ซู่เป่าได้ยินครูเชอร์รี่ถามแบบนี้ ก็พูดอีกครั้ง
“หนูรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้องนะคะ ครูควรจะพูดให้จัดเจนเลยว่าเขาทำผิด แล้วค่อยให้เขาขอโทษหนูถึงจะถูก”
ทำไมถึงพูด ขอโทษ ไม่เป็นไร ทั้ง ๆ ที่ยังไม่อธิบายว่าอะไรผิดอะไรถูกเลย
ถ้าหากเด็กผู้ชายขอโทษด้วยความจริงใจ เธอจะพูดว่าไม่เป็นไรอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นตอนขอโทษไม่ได้แสดงออกว่ารู้สึกผิดแม้แต่น้อย
ครูเชอร์รี่ตะลึง “อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ครูมองข้ามไปเอง ต้องขอโทษจริง ๆ นะ ครั้งต่อไปครูจะต้องจำให้ได้เลย โอเคนะ”
ซู่เป่า “……”
ทำไมต้องครั้งหน้า
ครั้งนี้ก็ช่างมันอย่างนั้นน่ะเหรอ
เจ้าก้อนแป้งไม่ค่อยสบอารมณ์ เธอไม่อยากสนใจครูคนนี้แล้ว
ครูเชอร์รี่ลูบแก้มของเธอด้วยความไร้เดียงสา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“เอ๊ะ ฉันพูดอะไรผิดอีกเหรอเนี่ย...”
ที่อีกด้านของห้องเรียน ครูฮวาซึ่งทำงานเสร็จแล้ว
“โอเค เด็ก ๆ มาเช็คชื่อกัน”
เด็ก ๆ ก็รีบวางสิ่งของที่อยู่ในมือของตัวเองลงทันที บ้างก็วิ่งมาอย่างเร็ว บ้างก็เดินเอื่อยเฉื่อย
ซู่เป่าก็วิ่งมาอย่างเร็ว เธอทิ้งครูเชอร์รี่ไว้ทันที แล้วไปหยุดอยู่ด้านหน้าครูฮวา
ดวงตาครูฮวาก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
เห็นนักเรียนที่เดินอืดอาดอยู่ด้านหลัง เธอเลยเตือน
“คุณตาแก่ ๆ เวลาเขาวิ่งยังเร็วกว่าพวกเธออีก หยางหยาง ซินซิน เฉินเฉิน สู้ ๆ”
“เด็ก ๆ ที่รีบวิ่งมาเก่งมาก ๆ ทุกคนต้องหัดเลียนแบบเพื่อน ๆ ที่วิ่งเร็วนะ โดยเฉพาะแบบซู่เป่านักเรียนใหม่ของห้องเรา”
เด็กสองสามคนที่เดินเอื่อยเฉื่อยก็รีบวิ่งมาด้านหน้า แม้แต่เสี่ยวหยางหยางก็รีบวิ่งขึ้นมาทันที
แท้จริงแล้วไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ชอบได้รับคำชื่นชม
“เหมือนเดิมนะ ถ้าครูพูดว่า เด็ก ๆ พวกเราก็ขานรับว่า เฮ้ เฮ้ เฮ้ ครูจะลองฟังว่าเสียงใครดังที่สุด”
“เด็ก ๆ”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้!”
ทันใดนั้นซู่เปาก็ตระหนักได้ว่าเขาเล่นแบบนี้กันนี่เอง
พอครั้งที่สองตอนที่ครูฮวาพูด “เด็ก ๆ ”
ซู่เป่าแผดเสียงออกมาอย่างดัง “เฮ้ เฮ้ เฮ้!”
เสียงนี้ดังจนทำให้นกกระจอกที่อยู่นอกหน้าต่างผงกหัวด้วยความสับสนแล้วกระพือปีกบินหนีไป
พวกครูก็ตกตะลึง
จี้ฉางเม้มปาก
ครูฮวาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“โอ้โห เสียงที่ดังที่สุดคือซู่เป่า ครูมอบสติกเกอร์หนึ่งอันเป็นการชื่นชม”
พลางติดสติกเกอร์ [เก่งจริง ๆ] บนหน้าผากของซู่เป่า
ซู่เป่าเบิกตากว้าง เอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสมัน
เธอได้รับรางวัลด้วยอ่ะ!
โรงเรียนอนุบาลสนุกจริง ๆ!
ครูฮวาเริ่มเช็คชื่อ ซู่เป่าก็ตั้งใจดูว่าเพื่อน ๆ ขานรับกันอย่างไร
พอมาถึงตัวเอง ยังคงพูดด้วยเสียงดัง “มาค่ะ”
ครูอีกสองคนต่างก็พากันยิ้ม
เด็กคนนี้ตั้งใจมากเลย น่ารักมาก ๆ
ครูอิงเถาอดไม่ได้ที่จะพูด “ซู่เป่าน่ารัก ฉันตกหลุมรักจนขึ้นไม่ไหวแล้วนะ”
ครูที่อยู่ข้าง ๆ เธอพูดติดตลก “งั้นเธอต้องรีบมีลูกกับครูโจวสักคนแล้วล่ะ”
ครูอิงเถาเขินอาย “พูดอะไรกันเนี่ย พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันเลย”
ระหว่างที่กระซิบกระซาบกันอยู่ ครูฮวาก็เช็คชื่อเสร็จ จึงให้ซู่เป่าแนะนำตัว
ซู่เป่าก็พูดออกมาตามที่คุณยายได้สอนเธอไว้เมื่อคืน
“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อซูจื่อซู่ ทุกคนสามารถเรียกฉันว่าซู่เป่าก็ได้
ปีนี้ฉันอายุสี่ขวบ ดีใจมาก ๆ ที่จะได้เป็นเพื่อนกับทุกคน”
พูดฉะฉานไม่ตื่นเวที ครูก็ปรบมือให้ นักเรียนก็พากันปรบมือตาม
ขณะนั้นเองเสี่ยวหยางหยางเด็กผู้ชายคนนั้นก็เริ่มที่จะทำเรื่องพิเรนทร์อีกแล้ว
เขาหัวเราะแล้วยักคิ้วหลิ่วตา “ซูจื่อสู่ ยัยนั่นชื่อจื่อสู่ (มันม่วง) ฮ่า ๆ ๆ”
“ยัยนั่นเป็นมันเทศลูกใหญ่ มันเทศลูกใหญ่ที่สามารถกินได้ขี้ดี แบร่ ๆ ๆ”
“……”
น้ำเสียงขอครูฮวาเปลี่ยนไป “หยางหยาง ตั้งฉายาให้คนอื่นเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีมารยาท เธอทำแบบนี้สามารถทำร้ายจิตใจซู่เป่าได้ รีบขอโทษซู่เป่าเดี่ยวนี้”
เมื่อเห็นว่าครูน้ำเสียงจริงจัง เด็ก ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะลดเสียงให้เบาลง
และทุกคนก็พากันมองไปที่หยางหยาง
ทันใดนั้นหยางหยางก็รู้สึกอาย สีหน้าเก้อเขิน แล้วพูดขอโทษอย่างไม่เต็มใจ
“หึ!” ไม่ให้อภัย
ซู่เป่ามองไปที่ครูฮวา “หนูไม่อยากให้อภัยเขา ตอนที่เขากินข้าวก็ว่าหนูยัยพุงโต ครูเชอร์รี่ก็ให้เขาขอโทษหนู เขาก็ขอโทษแบบไม่จริงใจเลย”
ครูฮวามองไปที่ครูเชอร์รี่แล้วก็พูดกับซู่เป่า “ไม่เป็นไร ไม่อยากให้อภัยเขาก็ยังไม่ต้องให้อภัย รอหนูรู้สึกว่าสามารถให้อภัยได้เมื่อไหร่ก็ค่อยบอกว่า ไม่เป็นไร โอเคไหมคะ”
ซู่เป่าดีใจแล้วพยักหน้า
ครูเชอร์รี่กลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
เธอก็สอนอย่างนี้นี่นา
แต่เด็กสองคนนี้ไม่ฟังเธอ จะให้เธอทำอย่างไร...
ต่อมาครูฮวาก็แนะนำคุณครูให้ซู่เป่า และพวกครูก็แนะนำตัวเอง
โรงเรียนอนุบาลนานาชาติอู่เซี่ยงเป็นโรงเรียนอนุบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ตอนเริ่มแรกห้องหนึ่งรับนักเรียนแค่สิบคนเท่านั้น ต่อมาเพราะแรงกดดันจากทรัพยากร ก็เลยเปลี่ยนเป็นยี่สิบคนต่อห้อง
เดิมทีจะมีครูผู้สอนสองคน ครูพี่เลี้ยงสองคน ต่อมาเปลี่ยนเป็น ครูผู้สอนสี่คน ครูพี่เลี้ยงสามคน
ครูสี่คนรับหน้าที่สอนเป็นหลัก อีกสามคนรับหน้าที่เป็นครูพี่เลี้ยงเด็ก
ครูที่มีหน้าที่สอนเป็นหลัก เวลาเข้าชั้นเรียนก็จะควบคุม จัดลำดับการสอน พัฒนาศักยภาพ พัฒนาภาษา เป็นต้น ในขณะที่ครูพี่เลี้ยงจะคอยดูแลพวกเด็ก ๆ เป็นหลัก เช่น ช่วยเด็ก ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเหงื่อออก พาเข้าห้องน้ำอะไรทำนองนั้น...
นอกจากมีครูประจำชั้นชื่อครูฮวาแล้ว ยังมีครูอีกสามคนชื่อครูองุ่น ครูเชอร์รี่ และครูส้มโอ โดยตั้งชื่อตามผลไม้เพื่อให้เด็กจำได้ง่ายขึ้น
ส่วนครูพี่เลี้ยงเด็กชื่อครูเหมียว ครูกระต่าย ครูนกยุง ใช้ชื่อสัตว์น่ารัก ๆ เป็นหลัก ให้แตกต่างไปจากครูผู้สอน
หยางหยางอารมณ์ไม่ดีนั่งลงที่เก้าอี้แล้วยืดขา เท้าก็เตะไปที่เก้าอี้ของเพื่อนคนข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วก็ยังไม่สลด
เด็กที่อยู่ด้านหน้าหันหน้ากลับมาด้วยความโมโห “แกจะเตะฉันทำไม!”
หยางหยาง “ไม่นะ ฉันเตะเก้าอี้ ไม่ได้เตะแกสักหน่อย!”
เด็กคนนี้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมหันหน้าไปหาครูเชอร์รี่ที่กำลังดูแลระเบียบในห้องเรียนอยู่ด้านหลังหยางหยาง
ครูเชอร์รี่ได้สติก็พูดว่า “เกิดอะไรขึ้น หยางหยางตั้งใจเรียนสิ ซินซินก็ตั้งใจเรียนนะ พวกเธอก็เป็นนักเรียนที่เก่งมากเลย”
ซินซินทำได้เพียงแค่หันหลังกลับ คนที่นั่งข้างเธอบังเอิญเป็นซู่เป่าพอดี
หยางหยางรู้สึกเบื่อก็เริ่มเล็งไปที่ผมจุกกลม ๆ สองข้างของซู่เป่า
เส้นผมดำเงานุ่มสลวยของเธอถักเป็นเปียแล้วม้วนให้เป็นจุกกลม ๆ ประดับด้วยกิ๊บกระต่ายสองตัวซึ่งดูน่ารักมาก
หยางหยางยื่นมือออกมาอย่างซุกซน และกระชากอย่างแรง
กิ๊บกระต่ายถูกกระชากจนหลุดออกมาถึงขนาดที่เส้นผมยังติดกิ๊บออกมาด้วย
ซู่เป่าเจ็บจนร้องออกมา
เธอก็หันกลับไปมองหยางหยาง แล้วพูดด้วยความโมโห “นายทำอะไร!”
ครูฮวาที่กำลังสาธิตท่าออกกำลังกายก็หันหน้ากลับมาด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นซู่เปาโกรธ หยางหยางกลับคิดว่ายิ่งสนุกขึ้น ก็ยังยื่นมือออกไปจับดึงผมจุกเล็ก ๆ ที่อยู่บนหัวเธอ
ดึงไปก็พูดไปด้วย “คนอื่นถักเปียกันหมด ทำไมเธอถึงมัดจุกล่ะ ฉันช่วยเธอดึงออกถึงจะสวยขึ้นนะ”
จี้ฉาง “ให้ตายเถอะ อดทนจนถึงขีดสุดแล้ว ซู่เป่ารีบบอกครูฮวาเลย...”
ซู่เป่าโมโห ใช่ หมดความอดทนแล้วนะ
เธอเลื่อนเก้าอี้ออกอย่างสุภาพ
หลังจากนั้นเดินไปด้านหน้าของหยางหยาง
ยืนเขย่งเท้าแล้วจิกผมของหยางหยางอย่างแรง
หยางหยางรู้สึกเจ็บ ก็ยกมือตีไปที่ซู่เป่าอยากไม่รู้ตัว
ซู่เป่าก็ไม่อ่อนข้อให้ ยกมือขึ้นจับ แล้วก็เตะไปที่หัวเข่าของหยางหยาง
หยางหยางถูกเตะจนเซถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้นเสียงดังตุ้บ…
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ตอนครูฮวากำลังรีบวิ่งเข้ามาหาเด็กทั้งสองคน หยางหยางก็ถูกเตะเข้าไปแล้ว ร้องไห้ใหญ่เลย
“เธอตีผม เธอตีผม ผมจะฟ้องคุณย่า”
“นังสารเลว แกจะต้องไม่ตายดี”
หยางหยางร้องไปด้วยด่าไปด้วย แต่ละคำที่พ่นออกมาไม่รู้ว่าเขาไปเรียนมาจากใคร
ซู่เป่ายืนเท้าเอว ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ไม่ยอมแพ้ และหงุดหงิดสุด ๆ
จี้ฉางอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เขาไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าแก้มก้อนจะทะเลาะวิวาทตั้งแต่วันแรกของการมาเรียน
น่ะ น่ะ นี่...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...