ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 119

ด้ายแดงบนข้อมือของซู่เป่าเปล่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้เองซู่เป่าหายแน่นหน้าอก

เพียงแต่ยังรู้สึกไร้เรี่ยวแรง

มู่กุยฝานอุ้มซู่เป่าขึ้นมา แล้วพูดขึ้นว่า “ไปโรงพยาบาล...เราไปโรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้!”

ในใจของเขารู้สึกกระวนกระวายอย่างไม่มีสาเหตุ ความกระวนกระวายนี้เป็นความไร้กำลังที่เรื่องราวอยู่เหนือความควบคุมของเขา!

จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะเริ่มเข้าใจ แก้วตาดวงใจที่แสนอ่อนโยนของเขาคนนี้ ช่างแตกต่างจากเด็กคนอื่นจริงๆ...

ซูอีเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความเร็ว เรียกซูอี้เซินขึ้นมาก่อน

เห็นซู่เป่าได้รับบาดเจ็บจนหมดแรง สายตาของผีสาวหัวขาดก็เปล่งประกายความดีใจออกมาเล็กน้อย

เธอกระโจนไปทางซู่เป่าอย่างแรง!

เป็นคนดีแค่ไหน เธออยากเป็นคน

มิหนำซ้ำฐานะของซู่เป่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่เป็นองค์หญิงน้อยคนโปรดของทั้งตระกูลซู แต่ยังเป็นลูกสาวบ้านตระกูลมู่อีกด้วย!

มีคนเอาใจซู่เป่ามากมายขนาดนั้น หากเธอได้เป็นซู่เป่า อย่างนั้นอยากได้อะไรก็ได้หมดน่ะสิ

ถึงเวลานั้น เธอจะไปเป็นคนรวยมีฐานะที่อเมริกา ได้กรีนการ์ดของอเมริกา และกลายเป็นคนอเมริกา

ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็อยู่เหนือคนอื่น!

“ซู่เป่าระวัง”

ผีขี้ขลาดกระโจนเข้ามาอย่างร้อนใจ

ซูเหอเวิ่นจนปัญญา ทำได้เพียงขวางหน้าซู่เป่าเอาไว้ กัดฟันแล้วพูดว่า “คุณ...คุณอย่าเข้ามานะ!”

เขาคว้ายันต์ที่ซู่เป่าให้ขึ้นมาแล้วปาไปอย่างแรง

น่าเสียดายที่ยันต์ใช้ได้เพียงครั้งเดียว หากขาดก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

ในขณะนี้เอง สายฟ้าสีทมิฬก็ฟาดลงมา เสียงเปรี้ยง ผ่าลงที่ผีสาวที่นัยน์ตาแฝงไปด้วยความชั่วร้ายจนกระเด็นออกไปเลย!

ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีขาวสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างมาก ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสีแดง เป็นจี้ฉางนั่นเอง

ซูเหอเวิ่นแทบจะร้องไห้ออกมา “อาจารย์!”

เขาไม่เคยเห็นเห็นผีแล้วดีใจขนาดนั้นมาก่อน

สีหน้าของจี้ฉางดูไม่ได้เป็นอย่างมาก

เขาเพิ่งจะไปไม่กี่วัน ทำไมที่บ้านถึงมีผีร้ายเพิ่มมาอีกตัว

จี้ฉางมาตรงหน้าซู่เป่าด้วยความเร็ว จับแขนของเธอเอาไว้ ลดน้ำเสียงลง “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

ซู่เป่ามีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง น้ำเสียงอ้อแอ้ๆ “อือฮึ...”

จนป่านนี้แล้ว กลับเลียนแบบน้ำเสียงของมู่กุยฝานได้เพียงเจ็ดแปดส่วน

ซู่เป่ารู้สึกเพียงว่ามีความอบอุ่นแผ่มาจากข้อมือที่อาจารย์จับไว้ ทันใดนั้นในสมองก็มึนงง ราวกับแช่อยู่ในบ่อนำพุร้อนอย่างนั้น สบายเป็นอย่างมาก

ผีสาวหัวขาดรู้สึกได้ว่าทะแม่งๆ จึงรีบฉวยโอกาสหลบหนี

จี้ฉางเพียงแค่ยกนิ้วขึ้นและไม่แม้แต่จะหันไปมอง จากนั้นก็มีตาข่ายฟ้าดินสีแดงผืนหนึ่งร่วงลงมา ขังผีสาวเอาไว้!

เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทำร้ายศิษย์ของข้า แล้วยังจะคิดหนีอีกงั้นหรือ”

ทันใดนั้นผีสาวหัวขาดก็ต่อสู้อย่างอาฆาต แต่กลับไม่มีประโยชน์เลยสักนิด

ซู่เป่าถามขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ ตกลงคุณน้าหัวขาดเป็นผีอะไรกันแน่”

ผีตนนี้แปลกยิ่งนัก ชอบแอบเข้าห้องคนอื่นตอนดึกดื่นเที่ยงคืน

แถมยังชอบสิงร่างคนอีกด้วย...

จี้ฉางมองทีหนึ่ง แล้วพูดชืดๆ ว่า “ผีฝรั่งปลอม”

ซู่เป่า “?”

มีผีประเภทนี้ด้วยเหรอ!

จี้ฉางอธิบาย “ผีประเภทนี้เห่อของนอก อิจฉาคนที่ได้ดีกว่า ถ้าแค่อิจฉาคนที่ได้ดีกว่าก็แล้วไป ยังไงเป็นคนก็ต้องมีใจคิดอิจฉาคนที่ได้ดีกว่าอยู่ประมาณหนึ่งแล้ว ถึงจะทำให้เราพยายามทำตัวให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คืออิจฉาคนที่ได้ดีกว่าไปด้วยพลางไม่ยอมถีบตัวเองขึ้นมาด้วย เป็นเพียงขยะที่คิดจะบรรลุเป้าหมายโดยไม่สนวิธีการอย่างเช่นการเลียแข้งเลียขา แอบยึดครองชีวิตคนอื่น ใช้กำลังคนที่อ่อนแอเท่านั้น”

ในตอนที่คนประเภทนี้ทำตัวทุเรศขึ้นมา จะดูดเลือดดูดเนื้อประชาชนในประเทศ แต่กลับประจบสอพลอคนต่างประเทศ แทบอยากควักหัวใจออกมาประเคนถึงตรงหน้าคนอื่น

สำหรับอย่างอื่น บางทีก็อาจเกี่ยวข้องกับนิสัยแปลกๆ ของตัวเอง อย่างเช่นชอบสอดส่องชีวิตคนอื่น...

จี้ฉางพูดถึงตรงนี้ก็ย้อนกลับเรื่องเดิม

ตอนนี้เขาไม่สนใจผีฝรั่งปลอมนั่น

เพียงแต่ขมวดคิ้วแล้วยกข้อมือของซู่เป่าขึ้นมา เขย่าและถามขึ้นว่า “เจ้าฝืนบังคับเก็บนางเข้าไปในน้ำเต้าวิญญาณใช่หรือไม่”

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อือฮึ”

จี้ฉางยื่นนิ้วออกไปนิ้วหนึ่ง จากนั้นจิ้มบนหน้าผากของเธอ “เจ้ายังมาอือฮึอยู่อีกหรือ!”

“ตอนที่เจ้ายังไร้ความสามารถ ห้ามคิดฝืนบังคับเก็บจะจับผีร้ายเด็ดขาด”

“อย่างเช่นเมื่อครู่หากไม่ขยับน้ำเต้าวิญญาณ นางจะทำอะไรเจ้าไม่ได้เลย หากนางกล้าจู่โจมเจ้า ก็จะถูกด้ายแดงต้านกลับไป”

ซู่เป่ามองด้ายแดงบนข้อมืออย่างสงสัย “ด้ายแดงร้ายกาจมากเลยเหรอ”

จี้ฉางพยักหน้า “ร้ายกาจมาก ร้ายกาจเป็นอย่างมาก เพียงแต่ตอนนี้เจ้ายังไม่ใช้มันจู่โจม มันทำได้แค่ปกป้องเจ้า”

เมื่อมีคนหรือผีคิดจะทำร้ายเธอ ด้ายแดงจะถูกกระตุ้นและโจมตี

ซู่เป่าเข้าใจแล้ว “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง...”

“ถ้างั้นอาจารย์ ตอนนี้เราเก็บเธอได้หรือยัง” เจ้าเด็กน้อยมีแรงแล้ว และคันไม้คันมืออยากจะลองขึ้นมาอีก

นัยน์ตาของจี้ฉางประกายความจนใจและการตามใจออกมาเล็กน้อย

พูดไปตั้งมากมายขนาดนั้น ตกลงเธอเข้าใจหรือเปล่ากันแน่

แต่จะทำอะไรได้ ทำได้เพียงแค่ตามใจเท่านั้น

สองอาจารย์และศิษย์ล้อมเข้าไป จ้องไปที่ผีสาวหัวขาด

ผีสาวหัวขาดหวาดกลัว “พวก...พวกคุณอย่าเข้ามานะ!”

ซู่เป่านึกถึงการแกล้งของหานหาน เลียนแบบการหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า “เฮ้ คุณน้าร้องสิ คุณน้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยินคุณน้าหรอก! ”

จี้ฉาง “…”

มู่กุยฝานกับซูอีเฉิน “…”

ในความสงสัยแฝงไปด้วยการหมดคำพูด คำพูดพวกนี้ เธอไปเลียนแบบมาจากไหนกัน

บนเตียง หานหานยังคงถีบผ้าห่มไปเพราะรำคาญเสียงดังเหมือนเดิม พลิกตัว...แล้วก็หลับต่อ

มู่กุยฝานอดไม่ได้ที่จะถามซูเหอเวิ่นอย่างกระซิบ “ซู่เป่าพูดกับใครน่ะ”

ซูอีเฉินเองก็มองไปทางซูเหอเวิ่น

ซูเหอเวิ่นแปลงร่างเป็นเครื่องอ่านใจน้องสาวไปทันใด แปลแล้วพูดขึ้นว่า “ซู่เป่ากำลังคุยกับอาจารย์ของเธอน่ะครับ อาจารย์บอกว่าซู่เป่าจะฝืนบังคับจับผีไม่ได้ ผีทำร้ายเธอไม่ได้...เพราะด้ายแดงมีร้ายกาจเป็นอย่างมาก”

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเครื่องถ่ายวิดีโอของตัวเองขึ้นมา

“เดี๋ยวนะครับ ผมจะไปหยิบกล้องมา!”

ซูเหอเวิ่นวิ่งไปอย่างรวดเร็วราวกับเหาะ

ผีสาวหัวขาดถูกขังเอาไว้ ครั้งนี้เขาไม่กลัวแล้ว เขาวิ่งไปหยิบเครื่องถ่ายวิดีโอของตัวเองที่ห้องแล้ววิ่งกลับมา

เปิดกล้อง

ซูอีเฉินขมวดคิ้ว “นี่แกทำอะไรน่ะ”

ซูเหอเวิ่น “ผมเป็นคนประดิษฐ์เครื่องถ่ายวิดีโอเครื่องนี้เอง มันยอดเยี่ยมมากๆ ถ่ายติดผีได้!”

มู่กุยฝาน “…”

เครื่องถ่ายวิดีโอในมือเขาไม่ต่างอะไรจากกล้องธรรมดาทั่วไป เพียงแต่มีแม่เหล็กติดอยู่ด้านล่างสองสามอัน บนยอดของกล้องมีเสาอากาศโผล่ออกมาสองต้น

แบบนี้ก็ถ่ายติดผีแล้วเหรอ

ล้อเล่นอะไรกัน!

แต่เห็นเครื่องถ่ายวิดีโอโชว์ไฟกระพริบ มู่กุยฝานกำลังกอดอกจ้องไปยังแก้วตาดวงใจของตัวเอง ลวดถ่ายไปแล้วเหลือบมองทีหนึ่ง

เห็นเพียงในเครื่องถ่ายวิดีโอจู่ๆก็มี ‘คน’ เพิ่มขึ้นมาสี่คน!

ข้างๆ ซู่เป่ามีชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่คนหนึ่ง

ด้านหลังซู่เป่ามีเด็กผู้ชายท่าทางราวกับเด็กมัธยมต้นยืนอยู่คนหนึ่ง แถมยังสวมชุดนักเรียนอีกด้วย

และยังมีผีสาวที่ขี้เหร่มากๆ ฝูงหนึ่งกำลังหันหน้ามามอง หัวเราะหึๆ ทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างเขินอายว่า “ประธานซูคะ...เห็นฉันไหมคะ”

ซูอีเฉิน “…”

มู่กุยฝาน “…”

ตรงหน้าพวกเขามีตาข่ายผืนหนึ่งและมีผู้หญิงกอดหัวติดอยู่บนตาข่ายนั้น

หญิงสาวหัวขาดกำลังเปล่งเสียงราวกับเลื่อย พูดขึ้นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ฉันชื่อแจสแทรมสกี...”

มู่กุยฝานกับซูอีเฉินเครียด

ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า พ้นขอบเขตสิ่งที่พวกเขารู้ไปตั้งนานแล้ว ล้างโลกทัศน์ของพวกเขาไปหมดแล้ว!

หากโลกใบนี้อยู่นอกเหนือเขตที่พวกเขาสามารถควบคุมได้ งั้น...ต่อไปใครจะเป็นคนปกป้องซู่เป่าล่ะ...

มู่กุยฝานเม้มปากเป็นเส้นตรง ในใจหนักอึ้ง

ขณะนี้กลับได้ยินซู่เป่าพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “เจี่ยเชอหลุนซือจีอะไร” (*เจี่ยเชอหลุนซือจีในภาษาจีนแปลว่าคนขับรถล้อปลอม)

ผีสาว “…”

เสียงของเจ้าเด็กน้อยสดใสไร้เดียงสา ราวกับมีรัศมีมาตั้งแต่เกิด เพียงชั่วครู่ก็ขจัดความมืดมัวในใจของมู่กุยฝาน

เขามองซู่เป่า สายตาค่อยๆ อ่อนโยนลง

อืม...ก็ไม่เป็นไร

อย่างมากก็เปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักพรต

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน