ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1474

สรุปบท ตอนที่ 1474 ผู้พิทักษ์: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน

อ่านสรุป ตอนที่ 1474 ผู้พิทักษ์ จาก ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน โดย ไอซ์

บทที่ ตอนที่ 1474 ผู้พิทักษ์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายวัยรุ่น ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ไอซ์ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ซู่เป่าและซืออี้หรันมาถึงแม่น้ำที่มองมาจากที่ไกลๆ เมื่อกี้แล้ว

ที่นี่เหมือนเป็นทะเลเลย มีคลื่นกระทบมาอย่างต่อเนื่อง

ซู่เป่ากำลังว่าจะลงไปจับตะพาบน้ำในทะเลเพื่อทดสอบร่างกายตัวเองหน่อยว่าพลังเทพเล็กๆ น้อยๆ ในตัวเขาจะสามารถอึดทนไปได้อีกนานแค่ไหน

แต่กลับไปเห็นสัตว์ปีศาจที่รูปร่างคล้ายเต่าเพราะมีกระดอง แต่กลับมีหัวคล้ายนก และมีหางคล้ายงูคลานอยู่บนชายหาด

ซู่เป่าจ้อง

“พี่อี้หรัน นี่มันเต่าดำใช่ไหม?”

ซืออี้หรันมองดู “น่าจะไม่ใช่ สัตว์เทวะโบราณแบบนั้นน่าจะหายจากแม่น้ำไปนานแล้ว อย่างน้อยๆ ที่ดินแดนจิ่วโยวก็ไม่น่าจะมีสัตว์เทวะตัวจริงอยู่ก็”

อย่าว่าแต่สัตว์เทวะโบราณเลย

แต่ซู่เป่ากลับเข้าใจเป็นอีกความหมายหนึ่ง “ไม่มีสัตว์เทวะ…งั้นก็แสดงว่ามีสัตว์มงคลน่ะสิ?”

สัตว์อสูร สัตว์ปีศาจ สัตว์มงคล สัตว์เทวะ

มันแบ่งกันแบบนี้

แต่สำหรับการแบ่งของซู่เป่านั้นมีแค่กินไม่ได้ อร่อย อร่อยบวกกับมีพลังเทพ และอร่อยแต่เวลากินต้องระวังหน่อย…

ซืออี้หรันพยักหน้า “มี แต่ว่าสัตว์มงคลนั้นจะอยู่นอกเหนือขอบเขตของสัตว์ปีศาจและไม่ได้ถูกวาดอยู่บนแผนที่ของดินแดนจิ่วโยว”

สัตว์ตรงหน้าไม่น่าจะใช่เต่าดำ แต่ก็น่าจะเป็นสายพันธุ์ที่แยกมาจากเต่าดำ เหมือนกับมังกรดำอะไรประมาณนั้นแหละ

คิดว่าน่าจะเป็นเต่าหมุน

แม้มันจะไม่ใช่สัตว์เทวะ แต่น่าจะสัตว์มงคล…

ดวงตาของซู่เป่าเผยให้เห็นถึง【ช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้น ช่วงเวลาแห่งการล่า】

“เพราะฉะนั้นเนื้อของมันก็น่าจะอร่อยกว่าสัตว์ปีศาจแน่ๆ เลย แถมยังมีพลังเทพด้วย…”

พลังเทพ!

ทำไมเธอถึงเพิ่งนึกได้ล่ะเนี่ย? ตอนนี้การกินสัตว์ปีศาจนั้นไม่ถือเป็นการบำเพ็ญแล้ว

งั้นกินสัตว์มงคลล่ะกัน?

ซู่เป่ากลืนน้ำลาย “เจ้าสัตว์ตัวนี้เอากลับไปนึ่งกินน่าจะดีนะ!”

ซืออี้หรันคิดไปคิดมา “ตัวใหญ่ขนาดนี้ เอาไปนึ่งครึ่งหนึ่ง ผัดน้ำแดงครึ่งหนึ่งดีกว่า”

ซู่เป่าและซืออี้หรันนั่งอยู่บนชายหาดและพูดคุยถกเถียงว่าจะกินเต่าหมุนตัวนี้ยังไงดี

แต่กลับพบว่าเต่าหมุนนั้นวิ่งเร็วมาก

ซู่เป่า “อย่าวิ่ง! มาๆ มาอยู่ในหม้อให้ข้านึ่งเสีย!”

สัตว์ปีศาจทนไม่ไหวแล้ว!

ในที่สุดมันก็ระเบิดอารมณ์ออกมา “หน้าตาของข้าดูก็รู้ว่าไม่น่ากิน! แต่เจ้ายังจะมากินข้าอีกเนี่ยนะ! ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า!”

ซู่เป่าตกใจ “นี่เจ้าพูดได้ด้วยเหรอ!”

ดวงตาของซู่เป่ามีแต่คำว่า “เสียดายจัง กินไม่ได้แล้ว”

เต่าหมุนหมดคำจะพูด นี่มันสีหน้าอะไรเนี่ย!

“ขอร้องล่ะ ช่วยให้ความเคารพกับลูกหลานสัตว์เทวะหน่อยได้ไหม” สัตว์ปีศาจรู้สึกเหนื่อยหน่าย

มันได้ยินข้อมูลมาแต่ไกลแล้วว่ามีเจ้าเด็กคอยปรากฏตัวขึ้นในบริเวณใกล้เคียงแถวนี้เพื่อมาล่าสัตว์ปีศาจเอาไปกิน

สำหรับสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่อย่างพวกมันแล้ว ซู่เป่าก็ดูเป็นแค่เด็กจริงๆ นั่นแหละ

ไม่นึกเลยว่าเพียงพริบตาเดียว เจ้าเด็กน้อยคนนี้ก็จะมากินมาด้วย

เต่าหมุนไม่อยากไปต่อสู้กับซู่เป่าและซืออี้หรันแล้ว เพราะได้ยินข่าวมาด้วยว่าเจ้าเด็กสองคนนี้เป็นคนฆ่าป๋ออี๋

ถึงแม้มันจะแข็งแกร่งกว่าป๋ออี๋ แต่ว่า!

มันก็ไม่อยากต่อสู้

ซู่เป่าพูดด้วยความเสียดาย “วางใจเถอะ พวกเราไม่กินเจ้าหรอก…”

เต่าดำ “?”

พูดง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?

มันมองซู่เป่าด้วยท่าทีสงสัย ได้ยินแค่เธอถามมันว่า “เจ้ากับป๋ออี๋เป็นสัตว์มงคลทั้งคู่เลยเหรอ? แล้วทำไมมันพูดไม่ได้แล้วเจ้าพูดได้ล่ะ?”

เต่าหมุนรู้สึกว่าทำไมคำพูดของเธอดูแปลกๆ

มันตอบไปว่า “ป๋ออี๋มีสายเลือดของสัตว์ประหลาดโบราณก็จริง แต่มันไม่ใช่สัตว์มงคล”

ท่านอาวุโสเงียบไม่ตอบ

“หาพวกเขาให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ถ้าเป็นไปได้ละก็ เขาก็ไม่อยากฆ่าเหมือนกัน

แค่บอกให้พวกเขารีบออกจากดินแดนจิ่วโยวก็พอ

**

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว

เผ่าแม่มด

ผู้พิทักษ์นั่งอยู่ที่ตําแหน่งหัวหน้าสูงสุด เขาเอาผ้าคลุมศีรษะไว้ เลยทําให้คนอื่นมองใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจน

ผู้อาวุโสที่นั่งถัดมารู้สึกลังเลอยู่นาน แต่ก็รวบรวมความกล้าหาญแล้วพูดว่า “พวกเราเป็นแค่ผู้พิทักษ์สุสานเต่าดำเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้พิทักษ์ดินแดนจิ่วโยว…ไม่จําเป็นต้องมาสร้างปัญหาหรือเปล่า?”

“ใช่สิ สองคนนั้นดูท่าทางแข็งแกร่งมาก ผู้อาวุโสบอกว่าตอนที่พวกเขาเห็นพวกเราปุ๊บ พวกเขาก็รีบจากไปทันที”

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากมาหาเรื่อง แถมเผ่าแม่มดของพวกเขาก็ไม่ได้อยากสร้างปัญหาด้วยเหมือนกัน ทำไมต้องไปฆ่าสองคนนั้นด้วยล่ะ?

ที่ตำแหน่งหัวหน้าสูงสุด ผู้พิทักษ์ทำเสียงเย็นชา “เนื่องจากดินแดนจิ่วโยวมีเพียงเผ่าแม่มดของเราเพียงเผ่าเดียวที่เป็นมนุษย์อยู่…”

“งั้นพวกเราก็ควรทำหน้าที่พิทักษ์ดินแดนจิ่วโยวด้วย”

“จักรพรรดิชิงหัวที่ทำหน้าที่พิทักษ์ดินแดนจิ่วโยวได้หายไปนับหลายพันปีก่อนแล้ว พวกเราก็ควรต้องเป็นคนมารับหน้าที่นี้ต่อสิ”

ไม่มีผู้ใดหรือสัตว์ตัวไหนแห่งดินแดนจิ่วโยวที่สามารถก้าวออกจากดินแดนนี้ได้ เช่นเดียวกันคนนอกหรือสัตว์ตัวอื่นก็ไม่สามารถเข้ามาอยู่ในดินแดนนี้เหมือนกัน

ถ้าก้าวเข้ามาก็ต้องฆ่า! นี่คือกฎที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต!

จักรพรรดิชิงหัวไม่อยู่แล้ว งั้นเผ่าแม่มดก็ควรต้องมาพิทักษ์ดินแดนจิ่วโยวสิ!

เขาเดินทางไปทั่วดินแดนจิ่วโยวนี้มานานนับร้อยปีและได้รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ นั่นก็คือจักรพรรดิชิงหัวอาจสิ้นพระชนม์แล้ว

ถ้างั้นเขาในฐานะผู้พิทักษ์สุสานเต่าดำ ตอนนี้ก็คงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนจิ่วโยว

ก็ไม่ควรจะเป็นแค่ผู้พิทักษ์สุสานเต่าดำ

แต่เขาน่าจะได้เป็นจักรพรรดิชิงหัวคนใหม่ ดินแดนจิ่วโยวควรอยู่ในความรับผิดชอบของเขา!

กฎแห่งวิถีที่อยู่ในตัวเด็กสาวคนนั้น เขาจะต้องเอามันมาให้ได้ เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการที่เขาจะได้เป็นจักรพรรดิชิงหัวหรือไม่…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน