ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 111

นอกหน้าต่าง เท้าคู่หนึ่งห้อยลงมาตรงหน้าซูเหอเวิ่นอย่างเงียบๆ

เขามองขึ้นไปตามเท้าสีเขียวช้ำ

ผีสาวไร้ศีรษะตนหนึ่งกำลังกอดศีรษะของตัวเองเอาไว้ ดวงตาของศีรษะในอ้อมแขนกวาดตามองและจ้องเขม็งมาที่เขา

เดรสสีขาวของเธอราวกับถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงสด ยิ่งส่วนที่ใกล้กับลำคอเดรสก็ยิ่งเป็นสีแดงสดมากขึ้นเรื่อยๆ ท่อนล่างเต็มไปด้วยเลือดที่สาดอย่างกระจัดกระจาย มองแค่ทีเดียวก็ทำให้สมองของคนจินตนาการไปถึงภาพก่อนตายของเธอ...

“เหอะ...เหอะ...เหอะ...” ผีสาวราวกับพยายามทำหน้ายิ้มแย้มมากๆ

ส่วนศีรษะไปถึงคอขาดสะบั้น เพราะเสียเลือดใบหน้าจึงซีดขาว จากนั้นเธอก็พยายามทำรอยยิ้มที่พิลึกกึกกือ...

“อ๊า แม่งเอ้ย!” ซูเหอเวิ่นสะดุ้งโหยงอยู่กับที่ พ่นคำสบถอออกมา

กะละมังเหล็กอันนั้นหล่นเคร้งลงไปบนพื้น หมุนแป๊งๆๆ อยู่ที่เดิม...

ซู่เป่ายังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ซูเหอเวิ่นก็กระโดดไปข้างหลังเธอฟิ้ว กอดคอเธอไว้แน่น

“แค่ก...พี่...เบาหน่อย” ลิ้นของซู่เป่าแลบออกมา “จะบีบคอหนู...ตายแล้ว”

ซูเหอเวิ่นราวกับกลัวเป็นอย่างมาก จึงไม่ยอมปล่อยมือ เอาแต่ซ่อนตัวเองอยู่หลังไหล่น้อยๆ ของซู่เป่า

ซู่เป่าจนปัญญา

จะถูกพี่ชายของตัวเองรัดคอจนตายไม่ได้ใช่ไหม

เจ้าเด็กน้อยออกแรง ได้ยินเพียงเสียงปังทีหนึ่ง ซูเหอเวิ่นถูกเหวี่ยงข้ามไหล่ปลิวออกไป

ทิศทาง ข้างหน้าต่าง

ซูเหอเวิ่นรู้สึกเพียงวิงเวียนศีรษะเป็นพักๆ ตัวเองตกกระทบพื้นอย่างแรง ดีที่บนพื้นมีพรมอยู่ จึงไม่ถึงขั้นที่ทำให้เขาล้มจนโง่งมไป

เพียงแต่พอเขาได้สติกลับมา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นผีสาวกอดหัวตัวเองเอาไว้กลางอากาศ

“…”

ไม่สู้ทำให้เขาล้มจนโง่ไปเลยดีกว่า!!!

ไม่สิ ล้มจนสลบไป!

ซูเหอเวิ่นยื่นมืออย่างสั่นระรัว “ซู่เป่า พยุง พยุงฉันหน่อย”

ขาของเขาอ่อนปวกเปียก!

ซู่เป่ารีบไปพยุงซูเหอเวิ่นขึ้นมาพลางพูดว่า “ขอโทษนะคะพี่ เมื่อกี้หนูไม่ได้ตั้งใจ...”

ซูเหอเวิ่น “ไม่เป็นไร...ไม่สิ ตอนนี้มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้เหรอ”

เขามองตรงไปข้างหน้า ไม่กล้าเบือนหน้า

“เธอๆๆๆ มาตั้งแต่เมื่อไร”

ซู่เป่าสงสัยเป็นอย่างมากจริงๆ ทำไมพี่เล็กถึงได้เห็นผีอีกแล้ว

“ตอนที่เข็มชี้ของกะละมังเหล็กของพี่เริ่มหมุน คุณน้าที่กอดหัวอยู่ก็อยู่ข้างนอกแล้ว” ซู่เป่าพูดตอบ

พูดจบก็เสริมท้ายอีกประโยคหนึ่งว่า “พี่คะ พี่กลัวผีขนาดนี้ ทำไมถึงยังพยายามคำนวณอย่างสุดชีวิตอีกว่าจะเจอผีได้ยังไง”

ซูเหอเวิ่น “นี่ไม่ได้เผชิญหน้ากันซะหน่อย...”

ซู่เป่านึกถึงพี่ซูจื่อซีที่เล่นเกม ถามขึ้นอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง “เพราะงั้นนี่ก็คือ ทั้งอ่อนหัดทั้งชอบเล่นใช่ไหม”

ซูเหอเวิ่น “…”

เรามาพูดถึงผีสาวกันก่อนเถอะ!

ฮือๆๆ ผีสาวมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าแล้ว ทำไมน้องสาวยังมาถกแสนปัญหากับเขาได้อย่างใจเย็นขนาดนี้อีก

หรือว่าเธอไม่กลัวอย่างนั้นเหรอ

ซูเหอเวิ่นระงับขาทั้งสองข้างที่สั่นเอาไว้แล้วถามขึ้นว่า “เธอ เธอเป็นผีอะไร...”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่รู้สิ!”

อาจารย์บอกว่าจะลงไปประชุมข้างล่าง

สองวันแล้วก็ยังไม่กลับมา!

ซู่เป่ามองไปทางผีสาว ถามขึ้นว่า “คุณน้าหัวขาด คุณน้าเป็นผีแบบไหนเหรอ”

ผีสาวหัวขาด “...”

เธอกลอกตาเล็กน้อย ในตาเผยความแปลกประหลาดออกมานิดหน่อย ในลำคอเปล่งเสียง ‘เหอะ...เหอะ’ ออกมา

จากนั้นก็ลอยไปทางซูเหอเวิ่น

ในใจของซูเหอเวิ่นตะโกนลั่น คุณอย่าเข้ามานะ!!!

สัญชาตญาณของซู่เป่ารู้สึกถึงความอันตรายบางอย่าง จึงเข้ามาขวางหน้าซูเหอเวิ่นอย่างระวัง “จะพูดก็พูดมาสิ อย่าลงไม้ลงมือ”

ทันใดนั้นผีสาวก็แผดเสียงกรีดร้องออกมา กระโจนไปทางซู่เป่าอย่างรุนแรง!

ซู่เป่าไม่มีประสบการณ์ลงมือจริงเท่าไร ไม่มีจี้ฉางคอยชี้แนะอยู่ข้างกาย จึงรีบยกมือขึ้นมาป้องกันตามสัญชาตญาณ

ทันใดนั้นด้ายแดงบนมือของเธอก็เปล่งแสงสีแดงออกมาเล็กน้อย ดีดผีสาวออกไปอย่างแรง

ผีสาวไม่ทันได้ตั้งตัว ศีรษะที่กอดเอาไว้ในมือจึงตกลงไป ล้มตกอยู่อีกทางหนึ่งแบบหมดสารรูป

ศีรษะนั้นตุ้บๆๆ กลิ้งไปข้างเท้าของซูเหอเวิ่นอีกแล้ว

ศีรษะนั้นกลิ้งหลุนๆ ครึ่งรอบ เผยให้เห็นดวงตาทั้งคู่ของผีสาว เธอจ้องซูเหอเวิ่นเขม็ง อ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือด...

ซูเหอเวิ่น “!!”

ซู่เป่ารีบพูดขึ้นว่า “พี่ไม่ต้องตกใจไป!”

พูดจบก็รีบวิ่งเข้าไป ทำเสียงหึแบบเด็กๆ เสียงหนึ่ง “ชีวิตไม่เที่ยง...จีโอ จีโอ จู่โจม!”

พูดจบก็ยกเท้าถีบไป เตะศีรษะของผีสาวกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างราวกับเตะลูกหนังอย่างนั้น!

ทันใดนั้นผีสาวก็ราวกับแมลงวันไร้หัว คลึงเคล้าลอยเดินออกไปอย่างเดินไม่ตรง…

ซู่เป่าตามออกไป “พี่ พี่รอหนูอยู่ตรงนี้นะ!”

ซูเหอเวิ่นทั้งตื่นตระหนกและกระวนกระวาย จะกล้าอยู่คนเดียวในห้องได้ยังไง

เขารีบพูดขึ้นว่า “รอฉันด้วย!”

น้องอยู่ไหน เขาก็อยู่ที่นั่น!

สองลูกพี่ลูกน้องต่างวิ่งออกไป ไม่ได้เก็บกะละมังเหล็กขึ้นมา เครื่องถ่ายวิดีโอที่ลวดวางไว้ข้างโต๊ะก็ลืมปิด

เครื่องถ่ายวิดีโอโชว์ไฟกระพริบ ภาพเมื่อครู่ถูกบันทึกเอาไว้หมดแล้ว...

ซู่เป่าวิ่งลงมาชั้นล่าง คุณท่านซูที่กำลังพูดคุยกับมู่กุยฝานหยุดชะงักในทันใดแล้วหันหน้าไปมอง

เห็นเพียงแต่ซู่เป่าวิ่งออกมา

“ซู่เป่า หนูจะไปไหนน่ะ” นายหญิงซูรีบบังคับรถเข็นตามไป

มู่กุยฝานรีบลุกขึ้นในทันใด ลวดมือไปจับที่วางมือของรถเข็น เข็นนายหญิงซูออกไปด้วยกัน

นายหญิงซูหันไปมองมู่กุยฝานอย่างประหลาดใจทีหนึ่ง

มู่กุยฝานเป็นคนเข็นรถเข็นให้ย่อมเร็วกว่าตอนที่นายหญิงซูกดรีโมตเป็นธรรมดา นานแล้วที่นายหญิงซูไม่เคย ‘วิ่ง’ เร็วขนาดนี้ ไม่นานก็ไล่ตามซู่เป่าทัน

เห็นเพียงแต่ซู่เป่าวิ่งไปหลังสวนดอกไม้ มองท้องฟ้า แล้วก็มองแปลงเพาะดอกไม้ ก้มหน้าหาอะไรบางอย่าง

มู่กุยฝานถามขึ้น “หาอะไรเหรอ พ่อช่วยหนูเอง”

ซู่เป่าส่ายหน้า “พ่อคะ พ่อหาไม่เจอหรอกค่ะ”

ดวงตาอันดำขลับของมู่กุยฝานเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงมีความขี้เกียจนิดหน่อย “ไม่มีอะไรที่พ่อหาไม่เจอหรอก”

เขาเดาว่าของเล่นของซู่เป่าคงตกลงมา

ไม่ว่าจะเป็นของเล่นอะไร เล็กแค่ไหน การหาของสำหรับเขานั้นง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

ซู่เป่าส่ายหน้าไม่พูดไม่จา ถ้าเกิดทำคุณยายตกใจล่ะจะทำยังไง

ครั้งก่อนคุณยายก็ถูกพี่ซืออี้หรันที่ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือดทำให้ตกใจจะแย่

ซูเหอเวิ่นตามอยู่ข้างหลัง เขามองไปรอบด้านอย่างตื่นกลัว แต่กลับไม่เห็นเงาร่างของผีสาวอีก

ตอนนี้เองถึงควบคุมอารมณ์ไว้ได้เล็กน้อย พออ้าปากก็คำนวณตามสัญชาตญาณ “ตามพาราโบลา...”

สายตาของเขากะระยะห่างของหน้าต่างจนถึงสวนดอกไม้ และมุมขณะที่ศีรษะของผีสาวกระเด็นออกไปเมื่อครู่

“น่าจะอยู่ตรงนี้...”

จุดที่วิถีการเคลื่อนที่ของพาราโบลาสามารถค้นหาได้ นอกเสียจากว่าผีสาวตนนั้นจะเปลี่ยนทิศทางกลางคัน...

ซู่เป่าไม่รู้ว่าอะไรคือพาราโบลา

เธอมีเพียงแต่ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างหนึ่ง รู้สึกประมาณว่าศีรษะของผีสาวอยู่ที่ไหน

หาพื้นที่โดยรอบๆ โดยอาศัยเพียงแค่สัญชาตญาณ ไม่นึกเลยว่าจะหาไม่เจอ

ร่างของผีสาวที่เพิ่งกระเด็นออกมาก็หายไปเช่นกัน

“แปลกจังๆ!” ซู่เป่าขมวดคิ้ว พึมพำๆ

นายหญิงซูพูดขึ้น “ซู่เป่าจะหาอะไรเหรอ เดี๋ยวยายเรียกคนมาช่วยหาอีกแรง”

ตอนนี้ซู่เป่าทำได้เพียงแค่ยอมแพ้ เธอส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรค่ะคุณยาย แค่ก้นอันหนึ่งหล่นลงมา”

นายหญิงซูมองไปทางซูเหอเวิ่นอย่างประหลาดใจ

ซูเหอเวิ่น “...อ๋อใช่ครับ ผม...ผมแกล้งบอกน้องว่าโยนก้นของเธอออกมาแล้วเธอก็เชื่อน่ะครับ”

ทุกคนหมดคำพูดไปชั่วขณะ

นายหญิงซูพูดขึ้นว่า “อย่าเอาแต่แกล้งน้องสิ! น้องแกยังเด็กขนาดนั้นพูดอะไรไปก็เชื่อไปเสียหมด”

ซูเหอเวิ่นพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ทราบแล้วครับ!”

มู่กุยฝานกลับหรี่ตาเล็กน้อย มองซู่เป่าแล้วมองซูเหอเวิ่นที่กำลังปิดบังทีหนึ่ง

เจ้าเด็กน้อยไม่เลวเลยทีเดียว ปิดบังกันเก่งมากๆ แต่น่าเสียดายที่ยังเผยร่องรอยของการโกหกออกมาให้เห็นนิดหน่อย

“ไปกันเถอะ กลับไปกันเถอะ” นายหญิงซูพูดขึ้น

ทุกคนต่างเดินกลับไป แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นว่าหลังพุ่มไม้ของแปลงเพาะดอกไม้ มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนตรงอยู่...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน