ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 127

ในขณะที่ผอ.กำลังบ่นอยู่ว่าห้ามเกิดเรื่องอะไรอย่างเด็ดขาด

ทว่าตาก็กระตุก รู้สึกว่ายิ่งกลัวมันก็จะยิ่งเกิด...

หานหานตอนนี้อยู่อนุบาลสามแล้ว ตอนเช้าก็นั่งรถโรงเรียนมาพร้อมกับซู่เป่า

จี้ฉางลอยมาอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

ถึงแม้จะรู้ว่าเด็กน้อยเข้าเรียนอนุบาลไม่น่าจะมีอะไร เขาสามารถฉวยโอกาสช่วงเวลานี้ไปพักผ่อนหย่อนใจ หรือจะฝึกฝนวิชาก็ได้

ทว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไร ก็ตามมาเองโดยไม่รู้ตัว

หานหานจูงมือซู่เป่า เมื่อเจอเพื่อนร่วมชั้นก็พูด “นี่คือน้องสาวของฉัน!”

“อย่าก่อปัญหาให้กับน้องสาวฉันเข้าใจไหม”

ซู่เป่าเพิ่งย้ายมาใหม่ จริง ๆ แล้วตามวัยเรียน เด็กควรเริ่มเรียนอนุบาลหนึ่งเมื่ออายุสามขวบ และมักจะเริ่มเรียนอนุบาลสองเมื่ออายุสี่ขวบ

ตอนซู่เป่าอยู่หนานเฉิงไม่มีคนดูแล ตอนสามขวบก็เลยไม่ได้เข้าเรียนอนุบาล

ตอนนี้ก็เลยได้มาอยู่อนุบาลสองเลย ชื่อห้องคือ ห้องสับปะรด

ซู่เป่ามีความสุขมาก “หนูชอบห้องสับปะรด!”

เป็นชื่อห้องที่ฟังดูแล้วอร่อยดี

“ซู่เป่า พี่อยู่ห้องเอดินบะระ ถ้าหากมีใครกล้ารังแกเธอ เธอก็มาหาพี่นะ”

“โอเคค่ะ”

ครูที่พาพวกเธอมาที่ห้องรู้สึกขำขัน “วางใจได้เลย ไม่เป็นอะไรหรอก มีครูอยู่ทั้งคน หานหานเองก็รีบกลับไปห้องเรียนนะจ้ะ”

หานหานส่ายหัว

“ไม่ได้ค่ะ หนูจะต้องส่งน้องสาวให้ถึงห้องเรียนอย่างปลอดภัย นี่คือภารกิจที่พ่อมอบให้กับหนู”

ครูรู้สึกขบขัน พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “โอเค”

ครูมองไปที่ซู่เป่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “วันนี้เป็นวันแรกที่ซู่เป่ามาเข้าเรียนรู้สึกมีความสุขไหมจ้ะ ครูเป็นครูประจำชั้นของห้องสับปะรด ครูแซ่ฮวา เรียกว่าครูฮวาก็ได้นะ”

ซู่เป่าตาลุกวาวเป็นประกาย “ว้าว ครูฮวาฮวานั่นเอง”

ตอนที่เธอวาดรูปเธอมักจะชอบวาดรูปคุณหนูฮวาฮวา ตอนนี้มีครูฮวาฮวามาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว และก็เข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ครูฮวายิ้มจนตาหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นเด็กคนนี้ตาลุกวาวเป็นประกาย ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

พอมาถึงประตูเข้าห้องเรียน หานหานกอดไหล่ของซู่เป่าอย่างอาลัยอาวรณ์

“ถึงแล้ว เดี๋ยวพอพี่ไปแล้วเธออย่าร้องไห้นะ”

“หนูไม่ร้อง”

หานหานไม่ไว้วางใจ ถ้าหากมีคนมารังแกเธอล่ะ

ทันใดนั้นเธอก็โบกมือ “เฮ้! เด็ก ๆ ห้องสับปะรดมองมาทางนี้!”

เด็ก ๆ ที่กำลังเล่นหรือกินข้าวเช้าอยู่ก็หันหน้ามาทันควัน

พวกครูที่กำลังยุ่ง ๆ อยู่ก็ตกตะลึง

หานหานเลียนแบบท่าทางของครู “นี่คือเพื่อนใหม่ของพวกเธอ ทุกคนพูด สวัสดีพี่ใหญ่”

เด็กหลายคนตื่นมาตอนเช้ายังอยู่ในอาการสะลึมสะลือ

แถมครูอนุบาลก็มักจะพูดแบบนั้นอยู่บ่อย ๆ

ดังนั้นพวกเด็ก ๆ จึงพูดตามอย่างเชื่อฟังโดยไม่รู้ตัว “สวัสดีพี่ใหญ่!”

พี่ใหญ่ซู่เป่ายืนงงไปแล้ว

พวกคุณครูก็ตะลึงกันไปเลย

จี้ฉางเม้มปาก

ผอ.ที่เพิ่งมาสอดส่อง ก็ถึงกับงง ยังเผลอคิดว่าอยู่ในองค์กรอะไรที่น่าทึ่งสักอย่าง…

หานหานพูดจบ เธอก็สะพายกระเป๋าหนังสือเดินจากไปด้วยความพึงพอใจ

ครูอีกคนพาซู่เป่าเข้ามาในชั้นเรียน ส่วนจี้ฉางกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างหน้าต่างด้วยความเบื่อหน่าย แล้วก็หยิบตำราขึ้นมาอ่าน

ผอ.ยืนกำชับครูฮวาอยู่ที่ประตู “ดูแลเธอดี ๆ เด็กคนนี้ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ...”

“ฉันทราบแล้วค่ะ...”

ขณะเดียวกันครูสาวอีกคนมาถึงด้วยอาการหอบ ได้ยินสิ่งที่ผอ.และครูประจำชั้นพูดกันพอดี

“ขอโทษค่ะ...ฉัน...ฉันมาสายแล้วค่ะ”

ผอ.ขมวดคิ้วไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินจากไป

“ครั้งต่อไปต้องระวังหน่อยนะ” ครูฮวาเอ่ย

ครูสาวแลบลิ้นหอบแหก ๆ รีบเปลี่ยนรองเท้า และไปล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อโรค…

ในห้องเรียน

ครูฮวาจัดการงานสอนในแต่ละวัน และจดบันทึกอีกนิดหน่อย

โดยปกติช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงกิจกรรมอิสระ พวกเด็ก ๆ ต่างผ่านความวุ่นวายในช่วงอนุบาลหนึ่งมาแล้ว พอมาอยู่อนุบาลสองแล้วจึงมีวินัยที่ดีมาก ๆ

เด็กบางคนกินมื้อเช้าอย่างเงียบ ๆ ที่บริเวณโรงอาหาร และเด็กบางคนกินเสร็จก็ไปเล่นอีกด้านหนึ่งของห้องเรียน

ซู่เป่าเองก็กำลังกินข้าว

ถึงแม้เมื่อเช้าจะกินมาจากบ้านหน่อยนึงแล้ว

แต่ว่าอาหารที่โรงเรียนเหมือนจะหอมเป็นพิเศษเลย

กินสองสามคำเกี๊ยวก็หมดไปแล้วครึ่งถ้วย แล้วยังกินสเต็กหั่นชิ้นกับปลาค็อดทั้งชิ้นไปอีกครึ่งชาม

เพื่อนที่อยู่โต๊ะเดียวกันถึงกับตกตะลึง

มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับอุทาน “พี่ใหญ่ พี่เก่งมากเลย กินเยอะมากเลย!”

เธอคิดว่าชื่อของซู่เป่าคือ ‘พี่ใหญ่’…

ซู่เป่าก็แก้ไข “ฉันชื่อซู่เป่า!”

เด็กผู้หญิงขอโทษแล้วยิ้ม “ฉันคิดว่าเธอชื่อ พี่ใหญ่”

เด็กผู้ชายอีกคนเอามือหนุนคาง นั่งเหมือนไม่ได้นั่ง ยิ้มแล้วก็พูด

“ว้าว ว้าว ยัยพุงโต ยัยพุงโต ยัยพุงโตกินโคตรเยอะเลย”

ซู่เป่าขมวดคิ้ว ประโยคนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบอยู่นิดหน่อย

เธอพูดอย่างตั้งใจ “ว่าคนอื่นว่ายัยพุงโตมันไม่มีมารยาทมากเลย หวังว่าหลังจากนี้จะไม่พูดอีกนะ”

ดูเหมือนว่ายิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ เด็กผู้ชายคนนั้นก็หัวเราะขึ้นมาทันควัน

“ยัยพุงโต ยัยพุงโต กินจนไม่เหลือเลย ทำไมถึงจะเรียกไม่ได้ล่ะ ฮ่า ๆ”

เด็กผู้หญิงอีกสองคนไม่รู้ความหมายคำนี้ แต่เห็นท่าทางเขาหัวเราะก็รู้สึกขบขัน เลยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะตาม

ซู่เป่าวางชามใบเล็กลงบนโต๊ะ “ถ้านายพูดอีกฉันจะอารมณ์ไม่ดีแล้วนะ!”

ในขณะนี้ ครูสาวที่มาสายคนนั้นก็เดินเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้นจ้ะ” เธอเอื้อมมือไปแตะศีรษะของเด็กผู้ชาย จากนั้นมองไปที่ซู่เป่าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผอ.และครูประจำชั้นพูดเมื่อกี้ เธอก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้น

“ซู่เป่า ทำไมถึงอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะ” ครูสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ซู่เป่ามองไปบนหัวครูสาวด้วยความประหลาดใจ จากนั้นหันไปมองจี้ฉาง อ้าปากพูดแบบไม่ออกเสียง ท่านอาจารย์...

“หืม พบได้ยากมากเลย นี่มันผีหลายใจใช่ไหม”

มีผีผู้หญิงดวงตาสีเขียวสะท้อนแสงกำลังนอนขดอยู่บนหัวของครูสาว

ที่จี้ฉางรู้สึกว่าพบเห็นได้ยาก เพราะผีหลายใจส่วนมากที่จะเจอเป็นผีผู้ชาย แต่ผีผู้หญิงหลายใจโดยทั่วไปแล้วส่วนมากจะเรียกว่าผีสวาท

ผีหลายใจกับผีสวาทแตกต่างกัน อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ผีหลายใจก็นอกใจ ผีสวาทก็นอกกาย...ดังนั้นสิ่งที่พวกเขายึดติดก็ไม่เหมือนกันแล้ว

พูดตรง ๆ ก็คือ อันแรกอยากให้ผู้ชายหลาย ๆ คนชอบเขา ส่วนอันหลังอยากนอนกับผู้ชายหลาย ๆ คน

ทว่าผีผู้หญิงด้านหน้านี้คือผีหลายใจ แถมยังสิงอยู่ในร่างของผู้หญิงอีกด้วย...

นี่มันพบเห็นได้ยากมาก

“ซู่เป่า ค่อยว่ากันทีหลัง จัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ก่อน”

ซู่เป่าพยักหน้า “ครูคะ เขาว่าหนูว่ายัยพุงโต หนูไม่ชอบ บอกเขาว่าอย่าพูดเขายังจะพูดอีก”

เด็กผู้ชายคนนั้นทำหน้าตาทะเล้น

ครูสาวยิ้ม “อ๋อเป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่เป็นไรนะ พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เสี่ยวหยางหยางพูดขอโทษซู่เป่า ซู่เป่าก็พูดว่าไม่เป็นไรนะ แล้วก็จับมือคืนดีกัน ดีไหม”

เธอยิ้มด้วยความประนีประนอม น้ำเสียงน่ารักเหมือนเสียงนางเอกการ์ตูนเลย

เด็กผู้ชายที่ชื่อเสี่ยวหยางหยางก็รีบพูดขอโทษ แต่ซู่เป่าไม่พูดคำว่า ไม่เป็นไร

เธอเบะปากคว่ำไม่พูดสักคำ ถือจานขึ้นมาแล้วเอาไปไว้ที่อ่างล้างจาน

ครูสาวก็เดินตามมา นั่งยอง ๆ โดยมือข้างหนึ่งประคองเข่าไว้ ส่วนอีกข้างจับผมเปียของซู่เป่า

“ซู่เป่า เป็นอะไรเหรอ ทำไมอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะ บอกครูเชอร์รี่ได้ไหมน้า~”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน