ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 102

ใบหน้าของพ่อบ้านของตระกูลมู่เผยรอยยิ้มสุภาพ แต่ด้วยหางตาที่ชี้ขึ้น ทำให้ทุกอย่างเป็นการดูถูกคนอื่นมากกว่า

ซูอีเฉินหัวเราะเยาะ

ตระกูลมู่ช่างหยิ่งยโส สมคำร่ำลือจริง ๆ

ซู่เป่าพูดออกไปตามตรงว่า “ครอบครัวของพวกคุณแปลกมาก ทั้งต้องการเชิญแขกมาฉลองวันเกิดของคุณย่า และยังให้แขกไปนั่งที่หน้าประตูอีก ซู่เป่าไม่เคยเห็นความหยาบคายแบบนี้มาก่อนเลย”

ซูอีเฉินแก้ไข “เรียกว่าไร้การศึกษา”

ซู่เป่าพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ ซู่เป่าไม่เคยเห็นคนไร้การศึกษาแบบนี้มาก่อน คุณลุง หนูว่าคนที่น่าละอายน่าจะเป็นพวกคุณนะคะ ไม่ใช่ซู่เป่า”

คนรอบข้างต่างกระซิบกระซาบ และรู้สึกว่าซู่เป่าพูดถูก!

ตระกูลมู่หยิ่งยโสมาก แม้แต่เรื่องทานเค้กก็ยังต้องมากำชับเป็นพิเศษ ขี้เหนียวมากจริง ๆ!

ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังแบ่งชนชั้นอีก...

ทุกคนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะหลานชายของตระกูลมู่ที่เป็นเทพแห่งสงคราม พวกเขาก็คงไม่ทน

ดังนั้นเมื่อซู่เป่าพูดคำเหล่านี้ออกมา พวกเขาจึงรู้สึกสะใจอย่างลับ ๆ

พ่อบ้านของตระกูลมู่หน้าเจื่อนลงเล็กน้อย และในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาก็เห็นเวินหรูอวิ๋นที่อยู่ด้านหลัง

เขาเพิกเฉยต่อซูอีเฉินและซู่เป่าทันที และทักทายอย่างอบอุ่น “นายหญิงซือ คุณมาถึงแล้ว! เชิญเข้ามาด้านในครับ!”

เวินหรูอวิ๋นยิ้มหยัน “ตระกูลมู่ยอดเยี่ยมมาก แม้แต่ตระกูลซูซึ่งร่ำรวยที่สุดในจิงตูก็ยังถูกเพิกเฉย ฉันคงไม่กล้าเข้าไปกับคุณหรอกค่ะ”

เธอก้มลงเช็ดปากของซู่เป่า และพูดอย่างราบเรียบ “ซู่เปาและคุณซูนั่งที่ไหน เราจะนั่งที่นั่นค่ะ”

เวินหรูอวิ๋นกำลังหนุนหลังซู่เป่าอยู่

ซืออี้หรันก็มีใบหน้าที่เย็นชาเช่นกัน เสียงที่เยือกเย็นพูดออกมาว่า “ขอโทษเพื่อนของผมด้วย!”

ซืออี้หรันไม่มีเพื่อน

แต่ตั้งแต่ที่เขาได้รับการช่วยเรียกวิญญาณกลับมาจากซู่เป่า เขาก็ถือว่าเธอเป็นเพื่อน

เพื่อนคนแรกของเขา... โดยธรรมชาติแล้วจะต้องไม่ให้ใครมารังแกได้!

พ่อบ้านของตระกูลมู่ตัวนิ่งงัน เขาไม่ได้คาดหวังว่าตระกูลซือจะชื่นชอบตระกูลซูมากขนาดนี้!

เขารู้สึกอับอายเล็กน้อย และโทษว่าเป็นเพราะซูอีเฉินและซู่เป่า

พวกเขาเข้าใจชัดเจนว่าเวินหรูอวิ๋นที่อยู่ด้านหลังแต่ไม่พูดอะไร เพราะตั้งใจงั้นเหรอ

พ่อบ้านตระกูลมู่ยิ้มและพูดกับเวินหรูอวิ๋น “เป็นความผิดของผมเองครับ ต้องขอโทษที่ดูแลไม่ทั่วถึง เชิญเข้ามาข้างในก่อนครับ! ผมจะจัดที่นั่งให้พวกเขาใหม่”

ขณะที่พูด เขาจงใจก้าวไปด้านข้าง และชนเข้ากับร่างของซูเป่าโดย 'บังเอิญ'!

ซู่เป่าเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ และพ่อบ้านก็เป็นผู้ใหญ่ ซู่เป่าที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกชนไปอีกด้าน

“โอ๊ย!”

ซู่เป่าทิ้งก้นลงจนนั่งลงไปบนพื้น

ข้อมือถูลงกับพื้นจนเป็นรอยแดง

ซูอีเฉินยกเท้าขึ้นโดยไม่พูดไม่จาและถีบพ่อบ้านตระกูลมู่ไปอีกทาง!

พ่อบ้านตระกูลมู่ไม่ทันตั้งตัว เซถลาไปด้านข้างเหมือนลักษณะของปูจนเกิดเสียงกระแทก และชนเข้ากับชั้นวางของเครื่องลายคราม!

เพล้ง!

แจกันลายครามหล่นแตกกระจายเป็นเศษ ๆ!

พ่อบ้านตระกูลมู่หน้าซีดทันที นี่คือเครื่องลายครามที่คุณท่านตระกูลมู่หวงแหนมากที่สุด และวันนี้ยังบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำว่าให้ดูแลดี ๆ เมื่อมีแขกมา

ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขาซะเองที่ชนแตก!

ไม่สิ ต้องเป็นซูอีเฉินต่างหาก!

พ่อบ้านตระกูลมู่จ้องมองด้วยดวงตาถมึงทึง “คุณซู คุณทำอะไร! ทำร้ายคนโดยไม่มีเหตุผล”

ซูอีเฉินไม่แม้แต่จะมองเขา อุ้มซู่เป่าขึ้นมาทันทีและพูดว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม”

ซู่เป่าลูบข้อมือและบั้นท้ายเล็ก ๆ ของเธอ

“ลุงใหญ่ หนูไม่เป็นไรค่ะ” ซู่เป่าพูด

คนด้านในที่ได้ยินเสียงดังจึงรีบออกมา

คุณท่านตระกูลมู่เหลือบไปเห็นเครื่องลายครามที่หล่นแตกอยู่บนพื้น หัวใจของเขาเจ็บปวดจนเลือดแทบไหล เขาระงับความโกรธและถาม “เกิดอะไรขึ้น”

พ่อบ้านของตระกูลมู่พูดทันที “คุณท่าน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณซูเห็นไม่ตรงกันก็ทำร้ายคนอื่น...”

ซูอีเฉินยิ้มเยาะ “เห็นไม่ตรงกันงั้นเหรอ”

เขาพูดอย่างนั้นเหรอ

เขาถีบโดยตรง และไม่ได้พูดเพ้อเจออะไรสักคำ

ซู่เป่าขมวดคิ้วและมองไปที่พ่อบ้านตระกูลมู่ “ลุงคนนี้กำลังโกหก เขาแอบชนซู่เป่าก่อน ลุงใหญ่ก็ลงมือ!”

ที่ชนเธอไม่พูด แล้วยังมาโยนความผิดให้ลุงใหญ่อีก

เธอไม่ยอม!

เจ้าแก้มก้อนมองลุงนิสัยไม่ดีคนนี้อย่างโกรธเคือง และตอนนี้จะยอมให้โดนรังแกไม่ได้

พ่อบ้านตระกูลมู่แก้ตัว “นี่มันเรื่องตลกชัด ๆ ฉันจะแอบชนเด็กไปทำไม ผู้ใหญ่อย่างฉันจะไปโกรธเด็กตัวเล็ก ๆ เพื่ออะไร...”

นายหญิงตระกูลมู่พิงไม้ค้ำและตำหนิด้วยใบหน้าบึ้งตึงโดยที่ไม่ทันได้เข้าใจอะไรก่อน “หัดใส่ร้ายผู้อื่นตั้งแต่อายุยังน้อย พ่อแม่เธอสอนมายังไง”

เธอจ้องไปที่ซู่เป่า

หึหึ เจ้าตัวเล็กนี่น่ะเหรอ

ทั้งหยาบคายและไม่มีมารยาทแบบนี้ ยังอยากจะมาเป็นญาติกับเธองั้นเหรอ

ฝันเถอะ!

คุณท่านมมู่พูดด้วยความโกรธ “เลี้ยงดูแต่ไม่สั่งสอน! เด็กที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยนั้นเลี้ยงดูจนเสียคนง่ายสุด ๆ คุณซูควรดูแลเด็กของพวกคุณหน่อย!”

ซูอีเฉินยิ้มด้วยความโกรธ “ตระกูลมู่ ดีมากเลย”

เป็นตระกูลที่มีอำนาจและสูงส่ง แต่ซึ่งห่างไกลจากคำว่าอำนาจ และนับไม่ได้กับคำว่าสูงส่งเลย กลืนกินเกียรติยศของวีรบุรุษและผู้กล้า และทำให้ตัวเองกลายเป็นเพียงต้นหอมหนึ่งต้น

ใบหน้าของเวินหรูอวิ๋นเย็นชา และพูดอย่างประชดประชันว่า “ตระกูลมู่ของคุณมีเกียรติมาก ผู้มาเยือนคือแขก แต่คุณดันพุ่งเป้าไปที่เด็กแบบนี้ นี่คือสิ่งที่ตระกูลคุณปฏิบัติงั้นเหรอ”

นายหญิงมู่เห็นเวินหรูอวิ๋นเป็นคนแรก สีหน้าของเธอดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก

“คุณนายซือ คุณซือและหลานชายของฉันต่างก็เป็นสมาชิกของกรมทหาร คุณควรดูสถานการณ์ก่อนที่จะพูดอะไรนะ” เธอเชิดคางขึ้นแล้วพูด

เวินหรูอวิ๋นหัวเราะด้วยความโกรธ หึหึ แม้แต่เธอก็ยังถูกสั่งสอน

เมื่อประเมินดูแล้วเทพแห่งสงครามตระกูลมู่เป็นผู้นำสูงสุดและซือเย่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นนายหญิงจึงรู้สึกว่าเธอเองก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน

“ไปกันเถอะ” เวินหรูอวิ๋นจูงมือซืออี้หรัน ไม่ให้เกียรติเป็นอย่างมาก

คนรอบข้างต่างกระซิบกระซาบและปรึกษาหารือกัน

“อ้าว ทำไมตระกูลมู่ถึงเป็นแบบนี้...”

“ไม่ให้ความสำคัญตระกูลซู แม้แต่ตระกูลซือก็ไม่ให้เกียรติอีก...ชู่วว หยิ่งยโสอวดดีแบบนี้ฉันเพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก”

“สงสัยพวกเขาไม่มีสมอง”

“หึ...คงไม่หยิ่งกันทั้งครอบครัวเลยใช่ไหม เทพแห่งสงครามจากตระกูลมู่นั่น...”

นายหญิงมู่รู้สึกแย่มาก รู้สึกแย่มากจริง ๆ!

ซึ่งเธอก็คือคุณย่าของเทพแห่งสงคราม

แต่พวกเขากลับไม่ให้เกียรติเธอเลย ปล่อยไว้แบบนี้แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ถ้าต้องไป ก็ต้องเป็นเธอที่เป็นคนไล่ให้พวกเขาออกไปสิถึงจะถูก!

นายหญิงมู่มองไปที่ซู่เป่าอย่างเย็นชา และตัดสินใจเบ่งอำนาจโดยเริ่มที่ซู่เป่า

เธอพูดอย่างเฉียบขาดว่า “เธอ แค่อ้าปากก็ปรักปรำพ่อบ้านจางแล้ว มาขอโทษพ่อบ้านจางเดี๋ยวนี้!”

เวินหรูอวิ๋นหยุดเดินและพูด “ขอโทษกับผีสิ!”

ซู่เป่าเท้าเอวเหมือนเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อย เรียนรู้ที่จะพูดคำว่า “ขอโทษกับผีสิ!”

ซูอีเฉินจูงมือซู่เป่าเดินไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

นายหญิงมู่โกรธมากจนแทบล้ม และเสียงของเธอก็ดังขึ้นสองสามเดซิเบล “หยุดนะ! เธอคิดว่าตระกูลมู่ของเราเป็นอะไรคิดอยากมาก็มา อยากไปก็ไปงั้นเหรอ! มาก่อปัญหาที่ตระกูลมู่ฉัน เธอจะต้องตอบแทนอย่างสาสม”

นายหญิงมู่ใช้ไม้เท้าของเธอชี้ไปที่ซู่เป่า “พ่อบ้านจาง ไปเอาเธอมาให้ฉัน!”

“ไม่มีมารยาทและไร้การศึกษาแบบนี้ วันนี้ฉันจะอบรมสั่งสอนแทนพ่อแม่เธอเอง!”

แววตาเย้ยหยันฉายชัดในดวงตาของพ่อบ้านจาง ไม่เจียมตัวจริง ๆ กล้าที่จะสู้กับเขางั้นเหรอ

เขาโบกมือ มีคนจำนวนหนึ่งเข้ามาหยุดซูอีเฉินและเวินหรูอวิ๋นไว้

พ่อบ้านจางก้าวไปข้างหน้า สายตามองไปที่ซู่เป่าและกำลังจะคว้าตัวเธอไว้

ในขณะนั้นเอง ประตูเหล็กขนาดใหญ่ของตระกูลมู่ก็กระแทกเสียงดัง รถออฟโรดสีดำก็ขับเข้ามาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และหยุดอยู่ตรงหน้าทุกคน!

“โอ้ คึกคักจัง” ชายในชุดดำก้าวออกมาจากรถ

มู่กุยฝานยังไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาสวมชุดเครื่องแบบสีดำ ชุดเกราะ และหน้ากากสีดำที่สามารถปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้

เขาดึงหน้ากากออก ถอดถุงมือแล้วโยนทิ้งไป มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา “ใครจะมาอบรมสั่งสอนลูกสาวผม...แทนผมเหรอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน