ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 133

หลังจากที่ซู่เป่าถึงโรงเรียนก็รู้ว่าหยางหยางเด็กที่มีเรื่องกับเธอเมื่อวาน วันนี้เขาไม่ได้มาโรงเรียน

เด็กผู้หญิงได้ถือชามแล้วรีบวิ่งไป แล้วนั่งโต๊ะเดียวกันกับซู่เป่า มองซู่เป่าด้วยแววตาระยิบระยับ

ก็คือเด็กผู้หญิงที่ถูกหยางหยางถีบเก้าอี้ใส่เมื่อวานนั่นแหละ

“ซู่เป่า เธอสุดยอดมากเลยนะ”เด็กผู้หญิงคนนั้นกล่าว “ฉันชื่อว่าซินซิน เธอจำฉันได้มั้ย?”

ซู่เป่าทานข้าวไปด้วยพยักหน้าไปด้วย “จำได้สิ”

ความจำของเธอดีมากๆเลยนะ

ซินซินพูดอย่างดีอกดีใจ “แม่ฉันบอกว่า หยางหยางโดนเธอตีจนเข้าโรงพยาบาลเลยนะ!”

ซู่เป่าอึ้งไปชั่วครู่ “อะไรนพ?”

ซินซินเอียงศีรษะของเธอลง แล้วกระซิบเบาๆ เหมือนเป็นปาปารัสซี่ส่งข่าวจากที่ไหนสักแห่ง

“เมื่อสานคุณย่าของหยางหยางแจ้งข่าวในกลุ่มหน่ะ ด่าคุณครูด่าโรงเรียนด้วย แล้วก็ยังด่าคุณพ่อของเธอด้วยนะ!!”

“แต่หลังจากนั้นคุณพ่อเธอก็ด่ากลับไปแล้วเรียบร้อย”

ซู่เป่าแสดงท่าทีสงสัยว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ

ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องเลย คุณอากับคุณพ่อไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับเธอเลย

ซู่เป่าตั้งใจที่จะถาม “แล้วเธอรู้ได้ยังไงล่ะ”

ซินซินบอกว่า “คุณแม่ฉันบอกมา แถมคุณย่าของหยางหยางยังส่งรูปที่นอนโณงพยาบาลมาให้ดูด้วย ฉันเห็นหมดแล้วแหละ”

ซู่เป่าอึ้งไปเลย

ซวยแล้ว

แค่นี้ก็เข้าโรงพยาบาลเลยหรือ

เธอลำบากใจมาก เธอแทบไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ หยางหยางก็นอนโรงพยาบาลแล้ว

ช่างอ่อนแอจริงๆ

แต่ซินซินเหมือนว่าเธอจะดูมีความสุขมากๆนะ เมื่อก่อนเธอถูกหยางหยางล้อเลียนบ่อยๆ แถมยังชอบหยิกเธอด้วย

เธอเองก็พูดแล้วนะว่าห้ามหยิกหน้า แต่พอเธอโกรธ หยางหยางก็ยิ่งทำแรงมากขึ้น

หลังจากนั้นเธอก็ได้บอกกับแม่ของเธอ จากนั้นแม่ของเธอก็ตักเตือนไปที่คุณย่าของหยางหยาง

ซินซินไม่มีวันที่จะลืมวันนั้นได้แน่ คุณย่าของหยางหยางกับแม่ของเธอที่ทะเลาะกันตรงหน้าห้องเรียน

คุณย่าของหยางหยางพูดเสียงดังว่า [เธอบอกว่าหยางหยางหลานฉันเป็นคนหยิก แล้วยังไงหล่ะเธอเห็นกับตาหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่าเป็นซินซินลูกของเธอกำลังพูดโกหกมากกว่านะ นี่ก็ยังดีอยู่ไม่ใช่หรือ มาพูดอะไรมั่วซั่ว]

คุณแม่ของเธอได้พูดตักเตือนว่าการที่ผู้ชายมาหยิกหน้าเด็กผู้หญิงเป็นเรื่องที่ไม่ดี หวังเพียงแต่ว่าพวกเขาจะอบรมสั่งสอนลูกหลานตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคุณย่าเขาจะพูดจาแบบนี้ 【เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ จะมาคิดเรื่องร้ายกาจแบบนี้ได้ยังไง ! เด็กบ้านฉันแค่ชอบหยอกล้อก็เท่านั้น ลูกหลานบ้านเธอนั่นแหละอ่อนปวกเปียกเอง 】

ตอนนั้นมีผู้คนมากมายมารุมล้อม ซินซินรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

เหมือนกับว่ามันเป็นความผิดของเธอซะอย่างนั้น

คุณแม่ของเธอไม่รู้จทำอย่างไรดี จึงได้เพียงแต่ให้เธออยู่ห่างๆหยางหยางไว้ ไม่ต้องไปเล่นกับเด็กคนนี้

ตอนนี้ซู่เป่าจัดการหยางหยางจนนอนโรงพยาบาลไปแล้ว ทำให้ซินซินเองก็รู้สึกว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอมีความสุขกับเรื่องนี้มาก ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าซู่เป่าสุดยอดมากๆ เป็นเหมือนฮีโร่คนหนึ่ง

หลังจากที่เด็กๆบริเวณนั้นได้ยินเรื่องนี้ต่างก็พากับคุยฮือขึ้นมา

เรื่องสนทนาระหว่างเด็กๆมันเป็นเรื่องที่แปลกๆ ซินซินได้ประกาศเสียงดังก้องว่าหยางหยางเป็นเด็กนิสัยไม่ดี ตอนนี้ซู่เป่าจัดการแล้วเรียบร้อย ซู่เป่าสุดยอดที่สุดเลย

ซินซิน “ซู่เป่าสุดยอดที่สุดเลย”

เพื่อนๆคนอื่น “สุดยอดที่สุดเลย”

ซินซิน “วู้ฮู ซุปเปอร์ฮีโร่!!”

เพื่อนๆคนอื่น

ตั้งแต่เมื่อ…………

เปิดเรียนวันที่สอง ซู่เป่ามีเพื่อนเพิ่มผู้หญิงสี่คนและผู้ชายอีกสี่คน

ซู่เป่า “?”

ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจถึงเหตุผล

แต่การที่มีเพื่อนเพิ่มมากขึ้น แล้วได้เล่นด้วยกันทั้งวัน นั่นก็เพียงพอที่ทำให้ซู่เป่าสนุกอย่างมาก

……

**

อีกด้านหนึ่ง ที่โรงพยาบาล

คุณย่าของหยางหยางทำเรื่องใหญ่ที่โรงพยาบาล “หลานฉันก็บอกอยู่ว่าปวดมาก แต่พวกเธอกลับพูดว่าตรวจไม่เจออะไรเลย พวกหมอปลอมแน่ๆ จอมปลอม!”

คุณหมอทั้งหลายเบื่อหน่ายจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว

ฉายเอกซเรย์ก็แล้ว ตรวจคลื่นไฟฟ้าก็แล้ว แต่ก็ไม่เจออะไรเลย

รวมถึงตรวจทั้งร่างกายอื่นๆไม่ว่าจะทำ CTแสกนเอย ตรวจเลือดเอยต่างก็ทำหมดแล้ว

แต่เด็กผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีความผิดปกติอะไรเลย ไม่มีบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายใน มีแค่เพียงแต่หัวเข่าแดงถลอกเล็กน้อย

“คุณใจเย็นๆก่อนนะครับ เด็กได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย อย่าได้กังวลไปเลยครับ”

คิดไม่ถึงว่าคุณย่าจะเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม “เธอพูดอะไรนะ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยงั้นหรือ?!!”

“จะเป็นไปได้ยังไง ก็เด็กร้องไห้ตลอดเวลาบ่นว่าปวดเข่าเจ็บเข่า พวกแกตรวจร่างกายหลายหมื่นแล้วแต่กลับหาอะไรไม่เจอ นี่คือหลอกเอาเงินใช่มั้ย ฉันจะแฉพวกแกให้หมด”

คุณหมอ “……..”

หมดคำจะพูด สุดท้ายทำได้เพียงแต่เขียนรายงานสรุปว่าเอ็นบาดเจ็บเล็กน้อย

แต่นั่นยังไม่ทำให้คุณย่าของหยางหยางพอใจ เธอรู้สึกว่าเหตุผลแบบนี้มันเบาไป

“ฉันหาในป่ายตู้มาหมดแล้ว เคสของหลานฉันมีโอกาสบาดเจ็บระยะยาว เขียนอันนี้ลงไปด้วย”

คุณหมอโดนคุณย่าก่อกวนหนักจนกระทบกับการทำงาน แผนกเด็กช่างเป็นแผนกที่แรงกดดันสูงเสียจริง

เขาจึงทำได้เพียงแต่เขียนตามที่คุณย่าบอก แต่เพื่อเป็นการป้องกัน เขาได้เพิ่มข้อความเพิ่มเติมต่อท้ายด้วย

[เอ็นบาดเจ็บเล็กน้อย อาจมีผลบาดเจ็บระยะยาว แนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติม]

แต่คุณย่าขอหยางหยางก็ยังไม่พอใจ แต่ก็ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการแล้ว

จากนั้น เธอก็นำเรื่องที่หลานของเธอถูกทำร้ายร่างกาย และหมอลงความเห็นว่าเอ็นบาดเจ็บ อาจเป็นการบาดเจ็บระยะยาวอัพโหลดลงในอินเตอร์เน็ต

คุณย่าของหยางหยางได้แสดงอย่างหนักหน่วงในการร้องไห้หน้ากล้อง [เมื่อเช้าหลานไปโรงเรียนยังดีดีอยู่ แต่กลับมากลับได้รับบาดเจ็บ ฉันเองก็แค่หญิงชราคนหนึ่งได้ไปพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กอีกฝ่าย แต่กลับถูกฝ่ายนั้นทำร้ายร่างกายกลับมา]

[หลานฉันยังไม่ได้ทำร้ายใครเลยด้วยซ้ำ แต่แค่ไม่ระวังทำให้ไปโดนผมของเด็กคนนั้น แค่นี้ก็โดนตีกลับมาแล้ว]

[เด็กผู้หญิงคนนั้นหน่ะหยาบคายมาก ทั้งหมดเป็นเพราะเลียนแบบตามพ่อของเธอ พ่อของเธอเป็นคนที่เอะอะก็ทำร้ายร่างกายไม่มีเหตผล แถมยังโอหังมากอีกด้วย]

[พวกเราต้องการเพียงแค่คำขอโทษจากอีกฝ่าย เห็นแก่เด็กที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน แค่ขอโทษก็คงจบ แต่ก็คิดไม่ถึงนะ]

คุณย่าแสดงละครหลั่งน้ำตาต่อหน้ากล้องต่อไป

มีทั้งคลิปวีดีโอที่นอนโรงพยาบาล ใบรับรองแพทย์ ผู้ใหญ่ก็ร้องไห้ เด็กก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย

คุณย่ายังได้ซื้อเน็ตเพิ่มอีกด้วยเพื่อเพิ่มความแรงในการใช้เน็ต

เพียงครู่เดียวเรื่องนี้ก็กลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียลทันที

[เกินไปไหมอ่ะ มีผู้ใหญ่แบบไหนก็มีเด็กแบบนั้นจริงๆ เรื่องอื่นไม่ขอพูดนะ แต่แม้แต่คนแก่ก็ทำได้ลงคอ แบบนี้ต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่ๆ]

[เด็กแบบนี้ฉันเจอมาเยอะแล้ว นิดหน่อยก็ทำร้ายร่างกาย เป็นเพราะที่บ้านตามใจทั้งนั้นแหละ]

[รีไปแจ้งความซะสิ ให้บทเรียนหนักๆกับพวกนี้หน่อย ถึงแม้จะเป็นเด็ก แต่ก็อย่าละเว้นล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!!]

โบราณบอกว่าเด็กที่ร้องไห้มักมีนมกิน

ส่วนคนที่ไร้ยางยากมักจะได้ดิบได้ดี

ในโลกโซเชียลมักมีเรื่องที่บิดเบือนความจริงอยู่มาก แต่ชาวเน็ตทั้งหลายจะจำไม่ค่อยได้ มักจะทำตัวเป็นผู้อวดรู้อวดดีสั่งสอนคนอื่นในโลกโซเชียลไปทั่ว

ตอนนี้คุณย่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้เป็นตระกูลซู่ก็เถอะ

ไม่นานพ่อกับแม่ของหยางหยางก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล

ทั้งสองสามีภรรยายุ่งมากไม่มีเวลาให้ลูกเท่าไหร่ นานๆครั้งจะกลับบ้าน เรื่องนี้พวกเขาก็ได้ยินจากคุณย่าเหมือนกันจึงรีบเดินทางมา

คุณแม่ของหยางหยางนั้นใจร้อนมาก

“แม่ อันนี้แม่ทำอะไรอ่ะ แม่รู้ไหมว่าอีกฝ่ายเป็นตระกูลซู่นะ ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในจิงตูนะ”

คุณย่าทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “จะกลัวอะไร มีเงินแล้วจะทำไม บรรพบุรุษเราอ่ะมีเงินมากกว่าพวกนั้นเสียอีก”

แต่หลังๆมาตกระกำลำบาก ตั้งแต่วันที่เธอแต่งงานเข้ามาวันแรกก็เริ่มที่จะลั่นคลอน

แต่ยังไงเสียก็ถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเหมือนกันแหละ!

“อีกอย่างนะ พวกเรายังมีตระกูลมู่คอยช่วยเหลือ พวกเราเป็นพวกเดียวกัน ฉันกับคุณนายมู่สนิทกันมากนะ”

แต่ยังไงก็แล้วแต่หยางหยางก็เป็นลูกของเธอ เรื่องนี้ทำให้เธอเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน

แม่หยางหยางจึงได้แต่มองท่าทีของพ่อหยางหยางแล้วหล่ะ

พ่อของหยางหยางใส่ชุดสูทเรียบหรู แต่พุงเพราะเบียร์นั้นจะทำให้กระดุมกางเกงปริเสียให้ได้

เขาขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจมาก “คุณแม่พูดถูก”

เรื่องของลูกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน นี่ลูกเข้าโรงพยาบาลแล้ว พวกเขายังจะต้องทนอยู่อีกหรือ

อีกอย่างคุณแม่เองก็เป็นคนบอกว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนลงมือก่อน

พวกเขาเองมีเหตุผล จะต้องไปกลัวอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน