน
แต่ใบหน้าของคนทั้งสองก็ไม่เหมือนกันเลย
ใบหน้าของมู่จื่อหนิงนั้นอ่อนโยน บอบบางและน่าเอ็นดู ให้ความรู้สึกราวกับดอกบัวสีขาวที่จอมปลอม
แต่ใบหน้าของมู่ซิ่นซินนั้นดูจะจริงใจและตรงไปตรงมามากกว่า เธอไม่ได้สนิทสนมกับมู่ซิ่นซิน และจะสรุปนิสัยใจคอของเธอง่ายๆแบบนี้ไม่ได้
แต่พอเห็นเธอบริหารมู่ซื่อกรุ๊ปได้เป็นระเบียบเรียบร้อยแบบนี้ ก็น่าจะเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง ดูๆไปแล้วคงไม่ใช่พวกคุณหนูที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
“พี่รอง ผลตรวจเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อเห็นลู่โม่เริ่มจัดเก็บเครื่องมือ เซิงเกอก็เดินเข้าไปช่วยเหลือทันที
“อาการเธอไม่น่าเป็นห่วง การทำงานของสมองแสดงสัญญาณการฟื้นตัว ซึ่งก็หมายความว่าการทำงานทุกส่วนของร่างกายค่อยๆดีขึ้น”
ขณะที่ลู่โม่พูด ก็ยื่นรายงานผลตรวจที่รวบรวมแล้วให้เธอ
เซิงเกอมองรายงานนั้นอย่างผ่านๆ ถาม“มีวิธีไหนที่จะให้เธอฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุดไหม ?”
ลู่โม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี หากทำการผ่าตัด ไม่แน่แค่อาทิตย์เดียวเธอก็อาจจะฟื้นขึ้นมาได้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...