ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 118

ผีสาวหัวขาดตกใจจนแยกออกจากร่างซู่เฟินชั่วคราว ศีรษะของเธอเอียงเล็กน้อยประมาณหนึ่งเซนติเมตร

หนึ่งเซนติเมตรนี้พอทำให้ซู่เป่ามองออกได้อย่างชัดเจน เธอพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “อ๋อ ที่แท้คุณน้าก็ซ่อนอยู่ตรงนี้นี่เอง!”

มิน่าล่ะทำไมเธอหาเท่าไรก็หาไม่เจอ!

ซู่เป่ารีบปีนขึ้นมา เอื้อมมือมาคว้าและจับศีรษะของผีสาวหัวขาดเอาไว้!

“คุณน้ารีบออกมาสิ...”

ซู่เป่ายืนออกแรงอยู่บนเตียง ราวกับออกแรงดึงหัวของหัวไชเท้าอย่างนั้น

ซู่เฟินรีบกอดศีรษะเอาไว้ ใบหน้าเผยให้เห็นความเจ็บปวดเล็กน้อย ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อและสั่นระรัวขึ้นมา

เธอเปล่งเสียง ‘โอ๊ะ...โอ๊ะ’ ออกมา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณหนูซู่เป่า...คุณหนูกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ...”

นัยน์ตาของซู่เฟินเผยให้เห็นความชั่วร้ายอยู่เล็กน้อย

เจ้าเด็กน้อยคนนี้น่ะเหรอจะจับเธอ!

เป็นที่รักของทุกคน มิหนำซ้ำฐานะทางบ้านยังร่ำรวยขนาดนี้อีก ฐานะแบบนี้ไม่สู้มอบให้เธอเถอะ!

แม้เธอเองก็อยากได้สมองอันปราดเปรื่องของซูเหอเวิ่นนั่น แต่ทว่าฐานะของยัยหนูน้อยคนนี้ดีกว่าอย่างชัดเจน

ซู่เฟินเอื้อมมือออกไป คิดจะบีบคอซู่เป่าอย่างแรง!

ทันใดนั้นทางระเบียงมีแสงฟ้าแลบสีดำส่องถึง

นัยน์ตาของมู่กุยฝานแฝงไปด้วยจิตสังหาร กำลังจะตบซู่เฟินให้กระเด็น

แต่กลับเห็นซู่เป่าคว้ามือของซู่เฟินเอาไว้อย่างแรง ใบหน้าเผยให้เห็นอารมณ์โกรธของเด็กน้อย เปล่งเสียง ‘ฮ่า’ แล้วสลัดซู่เฟินออกไป!

“ไปเถอะ! คุณน้าปิกอัพ!” เจ้าเด็กน้อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา

โครม

ซู่เฟินล้มลงไปอยู่บนชั้นวางของเล่นไม่ไกล ทำชั้นวางถล่มพังลงมา ของเล่นหล่นลงบนพื้นเสียงโครมคราม

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วพริบตา มู่กุยฝานอึ้ง

นี่...นี่คือแก้วตาดวงใจที่แสนอ่อนโยนของเขาคนนั้นจริงๆ เหรอ!

หานหานที่นอนอยู่บนเตียงราวกับเสียงดังเกินไป เธอขมวดคิ้วแล้วพลิกตัวบ่นพึมพำประโยคหนึ่ง ครู่เดียวก็ผล็อยหลับไปอีก

ซู่เป่าวิ่งลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่า จากนั้นวิ่งมาตรงหน้าซู่เฟิน

เห็นซู่เฟินยังคิดต่อต้าน เธอรีบยื่นเท้าขาวเนียนออกไป เท้าเหยียบไปตรงอกของซู่เฟิน

ซู่เฟินอยากจะตบซู่เป่าให้คว่ำ แต่ไม่นึกเลยว่าไม่ว่าเธอจะออกแรงยังไง ก็ผลักไม่ไป...

ซู่เป่าถามขึ้นว่า “คุณน้ามาทำอะไรตรงนี้ ทำไมต้องแอบเข้ามาในห้องหนูด้วย”

ซู่เฟินเห็นมู่กุยฝานอยู่หลังซู่เป่า จึงหลบสายตาอย่างลุกลี้ลุกลน

“ฉันเปล่านะคะ...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ ฉันอาจจะเดินละเมอมั้งคะ...”

ซู่เฟินพูดไปพลางดิ้นไปด้วย “คุณหนูซู่เป่าคะ ปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ...”

ซู่เป่า “ไม่ได้!”

มู่กุยฝานชักมีดสั้นออกจากฝักฉึก จากนั้นพูดขึ้นว่า “ซู่เป่า ไปพักอีกฝั่งก่อน”

เรื่องบีบคั้นอะไรประเภทนี้เขาถนัดนัก

ซู่เป่าชักขากลับอย่างเชื่อใจเป็นอย่างมาก ซู่เฟินรีบปีนขึ้นมา แต่ไม่นึกว่ามู่กุยฝานจะกระทืบเท้ามาในทันที

มุมปากของมู่กุยฝานเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนเย็นชาออกมา “ฉันไม่มีความอดทนอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่สารภาพออกมาตรงๆ ละก็...”

เขาถือมีดมาทาบไว้บนคอของเธอ กดเสียงต่ำ เย็นชาจนน่าขนลุก

นัยน์ตาของซู่เฟินเผยความกลัวออกมา

มู่กุยฝานควงมีดสั้น พูดอย่างกระซิบกระซาบว่า “ถ้าพูดถึงเด็ดหัวคน ฉันมีประสบการณ์เยอะทีเดียวนะ”

เขาหัวเราะเหอะๆ “เธออยากลองไหมล่ะ”

ซู่เฟินกลัวจนวิญญาณออกจากร่าง วิญญาณออกจากร่างจริงๆ ร่างวิญญาณของผีสาวหัวขาดกระเด็นออกมา!

ซู่เฟินเจ้าของร่างเดิมเป็นลมไปแล้ว!

ซู่เป่าเบิกตาโพลง ที่แท้ ‘กลัวจนวิญญาณออกจากร่าง’ ก็เป็นเรื่องจริงสินะ!

ได้เรียนรู้ด้วยตาตัวเองแล้ว!

ผีสาวหัวขาดโผล่ออกมาจากร่างของซู่เฟิน จากนั้นก็รีบกอดศีรษะของตัวเองเอาไว้ ลอยฟิ้วออกไปข้างนอก

“ไม่ให้หนีไปไหนทั้งนั้น!” ซู่เป่ารีบตามไปทันที

มู่กุยฝาน “?”

ด้านซูเหอเวิ่น

หลังสองพ่อลูกเห็นความผิดปกติในห้อง ซูอีเฉินรีบพาซูเหอเวิ่นตามออกมาเงียบๆ

ซูเหอเวิ่นไม่กล้าหอบหายใจเสียงดัง รีบหยิบยันต์รูปสามเหลี่ยมผืนนั้นให้ซู่เป่าทันที

ในโค้งตรงทางเดินยังคงมีเงาสายหนึ่ง ซูเหอเวิ่นจับชายเสื้อของซูอีเฉินไว้แน่น

ซูอีเฉินไม่ได้หันหลังกลับไป เพียงแต่เปลี่ยนเป็นจับมือของเขาเอาไว้

เดินเลี้ยวตรงโค้งของทางเดิน ขณะนี้เองในที่สุดซูเหอเวิ่นถึงได้เห็นอย่างชัดเจน เดิมเงาสายนั้นไม่ใช่อะไรเลย แต่เป็นเพียงดอกไม้ช่อหนึ่งที่อยู่ริมทางเดิน...

ซูเหอเวิ่นถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างแรง ขณะนี้เองถึงเดินไปยังประตูห้องของซู่เป่าอย่างวางใจ

ประตูห้องของซู่เป่าเปิดออกอยู่ครึ่งหนึ่ง ซูเหอเวิ่นเพิ่งถึงก็ได้ยินเสียงอ้อแอ้แสนนุ่มนิ่มของซู่เป่า “ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น!”

เขายังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ก็เห็นผีสาวกอดหัวตนนั้นกระโจนออกมารับหน้า!

ซูเหอเวิ่น “!!!!”

“แม่เจ้า!”

“พ่อครับๆๆ...อาป๊าๆ!”

ซูเหอเวิ่นผู้น่าสงสารตกใจจนเรียกอาป๊าออกมาแล้ว ซูอีเฉินผู้เห็นทุกอย่างฉงนงงงวย

ผีสาวหัวขาดเมื่อเห็นว่าเป็นซูเหอเวิ่น ก็รีบเผยความร้ายกาจออกมา กระโจนไปทางร่างของซูเหอเวิ่นอย่างแรง

แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ถูกสว่างสีเหลืองกระแทกออกไป!

“อ๊า”

ผีสาวหัวขาดแผดเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาออกมา

สายตาของซูอีเฉินมีความสงสัยเล็กน้อย เมื่อครู่เหมือนเขาเห็นซูเหอเวิ่นเปล่งออกมาจากหน้าอก แต่รวดเร็วเป็นอย่างมาก เร็วจนราวกับเขาตาฝาดไปอย่างนั้น

แต่วินาทีต่อมา ข้างหูก็ราวกับมีเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งแว่วมาก

ซูอีเฉินรวบตัวซูเหอเวิ่นที่สีหน้าซีดเผือดมาไว้ในอ้อมอก ถามขึ้นอย่างกระซิบว่า “แกเห็นอะไร”

ซูเหอเวิ่นทำหน้าเศร้าแล้วร้องไห้ออกมา ริมฝีปากสั่นระรัว “ผีสาว ผีสาวหัวขาดตนหนึ่ง เธอกระโจนมาทางผม ฮือๆๆ...”

ขณะนี้เองผีสาวหัวขาดก็ล้มเข้ามาในห้องอีกครั้ง เธอล้มมาทับตัวข้างซู่เป่าพอดี

ซู่เป่ารีบยกมือขึ้นทันที น้ำเต้าวิญญาณปรากฏออกมา “เข้าไป!”

ผีสาวหัวขาดถูกเก็บเข้าไปแล้วจริงๆ

แต่ผีร้ายเก็บง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ

หลายครั้งก่อนหน้านี้ซู่เป่ามีจี้ฉางคอยอยู่ด้วยเสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเก็บวิญญาณเอง

เมื่อผีสาวหัวขาดเข้าไปในน้ำเต้าวิญญาณ ทันใดนั้นก็ต่อต่านขึ้นมาในทันที

น้ำเต้าวิญญาณสั่นไม่หยุด ซู่เป่าควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ รู้สึกเพียงแน่นหน้าอก เธอกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

เจ้าเด็กน้อยหมดแรง ล้มลงไปกับพื้น...

นัยน์ตาของมู่กุยฝานหดไปโดยพลัน “ซู่เป่า!”

เขารีบรับซู่เป่าเอาไว้ในอ้อมแขน แต่สีหน้าของเจ้าเด็กน้อยซูบซีด มิหนำซ้ำริมฝีปากยังสั่นระรัว “อย่าให้...หนี...”

ผีสาวหัวขาดออกมาอีกแล้ว ไอชั่วร้ายพวยพุ่งออกมา มีเสียงเหอะๆๆ ออกมาจากลำคอ

ผีขี้ขลาดและผีสาวขี้เหร่เองก็ถูกบังคับให้ตามออกมาเช่นกัน มองมาก็เห็นซู่เป่าที่กระอักเลือด

ผีขี้ขลาดเป็นเด็กชายอยุประมาณสิบสี่ปี ตอนมีชีวิตอยู่ มีเพียงซู่เป่าที่แกะลูกอมให้เขา เข้าใจความเคียดแค้นที่ไม่ยอมแพ้ของเขา

ตอนนี้เห็นเธอได้รับบาดเจ็บ เขาจึงรีบกระโจนเข้าไปอย่างไม่ต้องคิด!

ทันใดนั้นผีร้ายสองตนก็ลุกสู้กันทันที แต่อย่างไรผีขี้ขลาดก็อ่อนแอกว่าหน่อย จึงถูกผีสาวหัวขาดฉีกแขนข้างหนึ่งแล้วกลืนลงไป

ผีสาวขี้เหร่ “อ๊า...”

เธอพุ่งตรงไป

ศีรษะของผีสาวหัวขาดหันมา ผีสาวขี้เหร่กลัวจนถอยกลับไปทางเดิม “เจ้าหนู อย่าโทษฉันเลยนะ ฉันๆๆ สู้เธอไม่ได้จริงๆ!”

ลมเย็นในห้องพัดอย่างรุนแรง ผ้าม่านถูกลมพัดสะบัดฟิ้วๆ อุณหภูมิในห้องลดลงสองสามองศาอย่างอธิบายไม่ได้

หานหานที่หลับเป็นตายราวกับหมูรู้สึกหนาว จึงจับผ้าห่มเอาไว้ตามสัญชาตญาณ และหลับต่อไป...

มู่กุยฝานกับซูอีเฉินตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมองไม่เห็นอะไรเลยก็ตาม

แต่เห็นซู่เป่ากระอักเลือดอย่างอธิบายไม่ได้ เห็นผ้าม่านสะบัดอย่างพิลึกกึกกือ และรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่จู่ๆ ก็เย็นขึ้นมาในห้อง

นอกจากซู่เป่าแล้วซูเหอเวิ่นก็เป็นคนเดียวที่มองเห็นผี ตอนนี้เห็นผีสองตนกำลังต่อสู้กัน รู้สึกเพียงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ทำได้แค่เพียงจับมือของซู่เป่าเอาไว้แน่นๆ

ที่แท้น้องสาวก็มีบางอย่างที่ทำไม่ได้เช่นกัน

ที่แท้น้องสาวก็จะถูกพาตัวไปจริงๆ...

ดวงตาของซูเหอเวิ่นเริ่มแดง เมื่อพบว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย เขารู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน