“พวกเขาว่ายังไง?”
ลู่ฮั๋วคิ้วขมวด รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ประธานฟู่กักบริเวณคุณฟู่อิน ไม่มีคำสั่งของเขาห้ามให้ออกไปไหนคะ” แม่บ้านตอบกลับอย่างนอบน้อม
ลู่ฮั๋วเค้นเสียงหึ“ก็ดี แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องมาสร้างปัญหาที่เมืองฟางอีก หูก็จะได้เงียบไปสักพัก ”
เขาโบกมือให้ เพื่อส่งสัญญาณให้คนใช้ไปได้ และตัวเองก็กลับมาจดจ่อกับบานประตูที่ยังคงปิดสนิทอยู่
เมืองS ตระกูลฟู่
ฟู่อินกำลังอาละวาดอยู่ที่ห้องของตัวเอง
“พ่อทำแบบนี้มันเกินไป !จะมาขังฉันอยู่แต่ในห้องได้ยังไง แม้แต่ประตูห้องนี้ก็ไม่ให้ฉันออกไป!”
คนใช้เดินเข้ามาอย่างหวาดกลัว ปลอบเธอด้วยเสียงที่นุ่มนวล “คุณหนู อย่าเศร้าไปเลย แค่กักบริเวณเท่านั้น อยู่ที่บ้านอย่างสงบเสงี่ยมสักพัก เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไปนะคะ”
“เธอจะไปรู้อะไร?ไสหัวไปเลยนะ!”
ฟู่อินหยิบดอกไม้ที่อยู่ในแจกันออก แล้วขว้างใส่คนใช้ “ไสหัวไปเลย!อย่ามากวนโมโหฉันที่นี่!”
และรู้สึกเหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ เธอก็คว้าเอาแจกันมา แล้วปามันลงพื้น
“คุณหนู ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ !นี่มันแจกันคริสทัลที่คุณผู้หญิงซื้อมาจาประเทศFเชียวนะคะ มูลค่ามหาศาล ห้ามปาเชียวนะคะ!”
คนใช้มองดูแจกันที่ถูกปาจนแหว่ง รู้สึกเจ็บปวดใจมาก แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปขวาง
“ของพวกนี้เป็นของบ้านฉัน ฉันอยากจะขว้างปาทิ้งยังไงก็ได้!แกก็แค่คนใช้กล้าดียังไงมาสั่งสอนฉัน ? หากยังพูดมากอยู่อีก ฉันจะตัดลิ้นแกออกมา!”
จากนั้นก็กวาดเครื่องสำอางทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะลง เสียงของหล่นกระจัดกระจายกระทบพื้น แสบแก้วหูเป็นอย่างมาก
คนใช้รู้ว่าร้องห้ามไปยังไงก็เหมือนหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเท่านั้น หุบปากเงียบดีกว่า จากนั้นก็ปิดประตูแล้วเดินออกไป
ประธานฟู่กับคุณนายฟู่ก็ได้ยินเสียงอาละวาดของฟู่อินที่ชั้นบนด้วยเช่นกัน ใบหน้าประธานฟู่มืดมน โยนก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ย
“ดูลูกสาวที่คุณอบรมสั่งสอนมา!”
“ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง ?”
คุณนายฟู่ไม่พอใจ “ แล้วเธอไม่ใช่ลูกสาวคุณเหรอ ? แบ่งแยกชัดเจนซะขนาดนี้ คุณอยากจะปัดความรับผิดชอบหรือไง ?”
“หากไม่ใช่เพราะคุณคอยเอาแต่ตามใจเธอ เธอจะเป็นแบบนี้เหรอ ? ครั้งนี้ที่ลู่ฮั๋วจะถอนหมั้น ไม่ว่าผมจะไปขอร้องยังไงเขาก็ไม่ยอมท่าเดียว ถ้าเธอยังเอาแต่ใจตัวเองอยู่แบบนี้ ตระกูลฟู่คงต้องได้อับอายเพราะเธอแน่!”ใบหน้าประธานฟู่เต็มไปด้วยความโกรธ
“นี่คุณ!”
คุณนายฟู่อยากจะโต้กลับ ฟู่เฉินยี่ที่เดินลงมาจากชั้นบนเห็นบรรยากาศไม่สู้ดี จึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย
“พ่อ แม่ หนูอินถูกกักบริเวณ อารมณ์จะหงุดหงิดบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติ ให้เธอได้ระบายอารมณ์บ้างก็ดี !”
“แต่จะระบายอารมณ์ด้วยวิธีนี้ก็ไม่ถูกนี่นา!แกฟังเอา ปล่อยให้เธอทำลายข้าวของแบบนี้ ของสะสมจากทั่วโลกที่มีภายในบ้านเดี๋ยวก็หายหมดไม่มีเหลือ!”
ประธานฟู่ชี้ไปที่ชั้นบน ถอนหายใจอยู่ซ้ำๆ ใบหน้าผิดหวังกับการเข้มงวดกวดขันที่ไม่ได้ดั่งใจ
เสียงขว้างปาข้าวของยังคงได้ยินอย่างแผ่วเบา ฟู่เฉินยี่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ตัดสินใจว่าจะขึ้นไปปลอบเธอด้วยตัวเอง
ที่ชั้นบน ฟู่อินถือจานที่มีลวดลายโบราณ และกำลังจะปามันลงพื้น
“ใครทำคุณหนูฟู่อินของเราโกรธได้ขนาดนี้กันน่ะ?” ฟู่เฉินยี่หยิบจานในมือเธอมา แล้วดึงเธอมานั่งลงบนโซฟา“ โกรธมากๆไม่ดีต่อสุขภาพนะ ขว้างปาแค่ชิ้นสองชิ้นเพื่อความสะใจ ระบายอารมณ์นิดๆหน่อยๆก็พอแล้ว ”
“พี่!”
ฟู่อินคว้าไปที่แขนของเขาอย่างน้อยอกน้อยใจ“เพื่อผู้หญิงที่ผ่านการหย่ามาแล้วคนหนึ่ง ลู่ฮั๋วถึงกับมาขอถอนหมั้นฉัน!”
ฟู่เฉินยี่บีบไปที่แก้มของเธอ
“คงไม่ใช่แค่นี้หรอกมั้ง ? ความคิดความอ่านของเธอพี่จะไม่รู้ได้ยังไง?”
“ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นหย่าร้างไป ลู่ฮั๋วก็ให้เธอมาพักอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ แล้วยังดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี พี่จะให้ฉันทนได้ยังไง!”
ใบหน้าฟู่อินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และยังคงพูดต่อ
“พี่ ฉันรู้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต พี่รักฉันมากที่สุด พี่ช่วยฉันจัดการเซิงเกอได้ไหม!” เธอเขย่าแขนของเขาแล้วพูดออดอ้อน“หรือพี่ทนดูน้องสาวตัวเองถูกผู้หญิงคนอื่นมาแย่งผู้ชายที่รักที่สุดไปได้งั้นเหรอ?”
รูม่านตาฟู่เฉินยี่เบิกกว้างด้วยความตกใจ สองมือวางไปที่หัวไหล่ของฟู่อิน“หนูอิน เธอพูดอีกครั้งสิ ว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร?”
ฟู่อินมึนงงเล็กน้อย แต่ก็พูดออกไปอีกครั้ง“เซิงเกอ เด็กกำพร้าจากสถานสงเคราะห์เมืองฟาง มีสิทธิ์อะไรมาแย่งของของฉัน พี่ หรือพี่รู้จักเธอเหรอ?”
เซิงเกอ……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...