ทุกคนตกใจกับการเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้
มันเป็นงานเลี้ยงวันเกิดที่ดี แต่จู่ ๆ ก็มีรถออฟโรดสีดำพุ่งเข้ามาขวางไว้ ทุกคนไร้การตอบสนองใดใด
มู่กุยฝานมองไปที่ร่างเล็ก ๆ ท่ามกลางฝูงชน
เธอสวมชุดกระโปรงสีขาว และถักผมเปียเล็ก ๆ สองข้าง
ดวงตากลมโต มีไขมันเล็กน้อยบนแก้ม และเมื่อเม้มริมฝีปากก้อนนมอ้วนทั้งสองข้างจะดูชัดเป็นพิเศษ
ทั้งน่ารักและนุ่มนวล
เมื่อเห็นเธอจากระยะไกล เธอกำลังมองคนที่ขวางทางด้วยความโกรธ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เหมือนสัตว์ร้ายตัวเล็ก ๆ ที่สามารถจู่โจมได้ทุกเมื่อ
ราวกับว่าตัวเองสามารถคว้าคนอื่นทุ่มได้
เฮ้ เจ้าตัวเล็กนี่น่าสนใจ
ในตอนนี้ซู่เป่ากำลังมองมู่กุยฝานอย่างพิจารณา นี่คือพ่อของเธอใช่ไหม
เธอพยายามเงยหน้าขึ้น และรู้สึกว่าเขานั้นสูงมากจริง ๆ
ลุงใหญ่สูงมาก แต่เขาสูงกว่าลุงใหญ่หนึ่งศีรษะ
โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ถ้าคนอื่นเป็นไก่กุ๊ก ๆ งั้นเขาก็เป็นนกกระเรียนขาวขายาว อืมสำนวนนั้นเรียกว่าอะไรนะ...
สูงขนาดนี้ เดินเข้าประตูอาจจะชนเข้ากับขอบประตูได้...
ความคิดของซู่เป่าบิดเบี้ยวไปมาอย่างอธิบายไม่ถูก และจู่ ๆ ก็อยากจะดูว่าเขาจะชนกรอบประตูดังโครมหรือไม่
คนอื่น ๆ ที่ตกตะลึงกลับมามีสติอีกครั้ง
แขกผู้มีเกียรติที่ตระกูลมู่เชิญมารีบวิ่งไป และพูดด้วยความเคารพ “หัวหน้ามู่!”
ทุกคนอยู่ในความแตกตื่น นี่คือเทพแห่งสงครามคนนั้น!
เทพแห่งสงครามผู้ปกป้องประเทศหลงและเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ดูแลปกป้องเขาซึ่งสามารถเห็นได้ทางทีวีเท่านั้น!
นายหญิงมู่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอใช้ไม้ค้ำยันเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น และตะโกนโอ้อวด “หลานชาย! หลานชายที่แสนดีของย่า! ในที่สุดหลานก็กลับมา โอ้ ๆ ๆ!”
คุณท่านมู่ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน ใบหน้าปลื้มปิติยินดี “ดีเลย! ดีเลย! กลับมาก็ดีแล้ว! ย่าหลานรอหลานอยู่นาน พอรู้ว่าหลานไม่ได้กลับมาจากการปฏิบัติภารกิจ เธอก็กระวนกระวาย กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย...”
นายหญิงมู่เช็ดน้ำตา “หลานโตขึ้นมากเลย สูงขึ้นมาก! จากกันมาสิบปี ยังจำหลานตอนยังเด็กได้อยู่เลย ย่ายังอุ้มหลานกล่อมหลาน และร้องเพลงให้หลานฟัง...”
มู่ลี่ฉวินทักทายอย่างอบอุ่น “พี่ชาย พี่กลับมาแล้ว! ตอนพี่บอกว่าพี่จะกลับมาฉลองวันเกิดและเซอร์ไพรส์คุณย่า เราทุกคนในครอบครัวต่างก็รอพี่กลับมา!”
พ่อบ้านจางแห่งตระกูลมู่ก็มีสีหน้าภาคภูมิใจและยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างยินดี “คุณชายใหญ่ เชิญเข้ามาด้านในก่อนครับ เดี๋ยวผมช่วยถือของ...”
คนกลุ่มหนึ่งไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ยังคงพยายามเรียก 'หลานชาย' 'พี่ชาย' และ 'คุณชายใหญ่'
ราวกับว่าเขาเป็นบุคคลที่เป็นแกนสำคัญของตระกูลมู่
มู่กุยฝานแค่นยิ้มออกมา จ้องมองอย่างเย็นชาและตรึงพ่อบ้านจางไว้กับที่จนทำให้ไม่กล้าขยับ
มือของพ่อบ้านจางที่กำลังจะยกของขึ้นแข็งค้างกลางอากาศ เหงื่อไหลไม่หยุด
เกิดอะไรขึ้น...ทำไมเขารู้สึกว่าคุณชายใหญ่กำลังจะฆ่าเขา
“รีบร้อนอะไร” มู่กุยฝานมองไปรอบ ๆ “มาคุยกันหน่อย เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น”
เสียงของเขาไพเราะมาก แต่กลับมีความรู้สึกเย็นชาเหมือนโดนสังหาร
คุณท่านมู่และนายหญิงมู่ดูตื่นเต้นมาก และพวกเขาไม่ได้สนใจคำพูดนั้นของมู่กุยฝานเมื่อเขามาถึง
ลูกสาวอะไรของเขา...ไม่ได้ยินเลย
ท้ายที่สุดแล้วเหล่าผู้นำต่างพูดกันว่ามู่กุยฝานยังไม่ได้แต่งงานและมีลูก จิตใต้สำนึกของพวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย
คุณท่านมู่มองไปที่ซู่เป่าอย่างไม่แยแส โบกมือแล้วพูดว่า “เฮ้ มันไม่ใช่เรื่องสาระอะไรสำคัญหรอก! ปู่รู้ว่าหลานต้องการออกหน้าให้ปู่และย่าใช่ไหม ช่างมันเถอะ หลานเพิ่งกลับมา...”
นายหญิงมู่เช็ดน้ำตาไปแล้วพูดไปว่า “ใช่เลย ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก แค่เด็กคนหนึ่งที่ไร้การศึกษา!”
ดวงตาของมู่กุยฝานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ออกมาว่า “ไม่ได้หรอก มาหาเรื่องคนของมู่กุยฝาน เป็นธรรมดาที่ต้องโดนคิดบัญชี”
นายหญิงมู่รู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างมาก
อา นี่คือความรู้สึกของการมีคนหนุนหลังนี่เอง!
ทั้งรู้สึกมั่นใจและปลอดภัย
เธอถอนหายใจและแสร้งพูดออกมาว่า “ก็ไม่มีอะไร เด็กคนนี้เป็นคนของตระกูลซู และเขามาพบญาติของเราเมื่อสองวันก่อน ไม่รู้ทำไมเธอถึงบอกว่าพ่อของเธอเป็นคนของตระกูลมู่เรา”
“แล้วเราก็ปฏิเสธไป แม้ว่าซื่อเอ๋อร์จะห่วงเล่น แต่เขาก็มีขอบเขต เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีลูกที่โตมากขนาดนั้น”
“บางทีพวกเขาอาจจะไม่พอใจหลังจากถูกปฏิเสธ เมื่อครู่นี้เด็กคนนี้ล้มลงเองและใส่ร้ายพ่อบ้านจางที่ผลักเธอ ผู้ใหญ่ในครอบครัวเธอยังทำร้ายพ่อบ้านจางอย่างไม่มีเหตุผลอีก”
คุณท่านมู่พยักหน้าเสริมคำพูด “แล้วยังชนแจกันที่เก็บรักษาไว้อย่างทะนุถนอมของปู่ด้วย ไร้มารยาทและการอบรมสั่งสอน!”
คุณท่านและนายหญิงมองไปที่ซูอีเฉินและซู่เป่าด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
ดูสิ หลานชายของพวกเขากำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่พวกเขา!
เอาเป็นว่า ต่อให้คนรวยที่สุดจะรวยแค่ไหน เขาก็ดูไม่ดีพอต่อหน้าหลานของพวกเขา
เมื่อได้ฟังมู่กุยฝานก็พูดว่า “ใส่ร้ายใช่ไหม และยังทำแจกันลายครามแตกด้วยเหรอ”
คุณท่านมู่ “ใช่แล้ว แจกันใบนี้ปู่จัดวางเอาไว้เป็นพิเศษเพื่อต้อนรับหลาน...โธ่ หลายร้อยล้านอยู่นะ”
แววตาของเขาสั่นไหว
ตระกูลซูรวยไม่ใช่เหรอ
ก็แค่จ่ายให้เขาสักสองสามร้อยล้าน
มู่กุยฝานมองดูชั้นวางต้นไม้ที่ตั้งอยู่ปะปนกันทั้งสองด้านของลาน แต่ละชั้นวางแจกันลายครามไว้สองใบอย่างพิถีพิถัน
“น่าเสียดายจริง ๆ” เขาถอนหายใจเบาๆ
ยังไม่ทันที่ตระกูลมู่จะได้พูดอะไร
จู่ ๆ มู่กุยฝานก็คว้าตัวพ่อบ้านจางที่อยู่ด้านข้าง และได้ยินเสียงดังโครมคราม
พ่อบ้านจางถูกโยนออกไปและกระแทกเข้ากับชั้นวางต้นไม้ก่อนจะหยุดแทบไม่ทัน!
แจกันลายครามทั้งหมดบนชั้นวางหล่นลงมาจนเกิดเสียงกระทบกัน แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและแหลกละเอียด
ดวงตาของซู่เป่าเบิกกว้าง อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
ว้าว
เจ๋ง!
พ่อบ้านจางกลิ้งลงไปบนลาน ไอและสำลักเลือกออกมา นอนตัวสั่นด้วยความเจ็บปวดบนพื้น
“คุณ...คุณชายใหญ่...” เขาพูดด้วยความตกใจ
ทำร้ายเขาทำไม!
คุณท่านมู่และนายหญิงมู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน พูดออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “ผิดแล้ว ทำร้ายผิดคนแล้ว...”
คุณท่านมู่รู้สึกเจ็บปวดจนบีบหัวใจ!
แจกันลายครามของเขา!
มู่กุยฝานยิ้ม รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “โอ้ ดูผมสิ ลืมไปเลย”
นายหญิงตระกูลมู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และคิดว่าที่เขาพูดว่าลืมก็คือลืมว่าพ่อบ้านจางมาจากตระกูลมู่
แต่มู่กุยฝานกลับถอดชุดเกราะและชุดเครื่องแบบออกแล้วโยนเข้าไปในรถ
สวมเพียงเสื้อยืดสีดำ แล้วดีดนิ้วจนเกิดเสียงขึ้นเบา ๆ
เขาก้าวขาที่ยาวมาก และนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าพ่อบ้านจางที่กำลังอาเจียนออกมาเป็นเลือด
พ่อบ้านจางรีบพูด “ไม่เป็นไรครับ...คุณชายใหญ่ ผม...”
มู่กุยฝานขัดจังหวะเขา “แน่นอนว่าต้องเป็นสิ ตอนจัดการนายเมื่อกี้ ลืมถอดชุดเครื่องแบบไปเลย”
“เมื่อกี้นี้ถือว่าฉันไม่ได้ทำร้ายนายก็แล้วกันนะ”
มู่กุยฝานไม่ได้เหลียวแลชายคนนั้นเลย “...”
พ่อบ้านจาง “?”
คนในตระกูลมู่ก็ดูงงงวยเช่นกัน
หมาย...หมายความว่าอะไร
เสียงดังกร๊อบ มู่กุยฝานบีบมือของพ่อบ้านจาง และบดกระดูกข้อมือของเขา
“อ้า” พ่อบ้านจางร้องลั่น
“ชู่” มู่กุยฝานขมวดคิ้ว “เสียงดังไปแล้ว”
พูดจบก็ยืนขึ้นแล้วใช้เท้าเตะไปหนึ่งที!
พ่อบ้านจางกระเด็นออกไปและกระแทกชั้นวางต้นไม้อีกสองชั้นที่ยังไม่พัง เครื่องลายครามบนชั้นวางถูกทุบแตกเป็นชิ้น ๆ ไม่เหลือรอดสักชิ้น
พ่อบ้านจางล้มลงในแปลงดอกไม้ ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
มู่กุยฝานหันกลับมา เดินกลับอย่างสบาย ๆ แล้วถามว่า “เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ชัด”
“ใครจะอบรมสั่งสอนลูกสาวผมแทนผมเหรอ”
ขณะที่มู่กุยฝานพูดจบ เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าซู่เป่า
เขาก้มตัวลงเล็กน้อยและอุ้มซู่เป่าขึ้นมาโดยไม่ได้ฟังคำอธิบายใดใด!
ทุกคน “!!!”
อะไรกัน!
ซู่เป่า...เป็นลูกสาวของเขาเหรอ
คนในตระกูลมู่ตกใจมาก มือและเท้าของพวกเขาเย็นเฉียบขึ้นมาทันที...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...