วันถัดไป
ภายใต้การจับตาดูของนายหญิงซู มู่กุยฝานพาซู่เป่าหนีเที่ยว
ปลายทางก็คือห้างสรรพสินค้า
ลานด้านนอกห้างสรรพสินค้ามีรถขายไอติมอยู่เป็นประจำตลอดปี
“ไอติมร้านนี้พ่อกินมาเป็นสิบปี” มู่กุยฝานขับรถออฟโรดแล่นไปตามถนน
“นี่เป็นไอติมที่อร่อยที่สุดในเมืองจิงแล้ว”
ซู่เป่ารอแทบจะไม่ไหวแล้ว “ไอติม! ไอติม~ ซู่เป่าชอบกินไอติมที่สุดเลย!”
รถออฟโรดแล่นแซงรถโรงเรียนอนุบาลไป
หานหานที่นั่งใกล้หน้าต่างรถก็รีบโผล่หัวออกไปดู แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เมื่อครู่เหมือนเธอจะได้ยินเสียงของซู่เป่า!
‘ไอติม ไอติม!”
ฮือ ๆ เธอก็อยากมีพ่อที่แอบพาเธอไปกินไอติมเหมือนกัน!
หานหานแอบคิด ไม่สามารถทนเห็นน้องมีความสุขได้ขนาดนี้ อยากให้ซู่เป่าเข้าเรียนไว ๆ จังเลย แง~
o(一︿一+)o
**
วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ลานกว้างด้านนอกห้างสรรพสินค้าคนก็เลยไม่พลุกพล่านนัก
มู่กุยฝานเอาซุปเปอร์ไอศกรีมไซส์เล็กที่สุดของร้านมาให้ซู่เป่า ด้านบนโรยด้วยเม็ดอัลมอนด์แสนอร่อย ราดแยมบลูเบอร์รีหวาน ๆ แต่ไม่เลี่ยน
ไอติมซอฟท์เสิร์ฟเพิ่มแยมเข้าไปก็ไม่เลวนะ เนื้อไอติมนุ่ม ๆ ละลายในปาก ก็ทำให้คนมีความสุขขึ้นมาได้
“อร่อย!” ซู่เป่าดีใจจนแววตาเป็นประกายราวกับมีดวงดาวทั้งกาแลคซีอยู่ในแววตาคู่นั้น
สองพ่อลูกก็นั่งเล่นข้างแปลงดอกไม้โดยไม่ได้ใส่ใจสิ่งรอบข้าง
ร่างสูงของมู่กุยฝานยื่นขายาว ๆ ของเขาออกมา ขาซ้ายไขว้ไปที่ขาขวา สวมชุดสีดำมองไกล ๆ ราวกับเสาไฟถนนมาหักอยู่แถวนี้
ซู่เป่านั่งอยู่ข้าง ๆ แปลงดอกไม้ ก็เอาขาซ้ายไขว้ขาขวาเช่นกัน สองขาสั้น ๆ ป้อม ๆ ขาว ๆ ดูแล้วคล้ายแป้งนวดที่นวดเสร็จแล้ว น่ารักสุด ๆ
ผู้คนรอบข้างก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะโดนทั้งคู่ดึงดูดสายตาให้หันไปมอง ถึงขนาดมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินชนกระจกของห้างสรรพสินค้าเลยทีเดียว
ซู่เป่าเลียไอติมที่ติดอยู่ขอบปาก แล้วส่ายหน้า “จุ๊ ๆ คุณพ่อ แบบคุณพ่อนี่เรียกว่าหล่อจนสาวเหลียวเปล่าเนี่ย”
เธอเอียงคอถามด้วยท่าทีฉลาด และซุกซน
มู่กุยฝานยกมือแตะที่หน้าผากเธอ “ลูกรู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่ได้กำลังมองลูก”
“เอ๊ะ...ก็เหมือนจะใช่นะ”
มู่กุยฝานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เจ้าลูกคนนี้ตลกจริง ๆ
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ที่แห่งนี้ยังคงมีแปลงดอกไม้ และห้างสรรพสินค้าที่คุ้นเคย
ทว่าไม่เหมือนแต่ก่อนก็ตรงที่ตอนนี้ข้าง ๆ เขามีเจ้าก้อนแป้งที่น่ารักกินไอติมไปกับเขาด้วย
หนทางข้างหน้าก็คงจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว
ขณะนั้นซู่เป่าก็ชี้ไปทางร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล
“นั่นน้าซินจื่อเหมิงนี่คะ!”
มู่กุยฝานมองตาม เห็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งในร้านกาแฟ เปิดคอมพิวเตอร์ นั่งอาบแดดพลางจิบกาแฟไปด้วยทำงานไปด้วย
“ใคร”
ซู่เป่าดึงมือมู่กุยฝานเดินไปทางนั้น “ก็น้าคนนั้นที่หนูกับลุงใหญ่ไปหาก่อนหน้านี้เพื่อจับผีไง”
จับผีเหรอ
มู่กุยฝานเลิกคิ้วขึ้น ปล่อยให้ซู่เป่าจูงมือเดินเข้าไปในร้านกาแฟ
ทางเข้าร้านกาแฟมีโมบายกระดิ่งลมแขวนอยู่ เขาชนเข้าก็เลยเกิดเสียงดังกุ๊งกิ๊ง จึงรีบก้มหัวหลบ
พนักงานก็หันขวับ
“ขอโทษด้วยนะคะพ่อหนูสูงไปหน่อย โมบายเสียหายไหมคะ ถ้าเสียเดี๋ยวหนูชดใช้ให้นะคะ”
พูดเสร็จก็ค้นหาของในกระเป๋าใบเล็ก แล้วหยิบซองสีแดงออกมา
เป็นซองอั่งเปาที่ได้รับตอนงานวันเกิดของเธอ
ซองที่หนาที่สุดลุงใหญ่กับคุณยายเป็นคนให้มา ถ้าคลี่ออกมาก็คงยาวเป็นเมตร
ส่วนซองที่เหลือเป็นของแขกคนอื่น ๆ ที่มาอวยพร ตอนนี้ซู่เป่าออกมาข้างนอกก็เลยพกมาค่อนข้างน้อย…
เจ้าก้อนแป้งหยิบซองอั่งเปามาด้วยสีหน้าปวดใจ
พอเห็นเจ้าก้อนแป้งหยิบซองอั่งเปาออกมาให้จริง ๆ พนักงานก็รีบบอก “อุ๊ย ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ไม่ได้เสีย...”
ซู่เป่าก็รีบเก็บซองอั่งเปาใส่กลับไปในกระเป๋าทันที “โอเคค่ะ!”
พนักงาน“……?”
เจ้าหนูน้อย หนูจะรออีกสักวิไม่ได้เลยเหรอ
ซู่เป่าวิ่งไปข้าง ๆ ซินจื่อเหมิง ยกมือทักทาย “ฮัลโหล น้าซิน เจอกันอีกแล้ว”
พอซินจื่อเหมิงลองมองชัด ๆ ทั้งประหลาดใจ และดีใจ “ซู่เป่านี่นา! หนูมาได้ไงเนี่ย”
ซู่เป่าชี้ไปยังมู่กุยฝานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ “หนูกับพ่อมากินไอติมกันค่ะ”
ซินจื่อเหมิงรีบลุกขึ้นมา แล้วทักทาย “สวัสดีค่ะ”
มู่กุยฝานพยักหน้า ตอบสวัสดีเพียงคำเพียวแบบขอไปที
ซู่เป่าชะโงกไปดู “น้าซินทำงานอยู่เหรอคะ”
ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของซินจื่อเหมิง ตอนนี้เธอดูมีความมั่นใจขึ้น และดูมีสง่าราศีราวกับมีออร่าจับ
เธออุ้มซู่เป่าขึ้นมานั่งด้วยกัน ชี้ไปยังจอคอมฯ “น้ากำลังแต่งนิยาย”
“ว้าว หมายถึงการเขียนหนังสือนิทานใช่หรือเปล่าคะ”
ซินจื่อเหมิง “ใช่จ้ะ”
ซู่เป่าเข้าใจแล้ว ชี้ตัวอักษรที่อยู่บนหน้าจอ อ่านมั่วซั่ว “ตุ๊กตาน้ำเต้า กาลครั้งหนึ่งมีตุ๊กตาน้ำเต้าทั้งเจ็ดกับคุณปู่หนึ่งคน...”
ซินจื่อเหมิงตะลึง อีกแค่นิดเดียวเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา “อะไรนะ นี่คือภรรยาถ่ายทอดสด ท่านประธานขอกอดทั้งน้ำตา
ซู่เป่าสงสัย “ใครขอกอดทั้งน้ำตาเหรอคะ”
ซินจื่อเหมิง “ท่านประธาน”
ซู่เป่า “ท่านประธานเป็นใครเหรอ”
ซินจื่อเหมิงอธิบายไม่ถูก ทันใดนั้นตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ก็เหมือนกับลุงใหญ่ของหนูไง เป็นคนเก่งสุด ๆ รวยสุด ๆ หน้าตาก็หล่อเหลาอีกด้วย”
ซู่เป่างงกว่าเดิมอีก “เก่งขนาดนั้นทำไมต้องขอกอดทั้งน้ำตาด้วยล่ะ”
“เอิ่ม…”
เธอจะอธิบายกับเด็กน้อยคนนี้อย่างไรดี นิยายของเธอน้ำเน่าเกินไปใช่ไหม
ในสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้ จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งที่ดูโมโหหรือโกรธอะไรไม่รู้พุ่งเข้ามา ปึ้ง! โยนเอกสารลงบนโต๊ะกาแฟ
ซู่เป่าเงยหน้าขึ้นไปเห็นคุณอาผิวคล้ำ ๆ ยืนจ้องซินจื่อเหมิงอยู่ข้างหน้า
“เด็กนี่เป็นใคร แล้วเขาก็เป็นใคร” ชายคนนั้นชี้มายังซู่เป่า และมู่กุยฝาน
มู่กุยฝานขยับนิ้วดีดนามบัตรร้านกาแฟที่อยู่บนโต๊ะลอยออกไป โดนนิ้วมือของชายคนนั้นที่ชี้มาทางเขา
ชายคนนั้นจับนิ้วมือตัวเองด้วยความเจ็บปวด “แก!”
มู่กุยฝานเหลือบตามองเขาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก ราวกับมีพลังอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็นส่งแรงกดดันแผ่ออกมา
“ระวังคำพูดคำจาหน่อย ฉันอารมณ์ไม่ดี ไม่ชอบให้คนอื่นมายืนชี้หน้าฉันกับลูกสาวฉัน”
ผู้ชายคนนั้นไม่กล้าแม้แต่จะเปร่งเสียงออกมา
เขาทำได้เพียงหันหน้าหงุดหงิดพร้อมระเบิดลงไปทางซินจื่อเหมิง “ว่าไงล่ะ พวกมันเป็นใคร!”
ซินจื่อเหมิงหน้านิ่วคิ้วขมวด รีบขอโทษมู่กุยฝาน แล้วก็กอดซู่เป่าไปไว้ข้าง ๆ เขา
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันต้องขอจัดการปัญหาครอบครัวสักครู่”
มู่กุยฝานนั่งไขว่ห้างแล้วก็พิงไปที่พนักพิงโซฟา มองซู่เป่าที่ยังไม่อยากไป เฮ้อ
ซินจื่อเหมิงดึงผู้ชายคนนั้นมาด้านข้างด้วยความโมโห “คุณก่อปัญหาพอหรือยัง นี่เพื่อนฉัน!”
คนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือสามีของเธอนั่นเอง
สามีของซินจื่นเหมิงแสยะยิ้ม “เพื่อนงั้นเหรอ ผมคิดว่าเป็นชู้ของคุณมากกว่านะ ก็ว่าทำไมช่วงนี้ถึงกล้าดีมาเถียงกับผม ใช่สิ ที่แท้ก็หาบ้านใหม่ไว้แล้วนี่เอง คุณไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ”
ซินจื่อเหมิงโกรธจนแทบคลั่ง พูดแบบนี้มันจะทุเรศเกินไปแล้ว!
“ปากน่ะรู้จักพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย” ซินจื่อเหมิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทิ้งท้าย หันหลังจะออกไป ขี้เกียจสนใจคนอย่างเขา
สามีของเธอกลับขวางเธอไว้ ก่อนจะถาม “เดี๋ยว! เธอขายบ้านไปแล้วใช่ไหม”
ซินจื่อเหมิงสีหน้าไร้อารมณ์ “บ้านของฉันเอง จะขายไม่ขายก็เรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับคุณ”
สามีของเธอดูจะโกรธมาก ๆ เลย “ไม่เกี่ยวกับผมได้ไง บ้านหลังนั้นก็เป็นของผม!”
ซินจื่อเหมิงยืนกอดอกราวกับราชินี สายตาเย็นชาและดูถูก “ของคุณงั้นเหรอ คุณมีหลักฐานอะไรเหรอ คุณดาวน์หรือผ่อน หรือคอยจ่ายค่าใช้จ่ายในครอบครัวงั้นเหรอ”
“เธอ!” สามีของซินจื่อเหมิงแทบกระอักเลือด
บนโซฟา มู่กุยฝาน และซู่เป่าที่กินไอติมหมดไปแล้ว มู่กุยฝานก็หยิบแตงโมมาหนึ่งชิ้น บรรจงแกะเมล็ดแตงโมออกก่อนจะยื่นให้ซู่เป่า
สองพ่อลูก ดูซินจื่อเหมิงกับสามีของเธอทะเลาะกันไปพลางแทะแตงโมไปด้วย
มู่กุยฝาน “จุ๊จุ๊”
ซู่เป่าก็ทำตาม “จุ๊จุ๊จุ๊”
สองพ่อลูกนิสัยไม่ดี กินแตงโมแล้วดูละคร… (ปูเสื่อรอเผือก)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...