ซินจื่อเหมิงรับคำฟ้อง และตกลงที่จะหย่า
แล้วแม่ของซินจื่อเหมิงล่ะ
ก่อนหน้านี้เธอคอยติดตามผลงานของซินจื่อเหมิงตลอด เรียกว่าเป็นแฟนคลับตัวยงของลูกตัวเองเลย
เนื้อหาในเรื่องแต่ละฉาก แค่อ้าปากแม่ก็รู้แล้ว จำได้แม่นยิ่งกว่าซินจื่อเหมิงซะอีก
ซินจื่อเหมิงเอาคอมฯเครื่องก่อนยกให้แม่เธอไปนานแล้ว แม่ของเธอก็รับบทเป็นผู้ตรวจ แล้วก็แก้ไขปรับปรุงบางจุด จากนั้นก็เชื่อมโยงกับเนื้อหาใหม่ของซินจื่อเหมิงได้อย่างเนียนกริบ...
ซินจื่อเหมิงชื่นชมแม่จากก้นบึ้งในหัวใจเลยว่า เก่งสุด ๆ
ซึ่งก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า หนังสือนั้นได้เขียนโดยแม่ของซินจื่อเหมิง เงินที่ได้ก็เป็นของแม่ซินจื่อเหมิง ที่ให้ลูกสาวเพราะเห็นลูกไม่ได้รับความเป็นธรรม
บ้านพักตากอากาศที่เป็นชื่อของซินจื่อเหมิง ก็เป็นสมบัติของพ่อแม่ที่ให้มา และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฝ่ายชายเลยแม้แต่น้อย
ยังไม่ทันได้ขึ้นศาล สามีซินจื่อเหมิงกับแม่ของเขาก็รู้แล้วว่าตัวเองแพ้ แม้แต่สตางค์เดียวก็ไม่ได้
อ๋อไม่สิ ยังได้อยู่ เว็บไซต์มืดที่ซินจื่อเหมิงเคยทำอยู่ก่อนหน้านี้ จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้สิบหรือยี่สิบกว่าหยวนต่อเดือน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ได้มามากกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยหยวนแล้วเหมือนกัน ซึ่งซินจื่อเหมิงไม่เคยได้ใช้เลย
ดังนั้นพวกเขาก็จะได้ส่วนแบ่งราว ๆ เจ็ดร้อยยี่สิบหยวนกับอีกห้าเหมา
แต่เงินแค่นั้นเขาจะเอาไปทำอะไรได้
ขณะที่ซินจื่อเหมิงมีเงินฝากเป็นร้อยล้าน และบ้านพักตากอากาศอีกหนึ่งหลัง เป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยสมบูรณ์แบบ และยังทำมาหากินอย่างต่อเนื่อง
ถ้าหย่ากันขึ้นมาจริง ๆ พวกเขานั่นแหละที่จะขาดทุนย่อยยับ พวกเขาไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้ ต่อให้ไปทำงานเดือนหนึ่งจะได้สักกี่บาท
เท่านั้นยังไม่พออำนาจการเลี้ยงดูบุตรพวกเขาก็จะแย่งไปไม่ได้เช่นกัน!
ถ้าพูดถึงสิทธิ์ในการเจอบุตร ก็ยังต้องได้เจอหน้าของซินจื่อเหมิงอีก
อนาคตเด็กเติบโตขึ้นมา รู้ว่าพ่อของพวกเขาเป็นคนแบบนี้ ต้องไม่เลี้ยงเขาตอนแก่แน่
สามีซินจื่อเหมิงพอเจอสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา คุกเข่าให้ซินจื่อเหมิงทันที
“เมียครับ ผมผิดไปแล้ว ก่อนหน้านี้ผมก็แค่โมโหชั่ววูบ แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยคิดจะหย่ากับคุณเลยนะครับ ผมยังรักคุณมาก ๆ นะ”
แม่สามีของซินจื่อแหมิงรู้สึกขายขี้หน้ามาก เธอทำได้เพียงพูดอย่างเขินอาย
“น้องเหมิงจ้ะ ก่อนหน้านี้ที่แม่ทำมันก็ไม่ถูก แม่แก่แล้วก็เลยสับสน ทั้งหมดเป็นเพราะแม่ยุยงเอง เดิมทีเขาก็ไม่เห็นด้วยหรอกกับเรื่องหย่า”
หญิงชราคิดดีแล้ว รับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตัวเอง
รอให้ซินจื่อเหมิงใจอ่อนก่อน พวกเขาจะรีบถอนฟ้องทันที ไม่หย่าแล้ว
เป็นสามีภรรยากันมานมนานจนมีลูกด้วยกันแล้ว ทะเลาะกันเดี๋ยวก็ดีกัน หลังจากนี้จะให้ลูกชายของเธอเกลี้ยกล่อมเธอให้มากขึ้น เรื่องนี้ก็จะจบ…
ไม่คาดคิดว่าซินจื่อเหมิงหยิบกระเป๋าแล้วย่างก้าวไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่อยู่ เดินออกไปได้สองเมตรกว่าก่อนที่จะเอ่ย
“เจอกันที่ศาลเถอะ!”
“อ่อใช่แล้ว ฉันลืมบอกพวกคุณ นาฬิกาของลูกทั้งสองมีฟังก์ชันบันทึกเสียง ถ้าหากพวกคุณพูดอะไรที่ไม่ควรจะพูดลับหลังฉันกับลูก ๆ ล่ะก็ ฉันก็สามารถที่จะยกเลิกสิทธิ์ในการเจอลูก ๆ ได้”
องค์แม่ซินจื่อเหมิงหมุนตัวกลับแล้วเดินออกไป
เหลือเพียงแต่สามีซินจื่อเหมิง และแม่ของเขาที่เสียใจกับการตัดสินใจฟ้องหย่าจนแทบจะกระอักเลือด
**
ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง
ซินจื่อเหมิงโทรหาซู่เป่าเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังอย่างตื่นเต้น สองสาวต่างวัยคนหนึ่งอายุยี่สิบสามสิบปี อีกคนสี่ขวบ พูดคุยพึมพำกันนานมาก ถ้าใครไม่รู้ก็คงคิดว่าปลายสายเป็นเพื่อนซี้กันแน่ ๆ
ซินจื่อเหมิงได้ซื้อของขวัญมากมายส่งไปให้ตระกูลซู เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ
ซู่เป่าพูดไปยิ้มไป “ได้ค่ะ โอเค ไว้เจอกันนะคะน้าซิน~”
วางสายโทรศัพท์ จู่ๆ เสี่ยวซู่เป่าก็รู้สึกว่าเธอค้นพบ 'ความหมาย' ที่พ่อของเธอเคยพูดไว้
เหมือนว่าตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขมาก
จี้ฉางอยู่ด้านข้าง “ซินจื่อเหมิงเปลี่ยนไปมากจริง ๆ”
ได้เห็นนรกมากับตาตัวเอง คงส่งผลกระทบมากจริง ๆ
“อืม ๆ ใช่เลย น้าผู้กล้าหาญไม่กลัวความยากลำบาก”
จี้ฉางหัวเราะเยาะ “ตอนนี้มีความสุขไหมล่ะ แต่อีกไม่นานเจ้าก็คงไม่มีความสุขแล้วแน่ ๆ เพราะเจ้าต้องไปเข้าเรียนอนุบาลแล้ว”
เขาเคยผ่านโรงเรียนอนุบาลครั้งหนึ่ง ช่างเป็นฉากที่น่าประทับใจเสียจริง
เด็ก ๆ ที่ไม่อยากไปโรงเรียนร้องไห้กันสนั่นหวั่นไหว และท่าทางของเด็กในชั้นเรียนก็ดูเหมือนจะไม่มีความสุขเท่าไรนัก
คิดไม่ถึงซู่เป่ากลับกระโดดดีใจ “จริงเหรอ หนูจะต้องไปโรงเรียนอนุบาล ในที่สุดหนูจะได้เข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว เย่!”
จี้ฉาง“……”
ซู่เป่าดีใจกระโดดโลดเต้นออกไปแล้ว
จี้ฉางพลิกฝ่ามือขึ้นมา ก็เห็นวิญญาณขนาดเท่าหัวแม่มือยืนอยู่บนฝ่ามือนั้น
“ซูเป่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี ตอนนี้เจ้าควรวางใจได้แล้วนะ”
วิญญาณผู้หญิงที่มีขนาดเท่านิ้วมือตนนี้ก็คือซูจิ่นอวี้
ซูจิ่นอวี้มองด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ไปยังซู่เป่า พูดวิงวอน
“ฉันไม่สามารถเจอซู่เป่าได้อีกแล้วจริง ๆ เหรอ”
จี้ฉางส่ายหัว “ไม่ได้”
“เดิมทีเจ้าควรจะกลับชาติมาเกิดตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนแล้ว เอาแต่ถ่วงเวลาอยู่ตลอด ข้าเสี่ยงมากเลยนะในการพาเจ้าขึ้นมาในครั้งนี้”
“ถ้าเจ้าได้เจอกับซู่เป่า มันยากสำหรับข้าในการควบคุมเจ้า”
ซูจิ่นอวี้ใบหน้าโศกเศร้า “ปัดโธ่...ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ เช่น เกิดใหม่อะไรแบบเนี้ย”
จี้ฉาง“……”
ซูจิ่นอวี้ “หรือว่าสวมวิญญาณให้ฉันก็ได้นะ”
จี้ฉางเม้มปาก
“อ่านนิยายมากเกินไปแล้วมั้งเจ้าน่ะ” เขากลอกตา
ซูจิ่นอวี้คุกเข่าร้องไห้ “ให้ฉันรับบทเป็น...ขอสคริปต์เรื่อง ฉันอยู่ยงคงกระพันมาตั้งแต่ในท้องแม่ หน่อย ไม่สิ ให้ฉันกลับมาเกิดใหม่เร็ว ๆ แล้วอย่าลบความทรงจำของฉันได้ไหม”
จี้ฉางเอาซูจิ่นอวี้เก็บไว้ที่เดิมทันที
“……”
**
ซู่เป่าเตรียมตัวไปโรงเรียนอนุบาล นายหญิงซูก็เริ่มยุ่งขึ้นมา
แม้ว่าเสื้อผ้าเด็กอนุบาลสามารถลงชื่อสั่งซื้อได้เลย แต่นายหญิงซูก็ชอบลงมือทำเอง
นายหญิงซูหยิบปากกาขึ้นมา ลงมือเขียน ชื่อ ชั้น ห้องของซู่เป่าลงบนสติกเกอร์
จากนั้นก็เย็บสติกเกอร์ลงไปบนชุดนักเรียน และชุดไปรเวท
หานหานให้คำมั่น “วางใจได้เลย มีหนูอยู่ จะไม่มีใครกล้ามารังแกซู่เป่าแน่นอน!”
วันหยุดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตระกูลซูก็กลับมารวมตัวกันหมด เพื่อจัด ‘งานเลี้ยงฉลองซู่เป่าเข้าโรงเรียน’ ให้กับซู่เป่า
ซูอิ๋งเอ่อร์นำพลุมาด้วยสองสามลัง จุดปั้งปั้งปั้ง ราว ๆ สองชั่วโมงเลย…
**
หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ๆ มือเล็ก ๆ สั่นเทา ในที่สุดซู่เป่าก็แบกกระเป๋านักเรียนใบเล็กของเธอไว้บนหลัง แล้วขึ้นรถโรงเรียนของตัวเอง
คนตัวเล็กตื่นเต้น ทว่ามันกลับยากสำหรับคนหนุ่มคนแก่ในตระกูลซูที่ตามหลังรถโรงเรียนมา
โรงเรียนประถมนานาชาติอู่เซี่ยงกับโรงเรียนอนุบาลนานาชาติอู่เซี่ยงอยู่ติดกัน ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลก็คือโรงเรียนประถม ห่างกันเพียงแค่มีถนนกั้นเท่านั้นเอง
ซูเหอเวิ่นลงจากรถโรงเรียนและชะโงกหัวไปดู น่าเสียดายมองไม่เห็นอะไรเลย
ตระกูลซูคนอื่น ๆ ก็แอบเฝ้าดูซู่เป่าอย่างเงียบ ๆ ที่รั้วเหล็กด้านนอกโรงเรียนอนุบาล...
มองไปรอบ ๆ อาศัยจังหวะที่ไม่มีคน นายหญิงซูเกาะที่รั้วเหล็กแล้วพาดราวบันไดเพื่อแอบดู
คุณท่านซูเอามือไพล่หลัง พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "เหมือนอะไรเนี่ย..."
ทว่าวินาทีต่อมา ตัวเองก็ชะโงกดูเหมือนกัน...
ซูอิ๋งเอ่อร์เอนตัวพิงไปกับรั้วเหล็ก เอาหน้าแนบที่รั้ว แล้วคร่ำครวญ
“โตไวจังเลย แปปเดียวก็เข้าอนุบาลแล้วเหรอเนี่ย...”
ซูอีเฉินมองคนที่แอบมองเหล่านี้ ก็เกิดรอยยิ้มที่มุมปาก
เขาสวมชุดสูทหล่อเท่ เอ่ยเบาๆ “กลับได้แล้ว เราต้องเชื่อใจซู่เป่า”
เขาปรายตาชำเลืองมอง จากนั้นก็หันหลังจากไป
ในโรงเรียนอนุบาล
สำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียน
มู่กุยฝานยิ้ม “…ดังนั้นผมคิดว่า โรงเรียนอนุบาลจำเป็นต้องทำการฝึกซ้อมป้องกันระเบิด”
“ใช่ ๆ ท่านพูดถูก”
“อย่างนั้นก็ให้ฉันมารับหน้าที่หัวหน้าผู้สอนเถอะ!”
ผู้อำนวยการปลื้มใจ “ดี...ดี ๆ ท่านพูดแล้วนะ”
มู่ กำลังจะผันตัวมาเป็นนักต้มตุ๋น เทพเจ้าสงครามเดินจากไปด้วยความพอใจ
ครูใหญ่ “……”
หลังจากเช็ดเหงื่อเย็น ๆ แล้ว ผอ.ก็ตัดสินใจไปดูด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับยัยหนูที่มาใหม่นี่อย่างเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...