ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1322

ภายในถ้ำที่เงียบสงบ หญิงสาวที่ถูกมัดไว้อย่างเต็มพิกัด แล้วยังมีลูกตุ้มชั่งน้ำหนักขนาดใหญ่ยักษ์ที่ถูกผูกไว้กับตัวเธออีก

หญิงสาวจ้องมองซู่เป่า ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยออกมา “ข้าคือ... พระแม่ธรณี”

ควบคุมหยินหยาง เลี้ยงดูสรรพสิ่งเป็นมารดาแห่งมหาธรณีผู้ครอบครองดินแดนแห่งภูผาและมหาสมุทร เป็นหนึ่งในเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งลัทธิเต๋า... พระแม่ธรณี!

ซู่เป่าถึงกับนิ่งอึ้งไป มองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาตะลึงงัน

บิดาของเธอเคยบอกไว้ว่า ตอนนั้นจักรพรรดิตงเยว่และจักรพรรดิชิงหัวบุกขึ้นไปยังวิถีสวรรค์เสียก่อน จากนั้นก็ลงมือว่าจะเปิดเส้นทางใหม่ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แต่กลับล้มเหลวและตกลงมา

ส่วนพระแม่ธรณีและตี้จั้งหวังที่เดิมทีต้องไปด้วยกันกลับมิได้ปรากฏตัวขึ้น โดยไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ใด

ก่อนจะถึงวันนี้ ซู่เป่าระแวงทั้งสองคนนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะตี้จั้งหวังที่เพิ่งยืนยันตัวตนได้เมื่อครู่นี้... ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกต้องบอกว่าเป็นบุรุษชายชุดคลุมดำ

คิดไม่ถึงว่าเพียงครู่เดียวก็จะได้เจอห้าเทพผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้าย... พระแม่ธรณี!

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?” ซู่เป่ารู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าอะไร รีบปลดมัดให้แก่หญิงสาว แต่แล้วก็หยุดกึก “คุณคงไม่ได้เป็นคนเลวหรอกนะ ?”

พระแม่ธรณี:“……”

ดูพูดเข้าสิ คนเลวจะแปะคำว่าคนเลวไว้บนหน้าผากหรือยังไงกันน่ะ ?

ใครจะไปยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเลวล่ะ

พระแม่ธรณีมองไปอีกทางอย่างคนไร้คำจะเอ่ย แต่แล้วสายตาก็ถูกอสูรน้อยดึงดูดเสียจนได้

ซู่เป่าจึงเอ่ยถามขึ้น “ทำไมคุณถึงคอยจ้องมันอยู่ตลอดเลยล่ะ ?”

เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าอสูรน้อยกำลังกอดอยู่ด้านหลังก้อนหิน ขนลุกชันไปทั้งตัว

พระแม่ธรณีตอบโดยไม่ปิดบัง “มันอ้วน ! อร่อย !”

เล่นเอาซู่เป่าถึงกับงุนงงจนมีเครื่องหมายปรัศนีปรากฏขึ้นบนหัวในทันที

อสูรน้อยตัวนี้ดูแล้วผมแห้งเสียยิ่งกว่าอะไร ยามที่ขุนลุกตั้งจนเห็นร่างเล็ก ๆ ของมันก็ใช่ว่าจะมีไขมันหรือเนื้อหนัง

ขนาดตัวก็เท่ากับฝ่ามือ ต่อให้ผิวหนังและขนเป็นเนื้อทั้งหมด แต่ก็ไม่พอจะกินอิ่มได้อยู่ดี แล้วจะบอกว่ามันอ้วนได้ยังไงกัน ?

สิ่งที่ซู่เป่าไม่รู้ได้ก็คือ อสูรน้อยตนนี้คืออสูรที่ทำสัญญาวิญญาณของบรรพบุรุษ สัตว์อสูรที่สามารถทำสัญญาวิญญาณกับบรพบุรุษได้จะเป็นอสูรน้อยธรรมดา ๆ ได้ยังไงกัน

พระแม่ธรณีถูกขังอยู่ที่นี่ เหล่าสัตว์อสูรที่กินได้ก็ถูกกินไปจนหมดสิ้นแล้ว ไม่มีสัตว์อสูรตนใดกล้าเข้ามาบริเวณนี้อีก ขณะที่ตัวเธอเองก็ไม่อาจออกไปจากเนินเขาแห่งนี้ได้

เมื่อหิวจนแทบคลั่งก็ย่อมต้องอยากกินสัตว์อสูรที่เห็นอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้อีก

พระแม่ธรณีเลียปากของตนเอง ตาก็จ้องมองไปยังอสูรน้อยพลางพึมพำ “กินคำเดียวเท่ากับสิบคำ...”

คราวนี้อสูรน้อยขนตั้งชันเสียยิ่งกว่าเดิม

เดิมทีซู่เป่าอยากจะปล่อยตัวเธอไป แต่พอเห็นดวงตาที่เป็นประกายของพระแม่ธรณีคู่นั้นแล้ว...

ปล่อยไว้เหมือนเดิมน่าจะดีกว่า ถ้าขืนว่าอีกฝ่ายกินอสูรน้อยเข้าไปจริง ๆ เธอคงไม่รุ้ว่าจะไปอิบายให้บรรพบุรุษฟังว่ายังไงบ้าง

เพราะเธอเห็นตอนที่บรรพบุรุษปล่อยตัวอสูรน้อยออกมา จึงรู้ว่านี่คืออสูรน้อยของบรรพบุรุษ

ซู่เป่าลองคิดทบทวนดูแล้ว จู่ ๆ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นด้วยคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“หนูพาคุณไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า !”

ดูจากท่าทางของพระแม่ธรณีแล้วจะต้องกินเก่งมากแน่ ๆ ดุร้ายขนาดนี้ เกรงว่าแม้แต่พวกสัตว์อสูรที่อยู่ด้านนอกก็คงกินเข้าไปได้หมดละมั้ง ?

ขืนพาเธอไป ก็เท่ากับพกเครื่องเก็บสัตว์อสูรอันแข็งแกร่งไปด้วยน่ะสิ !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน