ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 135

นายท่านซู่ขมวดคิ้ว,แล้วถามว่า:“กล้องวงจรปิดเสียจริงๆใช่มั้ย?”

ซู่อีเฉินนำผลการตรวจสอบส่งให้กับนายท่านซู่。

“อ้างตามระเบียบ,โรงเรียนอนุบาลของภาครัฐจะต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเท่านั้น,เพื่อรับประกันว่ามีหลักฐานให้กับเด็กนักเรียนหากเกิดเหตุอะไรขึ้น。แต่ไม่มีข้อกำหนดว่าในห้องเรียนจะต้องติดตั้งด้วย。”

“โรงเรียนอนุบาลนานาชาติอู่เซี่ยงเป็นโรเรียนเนิร์สเซอร์รี่ภาคเอกชน,ควรมีความจำเป็นยิ่งขึ้นเรื่องการติดตั้งกล้องวงจรปิด、เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของครูอาจารย์,ดังนั้นในโซนที่เป็นสาธารณะต้องติดตั้งกล้องวงจรปิด,แต่ให้ห้องเรียนส่วนมากจะเจอปัญหากล้องวงจรปิดเสียกันทั้งนั้น”

นายท่านซู่มีสีหน้าที่นิ่งเรียบ วางผลการตรวจสอบไว้บนโต๊ะ。

“ไปค้นหา!ถ้าตระกูลซู่จะหา ฉันไม่เชื่อว่าเราจะหาไม่ได้!”

บนอาคาร。

ซู่เป่าเอาหน้านอนไปบนตะ,มือวนเล่นอยู่กับขนของเสี่ยวอู่。

เธออยู่ๆก็ถามขึ้นมา:“อาจารย์ ทำไมพวกมนุษย์ถึงเป็นแบบนี้กันนะ?”

จี้ฉางเม้มปาก:“บนโลกมนุษย์มันก็วุ่นวาย โหดร้ายและไม่ซื่อสัตย์แบบนี้เนี่ยแหละ。ปากเป็นปากของพวกเขาเอง พวกเราไม่สามารถห้ามให้พวกเขาไม่พูดได้。”

ผู้คนพันคนก็คือพันความคิด,และผู้คนส่วนมากเมื่อได้ยินเรื่องราวอะไรมาก็มักจะว่าตามกันแบบนั้น。

พวกเขาเชื่อในสายตาตัวเอง,แต่กลับไม่รู้ว่าในบางครั้งมีคนบางคนตั้งใจที่จะให้เห็นแบบนั้น

ซู่เป่าน้อยอกน้อยใจ:“แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด。”

ถ้าย้อนกลับไปได้ เธอคิดว่ายังไงก็จะตีอีกครั้ง。

ครั้งนี่ที่เธอกลายเป็นกระแสสังคม,ทำให้เธอไม่เข้าใจว่าทำไมโลกมนุษย์ถึงเป็นแบบนี้。

ยิ่งไม่เข้าใจว่าทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พวกนั้นกลับพูดว่าเหมือนเธอทำลงไป。

จนบางทีซู่เป่าเกิดการสับสนว่าหรือความจริงแล้วเธอได้ทำลงไปจริงๆ……

**

มู่กุยฝานยืนตรงหน้าประตูอยู่เงียบๆมองดูซู่เป่าที่ไม่มีความสุขในห้อง。

สุดท้ายเธอก็โดนทำร้ายเสียได้……

มู่กุยฝานหันหลังกลับไป,เปลี่ยนชุดเสื้อผ้าเป็นชุดสีดำ แล้วออกจากบ้านไป。

ในสวนของเด็กไม่มีกล้องวงจรปิด。

แต่รอบๆบริเวณนั้นมี。

กล้องเหล่านี้จะแตกต่างจากในกล้องวงจรปิด,เพราะส่วนมากจะอยู่ในการดูแลของภาครัฐ,เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง。

กล้องที่มีความละเอียดสูง จนสามารถซูมเห็นรังนกบนต้นไม้ได้อย่างชัดเจน

เขาสามารถใช้อำนาจของเขาเพื่อตรวจสอบบริเวณรอบๆ ถ้าโชคดี บางทีอาจจะจบเรื่องนี้ไปเลยทีเดียวก็ได้

หลายปีที่ผ่านมานั้น ไม่มีเรื่องไหนที่เขาจัดการเองไม่ได้

**

หลังจากที่เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นทำให้พี่ๆของซู่เป่าในตระกูลซู่ต่างก็รีบพากันกลับบ้าน

ซู่อี้เซินโกรธโมโหมากๆ คิดไม่ถึงว่าหลานตัวน้อยๆของเขาจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้

ซู่อิ๋งเอ่อร์โมโหจนทุบฝากระโปรงหน้ารถบุบเป็นหลุมเลย

นักแสดงมากฝีมืออย่างซู่ลั่วก็ออกมาปกป้องหลานรักโดยไม่สนผลที่จะตามมา

ทุกคนได้มารวมตัวกันที่ห้องหนังสือ ซู่อีเฉินไม่ให้พวกเขาเข้าไปรบกวนซู่เป่า

เพราะห่วงว่าอารมณ์ของพวกเขาตอนนี้ จะทำให้ซู่เป่ารู้สึกแย่มากกว่าเดิม

ซู่อิ๋งเอ๋อร์โมโหจัด “พี่ใหญ่ จะปล่อยให้ผ่านไปแบบนี้หรือ ฉันจะไปหายัยแก่นั้นเดี๋ยวนี้เลย จะตบสั่งสอนเสียหน่อย!”

ซู่ลั่วยืนกอดอก “รวมผมด้วย”

ซู่อีเฉินพูดอย่างนิ่งๆว่า “ตอนนี้เรื่องนี้เป็นกระแสร้อนแรงมากในโลกโซเชียล ตอนนี้ทำได้แค่ตามน้ำไปก่อน พวกแกอย่าเพิ่งมาทำให้วุ่นวาย”

ตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทำได้แค่อดทนกัดฟันไว้ เรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับพวกเขา

หรือว่าพวกเขาสามารถฆ่าล้างบางได้เลยหล่ะ

จะเพิกเฉยต่อกฎหมาย แล้วทำอย่างที่พวกชาวเน็ตกล่าวหาจริงๆน่ะหรือ

ไม่มีทาง

เว้นแต่ว่ามีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะสามารถไปข่มขู่ยัยแก่นั่นให้ถอนคำพูด แต่พวกชาวเน็ตก็จะทำร้ายซู่เป่าได้อีกตามเคย

ซู่อีเฉินไม่อยากให้ซู่เป่าได้รับผลกระทบจากเรื่องแบบนี้อีก

พวกพี่น้องตระกูลซู่โกรธจนสามารถจะพ่นไฟได้แล้ว

**

ในห้องนอน ซู่เป่ายังตาใสแจ๋วนอนไม่หลับ

ได้ยินมาหลายสิ่งหลายอย่าง แต่กลับไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่บนโลกนี้

จี้ฉางนั่งกอดเข่าเงียบๆถามซู่เป่า “แล้ว ตอนนี้ซู่เป่าของเรายังมีพลังไปตอบโต้กลับไหมล่ะ”

ซู่เป่าเงยหน้า “ได้หรือ”

จี้ฉาง “ถ้าเธอคิดว่าได้ มันก็ต้องได้ ความกล้าหาญของเธอ มันทำให้เธอต่อสู้กับพวกอสูรกายได้หมดนะ”

เพื่อเป็นการปลอบประโลมซู่เป่า จี้ฉางได้นำคำพูดในการ์ตูนอุลตร้าแมนออกมาพูด

“ถ้าคิดว่าได้ก็พูดดังใส่พวกชาวเน็ตว่าไม่ เธอต้องกล้าหาญที่จะออกมายืนหยัดต่อสู้ เพื่อให้ตัวเองพ้นมลทินนะ”

“เธอสามารถทำอะไรได้หลายอย่างเลยนะ ถึงแม้ว่าจะมีมรสุมพัดมาใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าเธออดทน ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว”

หลังจากซู่เป่าได้ยินคำพูดของอาจารย์ ก็ทำให้เธอรู้สึกมีความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ไม่มีใครรู้ ว่านี่คือสิ่งที่เป็นความสามารถดีๆของซู่เป่า

ซู่เป่ากำมือแน่น พูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันทำได้ ฉันจะพูดความจริง”

เสี่ยวอู่ส่งเสียงร้องก้าก้า กระพือปีก “ซู่เป่าเก่งมาก ซู่เป่าสู้ๆ ซู่เป่าป้อนเกลือให้ตัวเองด้วยนะ”

ซู่เป่า “อืมได้ ป้อนเกลือให้ตัวเอง!”

จี้ฉางยิ้มที่มุมปาก

“ซู่เป่า อันนั้นหมายถึงเปรียบเทียบให้กำลังใจตัวเอง ไม่ให้ให้ป้อนเกลือให้ตัวเองจริงๆหรอกนะ”

ซู่เป่ารีบใส่รองเท้านิ่มๆ ตึงตึงตึงวิ่งไปในห้องของซู่เหอเวิ่น

ผมของซู่เหอเวิ่นยุ่งเหยิงไปหมด แล้วตอนนี้ก็ยังรับบทบู้กับโลกโซเชียลอยู่

ปากที่แห้งกร้าน และดวงตาที่จ้องอย่างขะมักเขม้น

เมื่อเห็นซู่เป่าเดินมา ก็รีบเก็บโทรศัพท์ทันที “ซู่เป่า เป็นอะไรหรือ”

ซู่เป่าบอกว่า “พี่ชาย ไม่ต้องซ่อนแล้ว ฉันรู้เรื่องหมดแล้วหล่ะ”

ซู่เหอเวิ่นเงียบไป เขาคิดถึงถ้อยคำที่จะสามารถปลอบใจเธอได้ “ซู่เป่าไม่ต้องไปฟังคนพวกนั้นพูดนะ พวกนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย พ่อของพี่กำลังจัดการเรื่องนี้อยู่นะ”

ซู่เป่าส่ายหัว “หนูจะพูดเอง”

ซู่เหอเวิ่นงงไปชั่วขณะ “อะไรนะ”

ซู่เป่าพูดเสียงดังขึ้น “หนูจะพูดเอง”

“หนูไม่ได้ทำอะไร หนูเลยกล้าที่จะออกมาพูดความจริง”

“พวกนั้นทำอะไรหนูไม่ได้หรอก!”

พ่อพูดถูก จะต้องไม่ยอมเสียเปรียบ!

ซู่เหอเวิ่นอ้าปากพะงาบพะงาบ จากนั้นก็เกิดไฟขึ้นในใจ “โอเค งั้นพี่จะเตรียมอุปกรณ์ให้นะ!”

เด็กทั้งสองกำลังเตรียมของที่จะถ่ายทำอย่างขะมักเขม้น

โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

ถ้าหากซู่เป่าไปหาซู่อีเฉิน จะต้องห้ามเธอแน่ๆ

แต่เรื่องที่เด็กๆทำ มักจะไม่คำนึกถึงผลที่ตามมา ไม่เหมือนผู้ใหญ่

มีความกล้าหาญเป็นที่ตั้ง พร้อมแล้วลุย ถึงว่าทำออกมาแล้วจะบาดเจ็บสาหัสยังไง แต่พวกเธอก็ไม่กลัว

ตอนที่ซู่อีเฉินรู้เรื่องซู่เป่ากำลังจะออกมาพูดเพื่อตัวเองนั้น มันก็สายเกินที่ห้ามแล้ว

ตระกูลซู่นั่งหน้าเครียดกันอยู่ในห้องหนังสือ เพื่อคิดหาวิธีทั้งหมดที่จะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้

แต่คิดไม่ถึงว่า จะได้รับข้อความใหม่แบบกะทันหัน

เมื่อเปิดดู ตระกูลซู่อึ้งกันหมด

โดยมีซู่เป่านั่งอยู่หน้ากล้อง มือวางอยู่บนหน้าตักของตัวเอง

เธอกระพริบตาเบาๆ แต่ก็ดูออกว่าเธอกังวลเล็กน้อย

จากนั้นก็ถามว่า “ได้หรือยัง สามารถเริ่มได้แล้วใช่ไหม”

ซู่เหอเวิ่นบอกว่า “ได้แล้ว”

ซู่เป่าเพิ่งออกกล้อง พูดว่า “สวัสดีคุณลุงคุณป้า คุณน้าคุณอาทุกท่าน”

“ฉัน ฉันชื่อว่าซู่เป่า คือเด็กที่พวกคุณบอกว่าเป็นเด็กเลวคนนั้น”

ซู่เป่าเม้มปากหนัก ตอนเริ่มพูดยังไม่ค่อยกล้ามองกล้อง ตอนนี้เริ่มมีความกล้าหาญมากขึ้น

“ฉันยอมรับว่าตีหยางหยาง แต่ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นความผิด”

“ตอนนั้นฉันกำลังทานอาหารเช้าอยู่ หยางหยางมาล้อเลียนว่าฉันเป็นป้าอ้วนๆ บอกว่าฉันกินจุ มีอะไรก็กินหมดไม่เหลือ ทำอะไรก็ไม่ได้เลยสักอย่าง”

“ซู่เป่าโกรธมาก ซู่เป่าเลยบอกว่าหยุดพูดได้แล้ว แต่หยางหยางก็ยังพูดอยู่”

“ซู่เป่าไม่ได้สนใจเขา แต่วิ่งไปเข้าแถว”

น้ำเสียงของซู่เป่าอ่อนโยนนิ่งสงบ เธอเองก็สงบมากเช่นกัน

เมื่อเห็นเธอนิ่งแบบนี้ คุณนายซู่เองรู้สึกอยากจะร้องไห้

ซู่เป่าของเธอทำผิดอะไร ทำไมถึงเจอแต่เรื่องแย่ๆแบบนี้

ในกล้อง เสียงของซู่เป่าพูดต่อเรื่อยๆ

“ซู่เป่าเข้าเรียนที่โรงเรียนเป็นวันแรก คุณครูบอกว่า ให้ซู่เป่าแนะนำตัวเอง ซู่เป่าพูดอย่างดีใจ : สวัสดีเพื่อนๆทุกคน ฉันชื่อซู่เป่า ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”

“แต่หยางหยางส่งเสียงโห่ร้องตลอด เรียกฉันว่ามันเทศ มันเทศที่ทั้งกินจุทั้งอ้วน”

“คุณครูบอกให้หยางหยางขอโทษ แต่หยางหยางพูดขอโทษแบบส่งๆ ตั่นไม่อยากให้อภัยเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะฉันรู้สึกว่าเขาไม่ได้ขอโทษจากใจ”

“ดังนั้นเลยไม่ได้สนใจเขา แต่ตอนเริ่มเรียนหนังสือ หยางหยางกลับดึงผมของเขาอย่างแรง”

ซู่เป่าลูกที่หัวตัวเองเบาๆ “ตรงนี้ เขาดึงเอายางรัดผมรูปกระต่ายของฉันไป เส้นผมของฉันโดนดึงลงมาเยอะมาก มันเจ็บมากๆด้วย”

“ฉันเลยหันไปต่อว่าเขาว่าทำไมทำแบบนี้ เขาไม่ฟัง แถมยังดึงเปียของฉันออกบอกว่าจะแกะผมเปีย”

“ฉันก็โกรธมาก ฉันเลยดึงผมของเขากลับ เขาตีฉัน ฉันเลยตีเขากลับ”

ในแววตาของซู่เป่ามีความน้อยใจแฝงอยู่เล็กน้อย “ฉันจึงคิดว่าเรื่องนี้ฉันไม่ผิด พ่อฉันสอนว่าพวกเราจะไม่ทำร้ายคนอื่น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่โดนกลั่นแกล้ง จะยอมแพ้ไม่ได้”

เธอพูดไปพูดมา น้ำตาเริ่มคลอเบาๆ “แต่ว่าคุณลุงคุณป้า พวกคุณกลับพูดว่าเป็นความผิดของซู่เป่า”

“พวกคุณด่าว่าฉันเป็นเด็กเลว”

“คุณลุงคุณอาต่างก็พากันร้อนใจ คุณพ่อก็เป็นห่วงอย่างมาก พวกเขาพยายามที่จะอธิบาย แต่พวกคุณกลับไม่เชื่อเลย”

“ซู่เป่าอยากจะถามว่า คุณลุงคุณป้าคะ พวกคุณเห็นกับตาตัวเองหรือว่าซู่เป่ากับหยางหยางทำไมถึงทะเลาะกัน ทำไมพวกคุณไม่รู้อะไรเลยแต่กลัยตัดสินว่าฉันเป็นเด็กเลว”

ตอนนั้นน้ำตาของเธอเริ่มไหลอาบแก้ม แต่ก็กล้าหาญที่จะเช็ดน้ำตาออก แต่ยิ่งเช็ดออกกลับยิ่งไหล

สุดท้ายเธอก็ร้องไห้ออกมา “ทำไมตอนที่ใครต่อใครพูดความจริงกลับไม่มีคนเชื่อ แต่พอเป็นเพื่อนที่โกหกหลอกลวงถึงได้เชื่อกันหมด ฉันทำอะไรผิดหรือ??”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน