ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 116

ซูเหอเวิ่นขนลุกซู่ รู้สึกเพียงว่าศีรษะชา หัวใจเต้นเร็วเกือบจะหนึ่งร้อยแปดสิบครั้งต่อนาที

“ใครนะ...ใคร!”

ซูเหอเวิ่นตะโกนเสียงดังเพื่อปลุกใจให้ตัวเอง เด้งขึ้นมาอย่างกับปลาหลีขึ้นฝั่งอย่างนั้น เปิดไฟแป๊กเสียงหนึ่ง

ในห้องสว่างไปทั่ว ผ้าม่านถูกลมพัดสะบัด จนเกิดเสียงซู่ๆ เบาๆ

ในห้องเงียบสงัด มองไปรอบๆ ทีหนึ่ง ไม่มีอะไร...

ซูเหอเวิ่นใจเต้นแรง เกือบจะร้องไห้ออกมา แสงสว่างให้ความกล้าที่จะมั่นใจแก่เขา เขารีบวิ่งออกไปดูซ้ายมองขวา

ทางเดินเปิดไฟกลางคืนเอาไว้ เป็นเพียงแค่หลอดประหยัดไฟไม่กี่วัตต์ประเภทนั้น ทำให้ทางเดินดูขมุกขมัว สลัวๆ

ปลายทางเดินเป็นโค้ง มองไม่ชัดว่าหลังโค้งนั้นคืออะไร แต่บนพื้นมีเงามืดเส้นหนึ่ง ราวกับเป็นเงาของคนคนหนึ่ง...

ซูเหอเวิ่นขนลุกซู่ รีบปิดประตูทันที

ไม่เพียงแต่ปิดประตูเท่านั้น ยังดานประตูห้องด้วย!

ขณะนี้เองถึงได้มีความรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย จากนั้นถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“คนทำให้คนตกใจน่ากลัวจะตายชัก...อย่าตกใจตัวเองสิ...ฮือๆ” ซูเหอเวิ่นตกใจจนร้องไห้ออกมา อดกำผ้ายันต์สีเหลืองที่แปะเอาไว้ตรงท้องแน่นไม่ได้

เพราะฝันร้ายนั่น ทำให้เขาหวาดระแวงไปหมด บางทีอาจเป็นเพราะก่อนนอนตัวเขาเองไม่ได้ปิดประตูให้ดีก็ได้...

แม้ซูเหอเวิ่นจะคิดแบบนี้แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก

เขามีนิสัยเคยชินว่าต้องปิดประตูก่อนเข้านอน หรือว่าเมื่อคืนลืมปิดจริงๆ

ซูเหอเวิ่นทอดกายบนเตียง ไม่กล้าปิดไฟ พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ

เขานึกถึงฝันร้ายเมื่อครู่ มีคนเปิดประตูห้องของเขา ลอยเบาหวิวเข้ามา ยืนอยู่หน้าเตียงของเขา...ยิ่งนึกก็ยิ่งกลัว

ซูเหอเวิ่นกำลังลังเล ไม่งั้นก็ไปนอนกับซู่เป่าก็แล้วกัน เขาปูที่นอนบนพื้นก็ได้ นอนบนพื้นไม้ก็ได้ทั้งนั้น

ถ้าไม่ได้อีก หรือว่าเขาจะไปหาพี่ชายของเขาดี นอนเบียดกับพี่ชายของเขาในห้องห้องเดียว ก็ไม่นับว่าขายหน้าหรอกใช่ไหม

แต่ถ้าจะออกไปละก็ ต้องผ่านโค้งของทางเดินนั่น

ถ้า ‘คน’ คนนั้นหลบอยู่ตรงนั้นจะทำยังไง คงไม่เผชิญหน้ากับเขาเลยหรอกเหรอ...

ซูเหอเวิ่นตัวสั่นระริกอย่างอดไม่ได้ รีบคิดหาหนทางอื่นอย่างรวดเร็ว ถ้างั้นก็ไปหาพ่อของเขาละกัน!

ห้องของเขากับห้องของพ่อเขาถูกกั้นเอาไว้ด้วยห้องหนังสือห้องหนึ่ง ไม่ต้องผ่านโค้งบันไดนั่น

ซูเหอเวิ่นลุกขึ้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา เท้าเพิ่งจะเหยียบลงบนพื้น ทันใดนั้นก็เห็นเงามืดโผล่ออกมาจากใต้เตียง

ทันใดนั้นเขาก็ชักเท้ากลับมาโดยพลัน

ฮือๆ! เห็นอะไรก็รู้สึกกลัวไปหมด!

ซูเหอเวิ่นควานไปทั่ว ควานหาโทรศัพท์ออกมา เตรียมจะโทรหาพ่อ

ในขณะนี้เอง ทันใดนั้นในตู้เสื้อผ้าก็มีเสียงแต๊กเบาๆ ดังออกมาเสียงหนึ่ง

เอี๊ยด

ประตูตู้เสื้อผ้าที่ปิดสนิทมีร่องแง้มออกมา

กระดูกสันหลังของซูเหอเวิ่นสั่นระรัว หันหน้ากลับไปอย่างยากลำบาก

ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดได้ประมาณสองนิ้วก็ไม่ขยับแล้ว ราวกับอะไหล่มีอายุการใช้งานมากแล้ว ไม่สามารถแบกรับน้ำหนักของประตูไม้ได้จึงเปิดออกเองอย่างนั้น...

ซูเหอเวิ่นมองร่องนั้น รู้สึกมีอะไรซ่อนตัวอยู่ข้างในอย่างอธิบายไม่ถูก ขนลุกตั้งชัน

หากฝันร้ายเป็นเรื่องจริง คงไม่ใช่ว่าคนคนนั้นยังไม่ได้ออกไปนะ แต่ซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าใช่ไหม!

ซูเหอเวิ่นกลั้นลมหายใจเอาไว้ ในห้องเงียบเป็นอย่างมาก เงียบจนเขาหูฝาด ราวกับได้ยินเสียงลมหายใจของใครบางคน

“ใคร...ใครอยู่ตรงนั้น!” ซูเหอเวิ่นหวาดกลัวจึงแผดเสียงดังเพื่อให้ความกล้าแก่ตัวเอง

ทันใดนั้นเองเขาไม่สนใจแล้วว่าใต้เตียง หน้าต่างหรือห้องน้ำจะมีคน

เขาสาวเท้ายาวๆ พุ่งออกไป เปิดประตูห้องอย่างลุกลี้ลุกลน แต่ประตูห้องถูกเขาดานประตูเอาไว้ ไม่คิดเลยเวลานี้พอรีบแล้วจะเปิดไม่ออก

เขาไม่กล้าหันกลับไป เขามักจะคิดว่าบางอย่างในตู้เสื้อผ้าออกมาแล้ว กำลังยืนอยู่หลังเขา...

แป๊ก!

ในที่สุดก็เปิดประตูออก ซูเหอเวิ่นร้องไห้จ้าพลางวิ่งออกไป

“พ่อ! พ่อครับๆ! พ่อๆๆ!” ซูเหอเวิ่นเคาะประตูก๊อกๆ

เขาไม่กล้าหันกลับไปมองอยู่แล้ว

เวลานี้เป็นเวลาประมาณตีสองตีสาม ซูอีเฉินเพิ่งทำงานเสร็จและทอดตัวลงนอน เขาขมวดคิ้วอดกลั้นศีรษะที่ปวดอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นก็ได้ยินก๊อกๆ ดังขึ้นที่ประตู เขาลุกขึ้นไปเปิดประตู ยังไม่ทันดูให้ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ร่างน้อยๆ ร่างหนึ่งก็โผเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างแรง

แรงที่เยอะทำให้เขาถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อนั้นจึงได้เห็นว่าในอ้อมแขนคือซูเหอเวิ่น

ซูเหอเวิ่นที่ร้องไห้จนน้ำตาอาบสองแก้ม

ซูอีเฉิน “?”

ซูเหอเหวินกับซูเหอเวิ่นประสีประสากันค่อนข้างเร็ว ตอนสี่ขวบกว่าก็เริ่มแยกห้องนอนกันเองแล้ว

สามปีมานี้ไม่ได้พึ่งพาเขาอีกเลย ยิ่งจะไม่เผชิญในสถานการณ์ตรงหน้าแบบนี้

“เกิดอะไรขึ้น” ซูอีเฉินโน้มตัวลงมา อุ้มซูเหอเวิ่นขึ้นมาอย่างสบายๆ ฝ่ามือกว้างจับหลังของเขาตบๆ

ซูเหอเวิ่นจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองไม่ได้ถูกพ่ออุ้มแบบนี้มานานเท่าไรแล้ว

จำได้ว่าหลังคุณอาจิ่นอวี้หายตัวไป บรรยากาศในบ้านก็กดดันจนน่ากลัว พ่อยุ่งจนไม่เคยเจอหน้า ไม่นานคุณย่าก็ล้มป่วยจนต้องไปเนอร์สซิ่งโฮม เหล่าอาๆ วิ่งเต้นตามหาคุณอาจิ่นอวี้ไปทั่วอย่างเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ

ในบ้านมีเพียงป้าอู๋ บรรดาสาวใช้และอาเนี่ย เวลาส่วนใหญ่คุณปู่เองก็อยู่ แต่ใบหน้าเย็นชาและเคร่งขรึม แค่มองไกลๆ ก็รู้สึกน่ากลัวเป็นอย่างมาก

พวกอาเนี่ยกับป้าอู่เขาเองก็ไม่ใช่ครอบครัวของเขา อาสะใภ้รองก็อยู่บ้านทุกวันเช่นกัน แต่เธอสนใจเพียงแค่หานหาน

บางทีซูเหอเวิ่นเองก็อิจฉาหานหาน แม้ว่าตอนนั้นเธอจะขยับหรือไม่ขยับก็เอาแต่ร้องไห้เสียงดัง น่ารังเกียจเป็นอย่างมาก

แต่อย่างน้อยก็มีคนดุด่าเธอ เธอถึงได้ร้องไห้เสียงดัง

“พ่อครับ...” ยิ่งซูเหอเวิ่นนึกถึงความคิดพัลวัลเช่นนี้ เขาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ราวกับความกลัวและความน้อยเนื้อต่ำใจจะผสมปนเปเข้าด้วยกัน น้ำตาและน้ำมูกไหลพรากลงมาพร้อมเพรียงกัน

ซูอีเฉิน “…”

ซูเหอเวิ่นพาดตัวอยู่บนไหล่ของซูอีเฉิน พลางลวดเช็ดน้ำตาและน้ำมูก ก็มีนิสัยอย่างนี้นี่นะ ไม่นานก็รู้สึกว่าตัวเองร้องไห้ได้น่าขายหน้ามากๆ จึงขืนทำให้ใจเย็นลง

ซูอีเฉินลวดมือปิดประตู อุ้มซูเหอเวิ่นเข้าไปในห้องให้เขานั่งลงบนโซฟา จากนั้นรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว แล้วหยิบผ้าขนหนูสะอาดมาชุบน้ำอุ่นแล้วส่งให้เขา

“ใจเย็นลงหรือยัง” เขาถาม

ซูเหอเวิ่นพยักหน้าอย่างกระซิบ “อืม”

ซูอีเฉินนั่งลงตรงหน้าเขา โน้มตัวลงเล็กน้อย แล้วเท้าศอกบนเข่า

“ว่ามาสิ เกิดอะไรขึ้น”

ซูเหอเวิ่นอ้าปากอย่างยากลำบากโดยพลัน บอกว่าเขาฝันร้ายหรือบอกว่าในห้องเขามีผีดี

ไม่ว่าจะเรื่องไหน แค่คิดก็รู้สึกน่าขันแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าพูดออกมาจะเป็นยังไง

เห็นซูอีเฉินยังมองเขาอยู่ ซูเหอเวิ่นจึงทำได้แค่พูดขึ้นอย่างอึกๆ อักๆ “ใน ในห้องผมเหมือนจะมีผี...”

ขณะที่ซูเหอเวิ่นทำหน้าม่อยคอตกเพราะคิดว่าพ่อของเขาจะพูดว่า ‘น่าขันชะมัด’ แต่กลับเห็นพ่อของเขายืนขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “ไป”

ซูเหอเวิ่นรีบลุกขึ้น “ไปไหนครับ”

ซูอีเฉิน “ไปดูห้องแกไง”

ซูเหอเวิ่น “…”

ผ่านไปชั่วครู่ สองพ่อลูกกลับไปยังห้องของซูเหอเวิ่น ซูเหอเวิ่นฉุดชายเสื้อของซูอีเฉินไว้แน่น

ซูอีเฉินเปิดไฟทั้งหมดในห้อง หรี่ตามองรอบๆ ทีหนึ่ง

สายตาตกไปอยู่ที่ประตูตู้เสื้อผ้าตู้นั้นที่ซูเหอเวิ่นพูดถึง

ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อผ้าตัวน้อยที่แขวนเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ข้างใน ชุดนักเรียนฤดูร้อนสองชุด ชุดนักเรียนฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงสองชุด และเสื้อยืดทีเชิร์ตอีกสองสามตัว

ซูเหอเวิ่นเบิกตาโพลงในทันใด พูดขึ้นอย่างติดอ่างว่า “ตอน ตอนที่ผมออกไปประตูเสื้อผ้าบานนี้เปิดออกแค่ให้เห็นร่องแง้มเท่านั้น...”

ใช่แล้ว ครั้งนี้เขาจำไม่ผิดแน่!

นอกห้องมีเสียงเบาๆ ดังขึ้นมา ราวกับเสียงของฝีเท้า

ซูอีเฉินรีบเดินไปด้วยความเร็ว เปิดประตูดังเอี๊ยด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน