ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 124

วันถัดไป

ภายใต้การจับตาดูของนายหญิงซู มู่กุยฝานพาซู่เป่าหนีเที่ยว

ปลายทางก็คือห้างสรรพสินค้า

ลานด้านนอกห้างสรรพสินค้ามีรถขายไอติมอยู่เป็นประจำตลอดปี

“ไอติมร้านนี้พ่อกินมาเป็นสิบปี” มู่กุยฝานขับรถออฟโรดแล่นไปตามถนน

“นี่เป็นไอติมที่อร่อยที่สุดในเมืองจิงแล้ว”

ซู่เป่ารอแทบจะไม่ไหวแล้ว “ไอติม! ไอติม~ ซู่เป่าชอบกินไอติมที่สุดเลย!”

รถออฟโรดแล่นแซงรถโรงเรียนอนุบาลไป

หานหานที่นั่งใกล้หน้าต่างรถก็รีบโผล่หัวออกไปดู แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

เมื่อครู่เหมือนเธอจะได้ยินเสียงของซู่เป่า!

‘ไอติม ไอติม!”

ฮือ ๆ เธอก็อยากมีพ่อที่แอบพาเธอไปกินไอติมเหมือนกัน!

หานหานแอบคิด ไม่สามารถทนเห็นน้องมีความสุขได้ขนาดนี้ อยากให้ซู่เป่าเข้าเรียนไว ๆ จังเลย แง~

o(一︿一+)o

**

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ลานกว้างด้านนอกห้างสรรพสินค้าคนก็เลยไม่พลุกพล่านนัก

มู่กุยฝานเอาซุปเปอร์ไอศกรีมไซส์เล็กที่สุดของร้านมาให้ซู่เป่า ด้านบนโรยด้วยเม็ดอัลมอนด์แสนอร่อย ราดแยมบลูเบอร์รีหวาน ๆ แต่ไม่เลี่ยน

ไอติมซอฟท์เสิร์ฟเพิ่มแยมเข้าไปก็ไม่เลวนะ เนื้อไอติมนุ่ม ๆ ละลายในปาก ก็ทำให้คนมีความสุขขึ้นมาได้

“อร่อย!” ซู่เป่าดีใจจนแววตาเป็นประกายราวกับมีดวงดาวทั้งกาแลคซีอยู่ในแววตาคู่นั้น

สองพ่อลูกก็นั่งเล่นข้างแปลงดอกไม้โดยไม่ได้ใส่ใจสิ่งรอบข้าง

ร่างสูงของมู่กุยฝานยื่นขายาว ๆ ของเขาออกมา ขาซ้ายไขว้ไปที่ขาขวา สวมชุดสีดำมองไกล ๆ ราวกับเสาไฟถนนมาหักอยู่แถวนี้

ซู่เป่านั่งอยู่ข้าง ๆ แปลงดอกไม้ ก็เอาขาซ้ายไขว้ขาขวาเช่นกัน สองขาสั้น ๆ ป้อม ๆ ขาว ๆ ดูแล้วคล้ายแป้งนวดที่นวดเสร็จแล้ว น่ารักสุด ๆ

ผู้คนรอบข้างก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะโดนทั้งคู่ดึงดูดสายตาให้หันไปมอง ถึงขนาดมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินชนกระจกของห้างสรรพสินค้าเลยทีเดียว

ซู่เป่าเลียไอติมที่ติดอยู่ขอบปาก แล้วส่ายหน้า “จุ๊ ๆ คุณพ่อ แบบคุณพ่อนี่เรียกว่าหล่อจนสาวเหลียวเปล่าเนี่ย”

เธอเอียงคอถามด้วยท่าทีฉลาด และซุกซน

มู่กุยฝานยกมือแตะที่หน้าผากเธอ “ลูกรู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่ได้กำลังมองลูก”

“เอ๊ะ...ก็เหมือนจะใช่นะ”

มู่กุยฝานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เจ้าลูกคนนี้ตลกจริง ๆ

เขาเงยหน้าขึ้นมอง ที่แห่งนี้ยังคงมีแปลงดอกไม้ และห้างสรรพสินค้าที่คุ้นเคย

ทว่าไม่เหมือนแต่ก่อนก็ตรงที่ตอนนี้ข้าง ๆ เขามีเจ้าก้อนแป้งที่น่ารักกินไอติมไปกับเขาด้วย

หนทางข้างหน้าก็คงจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว

ขณะนั้นซู่เป่าก็ชี้ไปทางร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล

“นั่นน้าซินจื่อเหมิงนี่คะ!”

มู่กุยฝานมองตาม เห็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งในร้านกาแฟ เปิดคอมพิวเตอร์ นั่งอาบแดดพลางจิบกาแฟไปด้วยทำงานไปด้วย

“ใคร”

ซู่เป่าดึงมือมู่กุยฝานเดินไปทางนั้น “ก็น้าคนนั้นที่หนูกับลุงใหญ่ไปหาก่อนหน้านี้เพื่อจับผีไง”

จับผีเหรอ

มู่กุยฝานเลิกคิ้วขึ้น ปล่อยให้ซู่เป่าจูงมือเดินเข้าไปในร้านกาแฟ

ทางเข้าร้านกาแฟมีโมบายกระดิ่งลมแขวนอยู่ เขาชนเข้าก็เลยเกิดเสียงดังกุ๊งกิ๊ง จึงรีบก้มหัวหลบ

พนักงานก็หันขวับ

“ขอโทษด้วยนะคะพ่อหนูสูงไปหน่อย โมบายเสียหายไหมคะ ถ้าเสียเดี๋ยวหนูชดใช้ให้นะคะ”

พูดเสร็จก็ค้นหาของในกระเป๋าใบเล็ก แล้วหยิบซองสีแดงออกมา

เป็นซองอั่งเปาที่ได้รับตอนงานวันเกิดของเธอ

ซองที่หนาที่สุดลุงใหญ่กับคุณยายเป็นคนให้มา ถ้าคลี่ออกมาก็คงยาวเป็นเมตร

ส่วนซองที่เหลือเป็นของแขกคนอื่น ๆ ที่มาอวยพร ตอนนี้ซู่เป่าออกมาข้างนอกก็เลยพกมาค่อนข้างน้อย…

เจ้าก้อนแป้งหยิบซองอั่งเปามาด้วยสีหน้าปวดใจ

พอเห็นเจ้าก้อนแป้งหยิบซองอั่งเปาออกมาให้จริง ๆ พนักงานก็รีบบอก “อุ๊ย ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ไม่ได้เสีย...”

ซู่เป่าก็รีบเก็บซองอั่งเปาใส่กลับไปในกระเป๋าทันที “โอเคค่ะ!”

พนักงาน“……?”

เจ้าหนูน้อย หนูจะรออีกสักวิไม่ได้เลยเหรอ

ซู่เป่าวิ่งไปข้าง ๆ ซินจื่อเหมิง ยกมือทักทาย “ฮัลโหล น้าซิน เจอกันอีกแล้ว”

พอซินจื่อเหมิงลองมองชัด ๆ ทั้งประหลาดใจ และดีใจ “ซู่เป่านี่นา! หนูมาได้ไงเนี่ย”

ซู่เป่าชี้ไปยังมู่กุยฝานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ “หนูกับพ่อมากินไอติมกันค่ะ”

ซินจื่อเหมิงรีบลุกขึ้นมา แล้วทักทาย “สวัสดีค่ะ”

มู่กุยฝานพยักหน้า ตอบสวัสดีเพียงคำเพียวแบบขอไปที

ซู่เป่าชะโงกไปดู “น้าซินทำงานอยู่เหรอคะ”

ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของซินจื่อเหมิง ตอนนี้เธอดูมีความมั่นใจขึ้น และดูมีสง่าราศีราวกับมีออร่าจับ

เธออุ้มซู่เป่าขึ้นมานั่งด้วยกัน ชี้ไปยังจอคอมฯ “น้ากำลังแต่งนิยาย”

“ว้าว หมายถึงการเขียนหนังสือนิทานใช่หรือเปล่าคะ”

ซินจื่อเหมิง “ใช่จ้ะ”

ซู่เป่าเข้าใจแล้ว ชี้ตัวอักษรที่อยู่บนหน้าจอ อ่านมั่วซั่ว “ตุ๊กตาน้ำเต้า กาลครั้งหนึ่งมีตุ๊กตาน้ำเต้าทั้งเจ็ดกับคุณปู่หนึ่งคน...”

ซินจื่อเหมิงตะลึง อีกแค่นิดเดียวเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา “อะไรนะ นี่คือภรรยาถ่ายทอดสด ท่านประธานขอกอดทั้งน้ำตา

ซู่เป่าสงสัย “ใครขอกอดทั้งน้ำตาเหรอคะ”

ซินจื่อเหมิง “ท่านประธาน”

ซู่เป่า “ท่านประธานเป็นใครเหรอ”

ซินจื่อเหมิงอธิบายไม่ถูก ทันใดนั้นตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ก็เหมือนกับลุงใหญ่ของหนูไง เป็นคนเก่งสุด ๆ รวยสุด ๆ หน้าตาก็หล่อเหลาอีกด้วย”

ซู่เป่างงกว่าเดิมอีก “เก่งขนาดนั้นทำไมต้องขอกอดทั้งน้ำตาด้วยล่ะ”

“เอิ่ม…”

เธอจะอธิบายกับเด็กน้อยคนนี้อย่างไรดี นิยายของเธอน้ำเน่าเกินไปใช่ไหม

ในสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้ จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งที่ดูโมโหหรือโกรธอะไรไม่รู้พุ่งเข้ามา ปึ้ง! โยนเอกสารลงบนโต๊ะกาแฟ

ซู่เป่าเงยหน้าขึ้นไปเห็นคุณอาผิวคล้ำ ๆ ยืนจ้องซินจื่อเหมิงอยู่ข้างหน้า

“เด็กนี่เป็นใคร แล้วเขาก็เป็นใคร” ชายคนนั้นชี้มายังซู่เป่า และมู่กุยฝาน

มู่กุยฝานขยับนิ้วดีดนามบัตรร้านกาแฟที่อยู่บนโต๊ะลอยออกไป โดนนิ้วมือของชายคนนั้นที่ชี้มาทางเขา

ชายคนนั้นจับนิ้วมือตัวเองด้วยความเจ็บปวด “แก!”

มู่กุยฝานเหลือบตามองเขาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก ราวกับมีพลังอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็นส่งแรงกดดันแผ่ออกมา

“ระวังคำพูดคำจาหน่อย ฉันอารมณ์ไม่ดี ไม่ชอบให้คนอื่นมายืนชี้หน้าฉันกับลูกสาวฉัน”

ผู้ชายคนนั้นไม่กล้าแม้แต่จะเปร่งเสียงออกมา

เขาทำได้เพียงหันหน้าหงุดหงิดพร้อมระเบิดลงไปทางซินจื่อเหมิง “ว่าไงล่ะ พวกมันเป็นใคร!”

ซินจื่อเหมิงหน้านิ่วคิ้วขมวด รีบขอโทษมู่กุยฝาน แล้วก็กอดซู่เป่าไปไว้ข้าง ๆ เขา

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันต้องขอจัดการปัญหาครอบครัวสักครู่”

มู่กุยฝานนั่งไขว่ห้างแล้วก็พิงไปที่พนักพิงโซฟา มองซู่เป่าที่ยังไม่อยากไป เฮ้อ

ซินจื่อเหมิงดึงผู้ชายคนนั้นมาด้านข้างด้วยความโมโห “คุณก่อปัญหาพอหรือยัง นี่เพื่อนฉัน!”

คนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือสามีของเธอนั่นเอง

สามีของซินจื่นเหมิงแสยะยิ้ม “เพื่อนงั้นเหรอ ผมคิดว่าเป็นชู้ของคุณมากกว่านะ ก็ว่าทำไมช่วงนี้ถึงกล้าดีมาเถียงกับผม ใช่สิ ที่แท้ก็หาบ้านใหม่ไว้แล้วนี่เอง คุณไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ”

ซินจื่อเหมิงโกรธจนแทบคลั่ง พูดแบบนี้มันจะทุเรศเกินไปแล้ว!

“ปากน่ะรู้จักพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย” ซินจื่อเหมิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทิ้งท้าย หันหลังจะออกไป ขี้เกียจสนใจคนอย่างเขา

สามีของเธอกลับขวางเธอไว้ ก่อนจะถาม “เดี๋ยว! เธอขายบ้านไปแล้วใช่ไหม”

ซินจื่อเหมิงสีหน้าไร้อารมณ์ “บ้านของฉันเอง จะขายไม่ขายก็เรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับคุณ”

สามีของเธอดูจะโกรธมาก ๆ เลย “ไม่เกี่ยวกับผมได้ไง บ้านหลังนั้นก็เป็นของผม!”

ซินจื่อเหมิงยืนกอดอกราวกับราชินี สายตาเย็นชาและดูถูก “ของคุณงั้นเหรอ คุณมีหลักฐานอะไรเหรอ คุณดาวน์หรือผ่อน หรือคอยจ่ายค่าใช้จ่ายในครอบครัวงั้นเหรอ”

“เธอ!” สามีของซินจื่อเหมิงแทบกระอักเลือด

บนโซฟา มู่กุยฝาน และซู่เป่าที่กินไอติมหมดไปแล้ว มู่กุยฝานก็หยิบแตงโมมาหนึ่งชิ้น บรรจงแกะเมล็ดแตงโมออกก่อนจะยื่นให้ซู่เป่า

สองพ่อลูก ดูซินจื่อเหมิงกับสามีของเธอทะเลาะกันไปพลางแทะแตงโมไปด้วย

มู่กุยฝาน “จุ๊จุ๊”

ซู่เป่าก็ทำตาม “จุ๊จุ๊จุ๊”

สองพ่อลูกนิสัยไม่ดี กินแตงโมแล้วดูละคร… (ปูเสื่อรอเผือก)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน