ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 140

คุณนายซู่รับนามบัตรที่ลุงเนี่ยส่งให้มาดู แล้วใช้สายตาจ้องมองเธอ “ทำไมมาเยี่ยมบ้านกะทันหันแบบนี้หล่ะ โรงเรียนเองก็ไม่ได้มีประกาศด้วย”

ซู่อีเฉินวางแก้วกาแฟลง แล้วพยักหน้า “คุณครูประจำชั้นคุณครูฮวาเองก็ไม่ได้บอกพวกเราด้วย”

ตอนนั้นครูเชอร์รี่มองไปที่พวกเขา แล้วจองมองไปที่คนที่ใส่ชุดสีเทาซู่อีเฉิน....นั่นทำให้หัวใจเธอเต้นแรงกว่าเก่า

“อ๋อ.....คือ,เอ่อ,เป็นความผิดพลาดของพวกเราเอง……คุณครูฮวาคงลืมที่จะแจ้งให้ทราบ。”

ซู่อีเฉินมีสีหน้าที่เรียบนิ่ง:“ลืมแจ้งให้ทราบ?”

ตอนนั้นครูเชอร์รี่หน้าแดงเล็กน้อย ว้าว นั้นท่านประธานซู่นี่นา!

ทั้งหล่อทั้งเท่ทิ่มแทงหัวใจ......เจ้านายสินะ

น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นเสียงสองอย่างทันที “อืม ใช่แล้วค่ะ ครั้งนี้ฉันมาในนามตัวแทนของโรงเรียน เพื่อที่จะขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น”

“นั่นเป็นเพราะโรงเรียนของเราดูแลไม่ทั่วถึง,รวมถึงฉันเองที่ละเลยบกพร่องในหน้าที่,เรื่องนี้ฉันเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ……ดังนั้นผู้อำนวยการจึงให้ฉันมาขอโทษด้วยตัวเอง。”

ซู่อีเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่มองไปที่ลุงเนี่ย

ลุงเนี่ยเข้าใจถึงความต้องการ เขาค่อยๆย่องออกไปข้างนอกแล้วโทรศัพท์หาท่านผู้อำนวยการโรงเรียน

คุณนายซู่พูดอย่างเรียบเฉย:“นั่งลงสิ”

ครูเชอร์รี่คิดในใจ อยากไปนั่งในโซฟาอีกด้านข้างๆผู้ชาย。

แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์และมารยาท เธอจึงจำเป็นต้องนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

เธอมองไปที่คุณนายซู่แล้วยิ้มให้:“คุณนายซู่,ทานข้าวหรือยังคะ?”

ตอนที่พูดแบบนี้,ครูเชอร์รี่จินตนาการไปถึงภาพอื่นโดยไม่รู้ตัว——

คุณนายซู่เป็นหญิงที่มีอำนาจมากที่สุดและชื่นชอบตัวเธออย่างมาก ได้เข้ามาถามเธอว่าอยากแต่งงานกับลูกชายเธอคนไหน............

แต่ในความเป็นจริงคุณนายซู่กลับตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ:“เธอคิดว่าไงหล่ะ?”

ครูเชอร์รี่:“อ่อ เอ่อ ทานแล้วสินะ? ฮ่าฮ่า ฉันนี่โง่จริงๆ จริงๆฉันพูดไม่เก่งเท่าไหร่ ต้องขออภัยด้วยนะคะ”

ในขณะที่พูด เธอกำหมัดชกหัวตัวเองเบาๆ “โง่จริงๆ โง่จริงๆ”

ตระกูลซู่:“……”

อันนี้น่าจะเว่อร์เกินไปหน่อยนะ!

ซู่เป่าจ้องมองวิญญาณที่อยู่บนตัวครูเชอร์รี่,วิญญาณผู้หญิงตนนั้น ได้ขยับตามตัวครูเชอร์รี่ทุกอย่าง

แถมยังเป็นแววตาที่ลุ่มหลงด้วย。

ครู่นึงมองไปที่ลุงใหญ่,ดวงตาเป็นประกายแฝงไปด้วยความเขิน,ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ครู่หนึ่งก็มองไปที่พ่อของเธอแล้วกุมที่หน้า บิดตัวเขินอาย

จาดนั้นก็มองลุงรอง ลุงเล็ก ลุงห้า……

จี้ฉางหัวเราะ “เหอะ ในสมองนี่ไม่รู้คิดไปถึงละครบทไหนบ้าง”

เขานั่งลงข้างๆ แล้วพลิกอัลบั้มในมือ

“ผีที่เจ้าชู้แบบนี้มักจะอยู่แต่ในความคิดจินตนาการของตัวเอง ดูคนนี้สิ ในสมองคงคิดแต่เรื่องนิยาย”

เช่น “ฉันจ้องมองดูชายหนุ่มที่กำลังสิ้นใจอยู่ข้างหน้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ฉันรักเขาหมดใจ แต่เขากลับรักฉันไม่ได้ ช่างน่าปวดใจ”

คลาสสิกที่สุดคือละครทีวีเรื่องหนึ่ง ผู้หญิงคนหนึ่งจับมือของชายสองคนแล้วพูดว่า: "xx, xxx คุณมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฉันมากที่สุด ... จากนี้ไป ได้โปรดหยุดพูดถึงว่าใครเป็นพ่อของ เด็กคนนั้นได้มั้ย ฉันหวังว่าคุณจะเปลี่ยน ความคิดของคุณที่มีต่อฉันเป็นการดูแลอย่างลับๆ... เราสามคนอาศัยอยู่ด้วยกัน..."

จี้ฉางคิดถึงสิ่งนี้แล้วรู้สึกขนลุก

มาลี่ซู่ไม่น่ากลัว

สิ่งที่น่ากลัวคือการทำลายมุมมองความคิด

ซู่เป่ามองอาจารย์ที่กำลังบ่นก็เริ่มเข้าใจ

เพื่อให้เข้าใจมาลี่ซู่มากขึ้น เธอตัดสินใจว่าคืนนี้เธอจะไปหาพี่เหอแล้วดูนิยายเรื่องนี้

ในตอนนั้นเอง ลุงเนี่ยที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินเข้ามา

เขาเดินไปที่ข้างๆซู่อีเฉินแล้วกระซิบบางอย่าง

ตอนนั้นเองซู่อีเฉินมองไปที่ครูเชอร์รี่ด้วยสายตาที่นิ่งงัน

ตอนนั้นครูเชอร์รี่รู้สึกแปลกๆ

“วันนั้นเด็กทั้งสองคนอยู่ต่อหน้าฉัน แต่ฉันกลับไม่ได้เข้าไปห้ามตั้งแต่แรก”

“โทษฉัน!เป็นความผิดฉันเอง หลังจากนั้นได้เห็นสิ่งที่ในโลกโซเชียลวิจารณ์ซู่เป่า ฉันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก”

ครูเชอร์รี่พูดไปพูดมา ตาก็เริ่มแดง

จากนั้นก็ได้ยินที่ซู่อีเฉินบอกว่า “ลุงเนี่ย ส่งแขกด้วย”

ตอนนั้นเองครูเชอร์รี่อึ้งไปเลย ทำอะไรไม่ถูก

อะไรนะ ส่ง ส่งแขก??

ไม่ใช่แล้วนะ ฉันแสดงความรับผิดชอบแบบนี้ แถมยังดีแบบนี้ เมื่อพวกเขาเห็นฉันที่น่าสงสารแบบนี้ควรที่จะปลอบใจฉันสิ: เด็กดี ไม่ร้องนะ ไม่ใช่ความผิดของครู

แต่ทำไมถึงได้มาไล่เธอกะทันหันแบบนี้

ลุงเนี่ยยื่นมือมา “เชิญครับ”

ครูเชอร์รี่ลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ ใช้แววตาที่น่าสงสารจ้องมองไปที่ซู่อีเฉินเพื่อขอความเห็นแล้วแล้วเริ่มบีบน้ำตา “คุณท่านซู่ ฉันทำผิดอะไร”

ตอนนั้น เมื่อพูดถึงว่าเธอดูซู่เป่าไม่ดี พวกเขาก็เริ่มโกรธแล้ว

ดังนั้นพวกเขาจังโทษเธอ

และให้ผู้อำนวยการไล่เธอออก

คุณนายซู่โต้กลับด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “เธอไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเราผิดเอง พวกเราไม่ควรให้เธอเข้ามา”

ครูเชอร์รี่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีเท่าไหร่ถูกลุงเนี่ยพาให้ออกมาจากบ้าน

ซู่เป่ามองไปลุงใหญ่ จากนั้นก็สลับไปมองคุณยาย

เกิดอะไรขึ้นกันนะ

เมื่อกี้เธอกำลังคิดถึงแต่เรื่องมาลี่ซู่ จากนั้นครูเชอร์รี่ก็โดนเชิญกลับแล้วหรือ

เธอยังจับผีเจ้าชู้ตัวนั้นไม่ได้เลยนะ

จี้ฉางบอกว่า “ครั้งหน้าแล้วกันนะ อย่าทำที่นี่เลย บรรยากาศไม่ดี”

เด็กน้อยคนนั้นกระพริบตา “ได้ค่ะ......”

มู่กุยฝานอุ้มซู่เป่าเบาไปพาดบนไหล่ “ป่ะ พ่อพาลูกขึ้นห้องนอนนะ”

ซู่เป่ารู้สึกถึงความสูง “หยา” จากนั้นก็รู้สึกสนุนสนานเริ่มหัวเราะออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอขี่ม้าเลยนะ

มันสูงมากๆเลย !

รู้สึกว่าถ้ายื่นมือออกไปก็จะสัมผัสกับเพดานได้เลยนะ แต่ถ้าเป้นนอกบ้าน คงจะไปจับกับดวงจันทร์ได้เลยใช่มั้ยนะ

ซู่เป่าดีใจ “พ่อ สูงขึ้นอีก ”

มู่กุยฝานยกไหล่ขึ้น ซู่เป่ามีความสุขมาก

คุณนายซู่ตกใจ “ระวังหน่อยนะ เดี่ญวล้มลงมาหรอก”

มู่กุยฝานบอกว่า “ไม่เป็นไร ผมแบกเครื่องบินยังไม่เป็นอะไรเลย นับประสาอะไรกับซู่เป่า ไม่ตกลงมาหรอก”

คุณนายซู่:“……”

ซู่เป่ามีความสุขมาก:“พ่อ หนูจะเด็ดดาวได้แล้วนะ!”

“ให้คุณยายหนึ่งดวง ให้คุณตาหนึ่งดวง ให้ลุงใหญ่ลุงรองลงห้าหนึ่งดวง แล้วก็พี่ๆด้วย ……”

“แล้วก็ให้พ่อหนึ่งดวง,ให้เสียวอู่ด้วย ปู่เต่าด้วย ……”

เอนับบรรดาสมาชิกทุกคนในบ้าน ไม่เว้นแม้แต่นกกับเต่า。

มู่กุยฝานกระดิกนิ้ว,แล้วจับมือเธอทั้งสองข้างเริ่มพาเธอบิน。

พ่อลูกคู่นี้เหมือนเด็กน้อยกำลังเล่นด้วยกัน ยิ้มขึ้นไปที่ชั้นบนอย่างมีความสุข จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังปึง……

ซู่เป่ากุมที่หน้าผากตัวเอง:“โอ้ยโอ้ย หัวโขกแล้ว!”

มู่กุยฝาน:“เป็นไปได้ยังไง พ่อย่อแล้วนะ……”

ซู่เป่า:“ย่อลงอีก พ่อย่อลงอีกหน่อย!”

มู่กุยฝาน:“หว่า ความผิดของพ่อเอง。”

ตอนนั้นทั้งตระกูลซู่ทั้งนิ้มหัวเราะอย่างสนุกสนาน เป็นพ่อที่ขี้แกล้งลูกจริงๆ

คุณนายซู่บ่นไปพลางไปหยิบกล่องยา

**

ครูเชอร์รี่เห็นบ้านหลังนั้นปิดประตูใส่เธอ น้ำตาก็อดที่จะไหลออกมาไม่ได้ เธอสะอึกสะอื้น “ฉันทำผิดอะไรกันหล่ะ”

เธอต้องการมาเพื่อที่จะขอโทษจริงๆ

แต่พวกเขากลับไม่ให้แม้แต่โอกาสจะอธิบาย.....

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน