เหยาหลิงเยว่กลุ้มใจ แผลยังไม่ทันหายดีเลยก็เป็นเพิ่มอีกแล้ว แต่เธอไม่สนใจ
พวกผู้อาวุโสถูกปลุกจนตื่น เหยาหลิงเยว่เห็นว่าซู่เป่าไม่ได้อยู่ที่นี่
“ซู่เป่าล่ะ?” เธอถามด้วยความรีบร้อน
พวกผู้อาวุโสตอบด้วยความประหลาดใจว่า “ไม่รู้เหมือนกัน…”
อาศัยช่วงเวลาที่ด่านเคราะห์อัสนีบาตรครั้งที่สองยังไม่ได้ผ่าลงมา เหยาหลิงเยว่ก็พูดขึ้นมาว่า “ไป! รีบไป!”
ผู้อาวุโสไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขารีบคว้าแขนพาพวกจี๋เสียงหรูอี้ออกไป
เหยาหลิงเยว่คิดในใจว่าซู่เป่าน่าจะอยู่ในห้องตรงข้างหลังลานบ้าน
เธอกำลังรีบจะออกไป แต่ก็คิดในใจว่าถ้าเป็นด่านเคราะห์อัสนีบาตของเธอจริงๆ แล้วเธอพุ่งตรงไปหาซู่เป่าละก็ ด่านเคราะห์อัสนีบาตรก็คงจะพุ่งไปหาซู่เป่าเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นเหยาหลิงเยว่ก็เลยหันหลังแล้ววิ่งไปอีกทางเพื่อออกจากลานบ้าน
แต่ใครจะไปรู้ด่านเคราะห์อัสนีบาตรราวกับไม่อยากให้เธอออกไป ฟ้าผ่าดังเปรี้ยงเข้าที่เธอจนทำเอาเธอกระเด็นออกไปอยู่ที่ลานบ้านเหมือนเดิม…
เหยาหลิงเยว่ตะลึง นี่เป็นด่านเคราะห์อัสนีบาตของเธอจริงๆ เหรอ?
ถ้าไม่ใช่ด่านเคราะห์อัสนีบาตของเธอล่ะก็ ตามหลักแล้วเธอก็น่าจะออกจากเขตลานบ้านไปแล้ว และก็น่าจะไม่ผ่ามายังตัวเธอ
ในขณะนั้นเองผู้อาวุโสและพวกจี๋เสียงหรูอี้ก็ได้ออกจากบริเวณลานบ้านกันหมดแล้ว พวกเขายืนอยู่ในที่ห่างๆ ก็เลยไม่ได้โดนฟ้าผ่าไปด้วย
ด่านเคราะห์อัสนีบาตไม่ได้ไล่ตามผู้อาวุโสและพวกเหยาจี๋เสียง แต่มันกลับไล่ตามเธอ…
ถ้าพูดให้ถูกก็คือ มันกำลังไล่บี้เพื่อให้เข้าใกล้ซู่เป่า
สมองของเหยาหลิงเยว่ไม่เคยตื่นตัวขนาดนี้มาก่อน!
เธอลุกขึ้นมาอย่างสั่นเทา และพยายามคลานออกจากบริเวณลานบ้าน…
ด่านเคราะห์อัสนีบาตนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆ ผ่ามาที่ตัวเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
เหยาหลิงเยว่รู้สึกเหมือนว่าแขนของเธอจะหายไป ส่วนเท้ายังอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้
เธอพยายามคลานออกไปอย่างยากลำบาก ต้องออกจากลานบ้านนี้ให้ได้!
ตอนที่ซืออี้หรันได้ยินเสียงฟ้าผ่า เขาก็ลืมตาขึ้นมาทันที
ซู่เป่าต้องฝ่าด่านเคราะห์อัสนีบาตอีกแล้วเหรอ?!
เขารีบเตรียมตัวให้เธอทันที มันเป็นเรื่องปกติมากสำหรับการเลื่อนขั้นในการฝ่าด่านเคราะห์ของซู่เป่า และคนอื่นๆ ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก
แต่เขาสามารถเตรียมอาวุธป้องกันให้เธอเยอะๆ ไว้ก่อนได้ และการไม่สามารถขัดขืนด่านเคราะห์อัสนีบาตก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการประสบความสําเร็จด้วยเหมือนกัน
ผ่านไปไม่นาน ซืออี้หรันก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
ซู่เป่ายังคงอยู่ในสภาวะหยั่งรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเธอเงียบสงบและไม่มีสัญญาณของการจะฝ่าด่านเคราะห์อัสนีบาตเลยสักนิด!
ตัวเธอเองไม่มีวี่แววที่จะตื่นขึ้นมาเลย…
ซืออี้หรันขมวดคิ้ว รีบออกไปตรวจสอบดู แต่ก็เห็นแค่จือจือและเฟยเหมาถุ่ยวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“จือจือ! จือจือ!”
【รีบไปกันเถอะ!】
จือจือและเฟยเหมาถุ่ยร้อนรน
ในขณะเดียวกันซืออี้หรันก็เพิ่งเห็นภาพที่เหยาหลิงเยว่บอกให้พวกผู้อาวุโสออกไป และตัวเธอเองก็ถูกด่านเคราะห์อัสนีบาตโจมตีในครั้งแรก
ด่านเคราะห์อัสนีบาตของเหยาหลิงเยว่งั้นเหรอ?
ซืออี้หรันรู้ดีว่าตอนที่กำลังฝ่าด่านเคราะห์อัสนีบาตนั้น คนอื่นไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวได้ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถช่วยได้ แต่ยังอาจเพิ่มอันตรายและความยากลําบากให้กับผู้ที่กำลังฝ่าด่านเคราะห์ด้วย
เขาก็เลยรีบกลับเข้าไปในห้องแล้วอุ้มซู่เป่าออกไปทันที
**
เสียงพายุหิมะพัดผ่านหูเธอ
ซู่เป่ารู้สึกหนาวมาก!
เนื้อตัวเจ็บไปหมด…
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยและราวกับกำลังด่าเธออยู่ข้างหูว่า "คุกเข่าอยู่ตรงนี้แหละ! น้าแกออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ แกก็ค่อยลุกขึ้นมาเมื่อนั้นแหละ!”
ซู่เป่ารู้สึกคุ้นเคยยังไงบอกไม่ถูก…
【ซู่เป่า…! ซู่เป่า!】
ไม่รู้ว่าใครกำลังเรียกเธออยู่
ซู่เป่าลืมตาขึ้นมาอย่างยากลําบาก แต่เปลือกตาของเธอเหมือนบวมมากจนลืมตาไม่ได้
ในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นมาได้ และมองเห็นโทรศัพท์สีดําเครื่องหนึ่ง
โทรศัพท์อันนี้ก็ดูคุ้นเคย…
ซู่เป่ามองดูโทรศัพท์อย่างตะลึงงัน จากนั้นก็เห็นกระต่ายน้อยที่ถูกทุบตีอยู่ข้างๆ…
ลมหิมะพัดผ่านตัวเธอไป เธอนอนอยู่กลางหิมะ หนาวจนตัวสั่น
ซู่เป่าก้มหัวลงอย่างยากลำบาก และมองเห็นชุดนอนบางๆ ที่มีรอยเย็บซ่อมแซมบนตัวเธอ
และมือของเธอคู่นี้ก็ไม่ใช่มือที่เพิ่งจิ้มจุ่มหม้อไฟไปเมื่อกี้ เพราะมันดูเล็กกว่านั้นมาก
นี่คือ…หน้าตาตอนที่เธออายุสามขวบนี่นา!
ซู่เป่าเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธอมองเห็นอาคารที่อยู่กลางพายุหิมะ ซึ่งนั่นก็คือบ้านตระกูลหลิน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...