ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 103

ทุกคนตกใจกับการเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้

มันเป็นงานเลี้ยงวันเกิดที่ดี แต่จู่ ๆ ก็มีรถออฟโรดสีดำพุ่งเข้ามาขวางไว้ ทุกคนไร้การตอบสนองใดใด

มู่กุยฝานมองไปที่ร่างเล็ก ๆ ท่ามกลางฝูงชน

เธอสวมชุดกระโปรงสีขาว และถักผมเปียเล็ก ๆ สองข้าง

ดวงตากลมโต มีไขมันเล็กน้อยบนแก้ม และเมื่อเม้มริมฝีปากก้อนนมอ้วนทั้งสองข้างจะดูชัดเป็นพิเศษ

ทั้งน่ารักและนุ่มนวล

เมื่อเห็นเธอจากระยะไกล เธอกำลังมองคนที่ขวางทางด้วยความโกรธ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เหมือนสัตว์ร้ายตัวเล็ก ๆ ที่สามารถจู่โจมได้ทุกเมื่อ

ราวกับว่าตัวเองสามารถคว้าคนอื่นทุ่มได้

เฮ้ เจ้าตัวเล็กนี่น่าสนใจ

ในตอนนี้ซู่เป่ากำลังมองมู่กุยฝานอย่างพิจารณา นี่คือพ่อของเธอใช่ไหม

เธอพยายามเงยหน้าขึ้น และรู้สึกว่าเขานั้นสูงมากจริง ๆ

ลุงใหญ่สูงมาก แต่เขาสูงกว่าลุงใหญ่หนึ่งศีรษะ

โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ถ้าคนอื่นเป็นไก่กุ๊ก ๆ งั้นเขาก็เป็นนกกระเรียนขาวขายาว อืมสำนวนนั้นเรียกว่าอะไรนะ...

สูงขนาดนี้ เดินเข้าประตูอาจจะชนเข้ากับขอบประตูได้...

ความคิดของซู่เป่าบิดเบี้ยวไปมาอย่างอธิบายไม่ถูก และจู่ ๆ ก็อยากจะดูว่าเขาจะชนกรอบประตูดังโครมหรือไม่

คนอื่น ๆ ที่ตกตะลึงกลับมามีสติอีกครั้ง

แขกผู้มีเกียรติที่ตระกูลมู่เชิญมารีบวิ่งไป และพูดด้วยความเคารพ “หัวหน้ามู่!”

ทุกคนอยู่ในความแตกตื่น นี่คือเทพแห่งสงครามคนนั้น!

เทพแห่งสงครามผู้ปกป้องประเทศหลงและเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ดูแลปกป้องเขาซึ่งสามารถเห็นได้ทางทีวีเท่านั้น!

นายหญิงมู่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอใช้ไม้ค้ำยันเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น และตะโกนโอ้อวด “หลานชาย! หลานชายที่แสนดีของย่า! ในที่สุดหลานก็กลับมา โอ้ ๆ ๆ!”

คุณท่านมู่ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน ใบหน้าปลื้มปิติยินดี “ดีเลย! ดีเลย! กลับมาก็ดีแล้ว! ย่าหลานรอหลานอยู่นาน พอรู้ว่าหลานไม่ได้กลับมาจากการปฏิบัติภารกิจ เธอก็กระวนกระวาย กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย...”

นายหญิงมู่เช็ดน้ำตา “หลานโตขึ้นมากเลย สูงขึ้นมาก! จากกันมาสิบปี ยังจำหลานตอนยังเด็กได้อยู่เลย ย่ายังอุ้มหลานกล่อมหลาน และร้องเพลงให้หลานฟัง...”

มู่ลี่ฉวินทักทายอย่างอบอุ่น “พี่ชาย พี่กลับมาแล้ว! ตอนพี่บอกว่าพี่จะกลับมาฉลองวันเกิดและเซอร์ไพรส์คุณย่า เราทุกคนในครอบครัวต่างก็รอพี่กลับมา!”

พ่อบ้านจางแห่งตระกูลมู่ก็มีสีหน้าภาคภูมิใจและยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างยินดี “คุณชายใหญ่ เชิญเข้ามาด้านในก่อนครับ เดี๋ยวผมช่วยถือของ...”

คนกลุ่มหนึ่งไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ยังคงพยายามเรียก 'หลานชาย' 'พี่ชาย' และ 'คุณชายใหญ่'

ราวกับว่าเขาเป็นบุคคลที่เป็นแกนสำคัญของตระกูลมู่

มู่กุยฝานแค่นยิ้มออกมา จ้องมองอย่างเย็นชาและตรึงพ่อบ้านจางไว้กับที่จนทำให้ไม่กล้าขยับ

มือของพ่อบ้านจางที่กำลังจะยกของขึ้นแข็งค้างกลางอากาศ เหงื่อไหลไม่หยุด

เกิดอะไรขึ้น...ทำไมเขารู้สึกว่าคุณชายใหญ่กำลังจะฆ่าเขา

“รีบร้อนอะไร” มู่กุยฝานมองไปรอบ ๆ “มาคุยกันหน่อย เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น”

เสียงของเขาไพเราะมาก แต่กลับมีความรู้สึกเย็นชาเหมือนโดนสังหาร

คุณท่านมู่และนายหญิงมู่ดูตื่นเต้นมาก และพวกเขาไม่ได้สนใจคำพูดนั้นของมู่กุยฝานเมื่อเขามาถึง

ลูกสาวอะไรของเขา...ไม่ได้ยินเลย

ท้ายที่สุดแล้วเหล่าผู้นำต่างพูดกันว่ามู่กุยฝานยังไม่ได้แต่งงานและมีลูก จิตใต้สำนึกของพวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย

คุณท่านมู่มองไปที่ซู่เป่าอย่างไม่แยแส โบกมือแล้วพูดว่า “เฮ้ มันไม่ใช่เรื่องสาระอะไรสำคัญหรอก! ปู่รู้ว่าหลานต้องการออกหน้าให้ปู่และย่าใช่ไหม ช่างมันเถอะ หลานเพิ่งกลับมา...”

นายหญิงมู่เช็ดน้ำตาไปแล้วพูดไปว่า “ใช่เลย ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก แค่เด็กคนหนึ่งที่ไร้การศึกษา!”

ดวงตาของมู่กุยฝานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ออกมาว่า “ไม่ได้หรอก มาหาเรื่องคนของมู่กุยฝาน เป็นธรรมดาที่ต้องโดนคิดบัญชี”

นายหญิงมู่รู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างมาก

อา นี่คือความรู้สึกของการมีคนหนุนหลังนี่เอง!

ทั้งรู้สึกมั่นใจและปลอดภัย

เธอถอนหายใจและแสร้งพูดออกมาว่า “ก็ไม่มีอะไร เด็กคนนี้เป็นคนของตระกูลซู และเขามาพบญาติของเราเมื่อสองวันก่อน ไม่รู้ทำไมเธอถึงบอกว่าพ่อของเธอเป็นคนของตระกูลมู่เรา”

“แล้วเราก็ปฏิเสธไป แม้ว่าซื่อเอ๋อร์จะห่วงเล่น แต่เขาก็มีขอบเขต เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีลูกที่โตมากขนาดนั้น”

“บางทีพวกเขาอาจจะไม่พอใจหลังจากถูกปฏิเสธ เมื่อครู่นี้เด็กคนนี้ล้มลงเองและใส่ร้ายพ่อบ้านจางที่ผลักเธอ ผู้ใหญ่ในครอบครัวเธอยังทำร้ายพ่อบ้านจางอย่างไม่มีเหตุผลอีก”

คุณท่านมู่พยักหน้าเสริมคำพูด “แล้วยังชนแจกันที่เก็บรักษาไว้อย่างทะนุถนอมของปู่ด้วย ไร้มารยาทและการอบรมสั่งสอน!”

คุณท่านและนายหญิงมองไปที่ซูอีเฉินและซู่เป่าด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

ดูสิ หลานชายของพวกเขากำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่พวกเขา!

เอาเป็นว่า ต่อให้คนรวยที่สุดจะรวยแค่ไหน เขาก็ดูไม่ดีพอต่อหน้าหลานของพวกเขา

เมื่อได้ฟังมู่กุยฝานก็พูดว่า “ใส่ร้ายใช่ไหม และยังทำแจกันลายครามแตกด้วยเหรอ”

คุณท่านมู่ “ใช่แล้ว แจกันใบนี้ปู่จัดวางเอาไว้เป็นพิเศษเพื่อต้อนรับหลาน...โธ่ หลายร้อยล้านอยู่นะ”

แววตาของเขาสั่นไหว

ตระกูลซูรวยไม่ใช่เหรอ

ก็แค่จ่ายให้เขาสักสองสามร้อยล้าน

มู่กุยฝานมองดูชั้นวางต้นไม้ที่ตั้งอยู่ปะปนกันทั้งสองด้านของลาน แต่ละชั้นวางแจกันลายครามไว้สองใบอย่างพิถีพิถัน

“น่าเสียดายจริง ๆ” เขาถอนหายใจเบาๆ

ยังไม่ทันที่ตระกูลมู่จะได้พูดอะไร

จู่ ๆ มู่กุยฝานก็คว้าตัวพ่อบ้านจางที่อยู่ด้านข้าง และได้ยินเสียงดังโครมคราม

พ่อบ้านจางถูกโยนออกไปและกระแทกเข้ากับชั้นวางต้นไม้ก่อนจะหยุดแทบไม่ทัน!

แจกันลายครามทั้งหมดบนชั้นวางหล่นลงมาจนเกิดเสียงกระทบกัน แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและแหลกละเอียด

ดวงตาของซู่เป่าเบิกกว้าง อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง

ว้าว

เจ๋ง!

พ่อบ้านจางกลิ้งลงไปบนลาน ไอและสำลักเลือกออกมา นอนตัวสั่นด้วยความเจ็บปวดบนพื้น

“คุณ...คุณชายใหญ่...” เขาพูดด้วยความตกใจ

ทำร้ายเขาทำไม!

คุณท่านมู่และนายหญิงมู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน พูดออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “ผิดแล้ว ทำร้ายผิดคนแล้ว...”

คุณท่านมู่รู้สึกเจ็บปวดจนบีบหัวใจ!

แจกันลายครามของเขา!

มู่กุยฝานยิ้ม รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “โอ้ ดูผมสิ ลืมไปเลย”

นายหญิงตระกูลมู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และคิดว่าที่เขาพูดว่าลืมก็คือลืมว่าพ่อบ้านจางมาจากตระกูลมู่

แต่มู่กุยฝานกลับถอดชุดเกราะและชุดเครื่องแบบออกแล้วโยนเข้าไปในรถ

สวมเพียงเสื้อยืดสีดำ แล้วดีดนิ้วจนเกิดเสียงขึ้นเบา ๆ

เขาก้าวขาที่ยาวมาก และนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าพ่อบ้านจางที่กำลังอาเจียนออกมาเป็นเลือด

พ่อบ้านจางรีบพูด “ไม่เป็นไรครับ...คุณชายใหญ่ ผม...”

มู่กุยฝานขัดจังหวะเขา “แน่นอนว่าต้องเป็นสิ ตอนจัดการนายเมื่อกี้ ลืมถอดชุดเครื่องแบบไปเลย”

“เมื่อกี้นี้ถือว่าฉันไม่ได้ทำร้ายนายก็แล้วกันนะ”

มู่กุยฝานไม่ได้เหลียวแลชายคนนั้นเลย “...”

พ่อบ้านจาง “?”

คนในตระกูลมู่ก็ดูงงงวยเช่นกัน

หมาย...หมายความว่าอะไร

เสียงดังกร๊อบ มู่กุยฝานบีบมือของพ่อบ้านจาง และบดกระดูกข้อมือของเขา

“อ้า” พ่อบ้านจางร้องลั่น

“ชู่” มู่กุยฝานขมวดคิ้ว “เสียงดังไปแล้ว”

พูดจบก็ยืนขึ้นแล้วใช้เท้าเตะไปหนึ่งที!

พ่อบ้านจางกระเด็นออกไปและกระแทกชั้นวางต้นไม้อีกสองชั้นที่ยังไม่พัง เครื่องลายครามบนชั้นวางถูกทุบแตกเป็นชิ้น ๆ ไม่เหลือรอดสักชิ้น

พ่อบ้านจางล้มลงในแปลงดอกไม้ ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว

มู่กุยฝานหันกลับมา เดินกลับอย่างสบาย ๆ แล้วถามว่า “เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ชัด”

“ใครจะอบรมสั่งสอนลูกสาวผมแทนผมเหรอ”

ขณะที่มู่กุยฝานพูดจบ เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าซู่เป่า

เขาก้มตัวลงเล็กน้อยและอุ้มซู่เป่าขึ้นมาโดยไม่ได้ฟังคำอธิบายใดใด!

ทุกคน “!!!”

อะไรกัน!

ซู่เป่า...เป็นลูกสาวของเขาเหรอ

คนในตระกูลมู่ตกใจมาก มือและเท้าของพวกเขาเย็นเฉียบขึ้นมาทันที...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน