ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1309

ซู่เป่าจ้องชายหนุ่มคนนั้น

ใบหน้าที่ธรรมดาไร้ความโดดเด่น ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักกันเลย ทว่ากลับรู้สึกเหมือนคนคนหนึ่ง...

ทันใดนั้นหนุ่มน้อยเองก็มองมาด้านบนเช่นนั้น ทว่าหลังจากกวาดสายตามองทีหนึ่งแล้วก็เบือนสายตากลับไป

ซู่เป่า “?”

ไม่นานหนุ่มน้อยเองก็ขึ้นมาด้านบน เพียงแต่นั่งอยู่ที่โถงด้านนอก สั่งหม้อไฟปลาภูเขาหิมะพันลี้มาหม้อหนึ่ง

ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ หนุ่มน้อยก้มหน้าไปทั้งอย่างนี้ จากนั้นก็กินอาหารของตัวเองไปอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองรอบ ๆ อีกเลย

หึ ๆ ยังคิดจะโกหกเธออีกเหรอ?

เธอรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร!

บรรพบุรุษถามขึ้นอีกครั้ง “ซู่เป่า หนูรู้จักเขาเหรอ?”

ซู่เป่าตอบ “เมื่อกี้ไม่รู้จัก แต่ตอนนี้รู้จักแล้วค่ะ”

ซูอวิ๋นเจาชำเลืองมองทีหนึ่ง พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจำไม่ได้

ใครกัน?

มุมปากของซู่เป่ากระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งกดน้ำเสียงต่ำทำท่าทางลึกลับ “ไม่บอกพวกลุงหรอก!”

ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องแสร้งทำแบบนี้ แต่ก็น่าจะมีเหตุผลของเขาละมั้ง

แถมพลังเวทเปลี่ยนหน้ายังค่อนข้างเลิศล้ำอีกด้วย มองเพียงแค่ปราดเดียวเธอเกือบจะจำไม่ได้แล้ว

วางใจเถอะ ควรร่วมมือกับการแสดงออกของพี่ยังไงหนูจะพยายามให้เต็มที่เลย!

ซู่เป่ายิ่งทำท่าทางเป็นไม่รู้จัก ฝีมือการแสดงดีมาก ๆ แม้แต่อยู่ตรงหน้าก็ไม่สังเกตเห็น

ซืออี้หรันกินอาหารไปอย่างเงียบ ๆ คิดอยู่ในใจว่า ถ้าเธอจำไม่ได้จริง ๆ หน้ากากจำแลงของวิเศษขั้นเทพนี่ก็เก่งกาจอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ!

หน้ากากชิ้นนี้ไม่เพียงสามารถจำแลงใบหน้าได้แล้ว ยังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างและบุคลิกได้ทั้งตัวอีกด้วย ซืออี้หรันรู้สึกว่า หากไม่ใช่เพราะเปิดเผยคำพูด การกระทำและแววตาด้วยตัวเอง ต่อให้เป็นคนลึกลับนั่นก็จำเขาไม่ได้

เมื่อคิดถึงว่าเมื่อเปิดเผยตัวตนของตัวเองหลังจากนี้ ซู่เป่าคงจะทำหน้าตกตะลึง...ซืออี้หรันก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มมุมปาก

ทั้งสองคนอยู่ห่างกันสองถึงสามโต๊ะ หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ทำราวกับว่าไม่รู้จักกันจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะว่าบรรพบุรุษและซูอวิ๋นเจานั่งอยู่กับซู่เป่าด้วย รู้แค่ว่าเมื่อกี้เธอให้ความสนใจหนุ่มน้อยคนนั้น แต่พวกเขาต่างไม่รู้ว่าทั้งสองคนยังมีปฏิกิริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ด้วย

ก่อนจะออกไปบรรพบุรุษมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างสงบสติอารมณ์อีกครั้งหนึ่ง

นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เขาก็มองไม่เห็น แต่เห็นได้ว่าการปลอมตัวของเขาเฉลียวฉลาดมาก ชายหนุ่มคนนี้...หรือว่าจะอยู่ขั้นที่สูงกว่าขั้นจักรพรรดิแล้ว?!

ทว่าซู่เป่ากลับมองออกได้ในปราดเดียว ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มคนนี้จะคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างมาก

ไม่ได้ต้องระวังเอาไว้!

บรรพบุรุษคว้ามือของซู่เป่าเอาไว้ แล้วออกไปจากโรงน้ำชาอย่างรวดเร็ว

ซืออี้หรัน “?”

ตีนภูเขาหลี ผีบำเพ็ญมากมายกำลังล่าสัตว์อยู่

ภูเขาหลีใหญ่เป็นอย่างมาก ทว่าผีบำเพ็ญที่กล้าเหยียบขึ้นไปบนภูเขาหลีกลับมีไม่มากนัก ส่วนมากทำได้เพียงหาร่องรอยของเหยื่อตามชายขอบเท่านั้น

เมื่อซูอวิ๋นเจาเห็น “กระต่ายตัวน้อย” ที่ตัวโตเหมือนกับวัว ทั้งตัวเขาก็ตกตะลึงไปเลย

เขายังสามารถพ่นคำอะไรที่ฟังแล้วยิ่งหมดคำพูดออกมาได้อีกไหม?

แน่นอนว่ายังได้อีกอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ

ซูอวิ๋นเจาเอ่ยถามขึ้นราวกับเจ้าหนูจำไม “บรรพบุรุษ พอผีแขนขาดขาขาดแล้ว มันจะงอกออกมาใหม่ได้ไหมครับ?”

บรรพบุรุษทำหน้าเหนื่อยใจ “ไม่ได้ กลัวเหรอ?”

ซูอวิ๋นเจาสงสัย “ทำไมไม่ได้ล่ะครับ? ผีไม่ใช่คนซะหน่อย ไม่มีร่างจริง ๆ มีแค่ร่างวิญญาณ...หัวขาดออกมาเต้นดึ๋ง ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมพอแขนขาดขาขาดแล้วงอกใหม่ไม่ได้ล่ะ?”

มุมปากของซู่เป่ากระตุกรอยยิ้ม “ลุงเจ็ด ถอดหัวออกมาเด้งดึ๋ง ๆ นั่นเป็นเพราะว่าหัวยังอยู่ไงคะ!”

“แต่ว่าถูกสัตว์ประหลาดกินแขนกินขาไปแล้ว แขนขาไม่มีแล้ว จะงอกออกมาใหม่ได้ยังไง?”

“แม้ถูกกลืนกินหัวไปแล้วก็ ‘ตาย’ ไม่ได้ แต่ก็ทำได้แค่มีชีวิตต่อไปอย่างไม่มีหัวนะคะ!”

อย่างเช่นผีหัวขาด แมลงวันไร้หัวบินว่อนอยู่ตั้งหลายปี นานแล้ววิญญาณก็ยังไม่สลาย

ซูอวิ๋นเจา “อืม...ทำไมถึงงอกออกมาใหม่ไม่ได้ล่ะ? งั้นถ้าฉันกินสัตว์ประหลาดที่กินแขนขาของฉันไป จะงอกกลับมาใหม่อีกครั้งได้ไหม?”

บรรพบุรุษทนจนทนไม่ไหว “ไม่ได้! ไม่ได้! ไม่ได้! เพราะงั้นนายรู้จักความโหดร้ายของการบำเพ็ญไหม? ถ้าประมาทแค่นิดหน่อยก็จะกลายเป็นผีพิการ กระทั่งสูญเสียชีวิตผี การเป็นผีบำเพ็ญไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดขนาดนั้นหรอกนะ!”

ซูอวิ๋นเจาพยักหน้า “งั้นผมก็เข้าใจแล้ว...ต่อไปตอนที่จับสัตว์ประหลาดผีสัตว์ประหลาด ต้องระวังตัวเอาไว้ให้มาก!”

ซู่เป่ากับบรรพบุรุษหมดคำพูดจนพูดไม่ออกอีกครั้ง

นี่มันเรื่องอะไรกัน รู้สึกว่ายิ่งพูดอธิบาย...ลุงเจ็ด/ลื่อที่โง่อย่างชัดเจนก็ยิ่งหัวร้อน?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน