ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1031

สรุปบท ตอนที่ 1031 หน้าซื่อใจคด: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน

สรุปตอน ตอนที่ 1031 หน้าซื่อใจคด – จากเรื่อง ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน โดย ไอซ์

ตอน ตอนที่ 1031 หน้าซื่อใจคด ของนิยายนิยายวัยรุ่นเรื่องดัง ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน โดยนักเขียน ไอซ์ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“แล้วสุดท้ายป้าตายเพราะอดตายเหรอ?” ซู่เป่าถาม

ผีแม่พระถอนหายใจ “โชคดีที่พระเจ้ายังเมตตาทำให้ฉันไม่ได้อดตายในยุคนั้น”

“หลังพ่อแม่เสียชีวิต สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดก็คือไม่สามารถฝังศพพ่อแม่ให้ดีได้ เพราะที่บ้านไม่มีอะไรเหลือแล้ว ก็เลยทำได้แค่เอาเสื่อฟางผืนหนึ่งมาปิด…”

“ต่อมา ฉันก็อาศัยความสัมพันธ์ของพ่อแม่ไปหางานสอนหนังสือให้คนอื่น”

และก็เป็นเพราะงานนี้แหละที่ทำให้เธอสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ถึงจะไม่มีเงินเหลือใช้ แต่อย่างน้อยสามมื้อเธอก็ไม่อดแน่ๆ ทำให้เธอสามารถผ่านช่วงเวลาอันน่าสลดใจนั้นมาได้

ซูเหอเวิ่นอึดอัดบอกไม่ถูกก็เลยถามไปว่า “แล้วต่อมาป้าได้สานต่องานช่วยเหลือผู้ประสบภัยไหม?”

เขาไม่ลืมเหตุผลที่เธอแย่งโจ๊กของพ่อแม่ที่ว่าต้องอยู่รอดเพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยมากขึ้น

ถ้าเธอทำตามนั้นจริง เขาก็ต้องชื่นชมเลยล่ะ

แต่ซูเหอเวิ่นรู้สึกว่าเธอคงไม่สามารถทำได้

ผีแม่พระตอบแบบเขินๆ ว่า “ตอนนั้นอย่าว่าแต่จะปกป้องใครเลย ฉันเองก็ลำบากเหมือนกัน ไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้มากไปกว่านี้แล้วจริงๆ…”

ซูเหอเวิ่นไล่ถามต่อ “แต่อย่างน้อยป้าก็ได้งานแล้ว”

“ไหนป้าบอกว่าเป็นคนเมตตาไง? ป้าได้ทำถึงขนาดกินแค่ครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งหนึ่งเอาไปช่วยคนอื่นไหม?”

ตรงจุดนี้เธอสามารถทำได้แต่สิ่งที่ต้องแลกก็คือตัวเองก็ต้องอดไปด้วย

แต่ขอแค่หนึ่งวันได้กินหนึ่งมื้อก็รับรองว่าไม่อดตายแล้ว ไหนบอกว่าตัวเองทำงานอย่างน้อยก็พอกินสามมื้อไง แล้วทำไมไม่กินแค่มื้อเดียวแล้วอีกสองมื้อเอาไปช่วยคนอื่นล่ะ?

นอกเสียจากว่าเธอจะอ้างหลักศีลธรรมมาบังคับให้คนอื่นทำตามที่ตัวเองเห็นว่าดี แต่พอตัวเองเสียประโยชน์บ้าง ดูสิว่าเธอจะยังเป็นแม่พระอยู่ไหม

ผีแม่พระทำหน้าเขินอ้ำๆ อึ้งๆ “ตอนนั้นฉันอยู่ในเมืองแล้ว ในเมืองวุ่นวายไปหมด…ฉันไม่สะดวกออกไปไหน…”

ซูเหอเวิ่นยิ้มหยัน

ผีแม่พระทำมาเป็นพูดจาดีเป็นแม่พระ แต่แท้จริงแล้วเห็นแก่ตัวสุดๆ

คนภายนอกต่างก็ยกย่องเธอและสนับสนุนเธอ แต่ชื่อเสียงเหล่านี้ทั้งหมดที่เธอได้มานั้นมาจากการเอาเปรียบพ่อแม่ตัวเอง

พอไม่มีพ่อแม่แถมบ้านก็ไม่มีแล้ว ทำให้เธอพบว่าถึงตัวเองจะทํางานหนักขนาดนี้ก็พอยาไส้แค่สามมื้อเท่านั้น เธอเลยมีความคิดว่าจะให้ออกไปช่วยเหลือคนอื่นอีกทำไม?

“แล้วสุดท้ายป้าตายได้ยังไง?” ซูเหอเวิ่นถาม

เดิมทีเขาก็คิดว่าผีแม่พระตายเพราะช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองอดตายทำให้กลายมาเป็นผีแม่พระเสียอีก

แต่ตอนนี้ดูแล้วคงไม่ใช่แบบนั้น

ผีแม่พระเล่าต่อ “ต่อมาก็ค่อยๆ มั่นคงเรื่อยๆ หลังผ่านไปสามถึงห้าปี ในเมืองก็เริ่มจะคึกคักขึ้นมา”

คนรอบข้างที่อายุใกล้เคียงกันก็เริ่มแต่งงานกันแล้ว ผีแม่พระรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวเหงาๆ ก็หวังที่จะอยากหาคู่ชีวิตมาใช้ชีวิตคู่ที่เหลืออยู่ด้วยกัน

“ฉันก็ค่อนข้างถือว่ามีชื่อเสียงนะ หลายๆ คนต่างก็รู้ว่ามีลูกสาวคนโตของตระกูลที่ร่ำรวยอยู่คนหนึ่งที่ทุ่มทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อไปช่วยเหลือผู้สบภัย

ลำพังชื่อเสียงนี้ก็ทำให้เธอสามารถหาผู้ชายที่ดูใช้ได้คนหนึ่งมาเป็นคู่ครองได้

พอเล่าถึงตรงนี้ สีหน้าของผีแม่พระก็ดูรู้สึกผิด

ทีแรกเพื่อนบ้านก็ไม่ได้พอใจหรือชอบพอเขาหรอก แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้มากทำได้เพียงช่วยจับคู่และช่วยผู้ชายคนนั้นตามจีบเพื่อนบ้าน

“หลังจากนั้น มีอยู่วันหนึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนเพื่อนบ้านออกจากห้องก็ตาแดงก่ำ แถมผู้ชายคนนั้นยังออกมาจากห้องของเธอด้วย”

ผีแม่พระไม่ได้คิดอะไรมาก แถมยังรู้สึกดีใจด้วยซ้ำไปที่เห็นว่าสองคนนั้นมีความสัมพันธ์คืบหน้าเสียที

“แต่ฉันเพิ่งมารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนั้นมาฉุดเพื่อนบ้าน ทำให้เพื่อนบ้านไม่มีทางเลือก…พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นถ้าไม่แต่งงานก็อาจจะโดนคนอื่นนินทาเอา

มีประโยคหนึ่งที่ผีแม่พระไม่ได้บอกตรงๆ นั่นก็คือผู้ชายคนนั้นเอาเรื่องนั้นไปขู่เพื่อนบ้าน ไม่งั้นเพื่อนบ้านก็คงไม่ตกลงง่ายๆ แบบนี้หรอก

ผีแม่พระมารู้ทีหลัง แต่กลับไม่ยอมรับว่าพ่อค้าเร่อะไรนั่นเคยข่มขู่เพื่อนบ้าน แบบนี้ก็หมายความเธอกำลังทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งหรือเปล่า ตาบอดหรือไง…

“หลังทั้งสองคนแต่งงานกัน แรกๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่เพื่อนบ้านอาจจะทะเลาะกันหรือทำลายข้าวของอยู่บ่อยๆ”

ต่อมา พ่อค้าเร่ก็ได้เผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา ตรงกันข้ามกับเมื่อก่อนเลย…หลังจากนั้นมาเพื่อนบ้านก็ออกมาข้างนอกด้วยจมูกเขียวหน้าบวมอยู่บ่อยครั้ง

“เธอถูกทำร้ายจนกลัวไปหมด” ผีแม่พระถอนหายใจและทำหน้าปวดใจ “เธอมาหาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทั้งสองคนก็แต่งงานกันไปแล้ว จะให้หย่ากันงั้นเหรอ?”

การหย่าร้างในยุคนั้นไม่เหมือนตอนนี้ เพราะการที่ผู้หญิงหย่าร้างนั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ทําอะไรผิด แต่ก็จะถูกคนอื่นนินทาอยู่ดี!

“เพราะฉะนั้นฉันก็เลยกล่อมเธอไปว่า ในโลกจะมีผู้ชายคนไหนที่ไม่ตีเมียกันล่ะ? ทนหน่อยนะ”

“แต่สุดท้ายเธอกลับจ้องเขม็งมาที่ฉันแล้วบอกว่าสามีฉันไม่ตีเมีย และให้ฉันเอาสามีของฉันให้เธอ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน