ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 152

ซู่เป่าหาอยู่สองวันเต็มก็ยังหาแม่ตัวเองไม่เจอ

พริบตาเดียวก็ถึงวันที่เธอต้องกลับไปโรงเรียนแล้ว

ซู่เป่าทำได้เพียงเก็บเรื่องหาแม่ไว้ในใจก่อน แต่เวลาเรียนก็ยังมีเผลอใจลอยไปบ้าง

“ซู่เป่า...” ครูฮวากำลังเช็คชื่อ เมื่อเห็นว่าซู่เป่ากำลังเหม่อลอยก็อดไม่ได้จึงเรียกชื่อเธอ “ซูจื่อซู่”

เจ้าตัวน้อยที่ปกติเวลาเรียกชื่อจะขานรับเสียงดังทันทีวันนี้ดูเงียบ ๆ ไป ครูฮวาคิดว่าคงเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการคุกคามทางไซเบอร์ ในใจเธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

ทันใดนั้นซู่เป่าก็ยกมือแล้วขานว่า “มาค่ะ”

ครูฮวาผงะไปเล็กน้อย ก่อนพูดยิ้ม ๆ ว่า “ดีมากค่ะ ซู่เป่ากลับมาเรียนแล้ว!”

ผลกระทบจากการคุกคามทางไซเบอร์ ขนาดผู้ใหญ่ยังรับไม่ค่อยจะไหวเลย เธอเป็นห่วงว่าเจ้าตัวน้อยจะเดินออกมาไม่ได้

แต่ดูจากตอนนี้แล้วเหมือนว่าจะยังสดใสน่ารักเหมือนเดิม

ซู่เป่าเอ่ยขอโทษอย่างรู้ความ “ขอโทษที่ทำให้ครูเป็นห่วงค่ะ”

ครูฮวาลูบหัวเธอบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่เป็นไรก็ดีแล้วจ๊ะ”

“เอาล่ะ นักเรียนทุกคนนั่งที่ให้เรียบร้อย! วันนี้เรามีวิชาที่สำคัญมาก คนที่จะมาสอนก็คือคุณพ่อของเพื่อนเราเอง ทุกคนลองทายสิคะว่าใคร?”

เด็ก ๆ ปรึกษากันเสียงดังจอแจทันที ซู่เป่าเองก็สงสัย พ่อใครจะมาสอนนะ?

จากนั้นก็ได้ยินครูฮวาบอกว่า “งั้นครูก็จะไม่อ้อมค้อมแล้ว วันนี้นักเรียนทั้งโรงเรียนจะต้องเข้าอบรม เรียกว่าการอบรมการป้องกันตัวจากเหตุร้าย...”

เธออธิบายว่าการอบรมการป้องกันตัวคืออะไร รวมถึงทุกคนต้องทำอะไรบ้าง แล้วสุดท้ายก็เฉลยปริศนา

“คนที่จะมาสอนเราวันนี้ก็คือพ่อของเพื่อนในห้องเราซู่เป่านั่นเอง พ่อของซู่เป่าเป็นนายทหารที่เก่งมากเลยนะ เขาจะสอนพวกเราว่าจะเอาตัวรอดเวลาเจอผู้ร้ายยังไง สุดท้ายก็จะสอนเราว่าจัดการกับผู้ร้ายยังไงด้วยล่ะ”

ครูฮวาแค่บอกว่ามู่กุยฝานเป็นใคร แต่ไม่ได้พูดถึงอะไรอย่างอื่น แค่ได้ยินว่าเป็นทหารในสายตาของเด็ก ๆ ก็สุดยอดมากแล้ว

เด็ก ๆ พากันโห่ร้อง มองซู่เป่าตาเป็นประกาย

ซู่เป่าหัวใจเต้นตึกตัก ภูมิใจจังเลย!

เป็นพ่อของเธอเอง!

เมื่อเช้าตอนตื่นมาพ่อก็ไม่ได้บอกอะไรเธอ

ซู่เป่าตื่นเต้นดีใจ ที่สุดก็ลืมเรื่องหาแม่ไปเสียสนิท

ตอนนี้ในหัวมีแต่พ่อคนเดียวเท่านั้น เธออยากไปที่สนามใจจะขาดแล้ว

เด็ก ๆ เดินต่อแถวกันออกไป ซู่เป่าเห็นพ่อที่ใส่เครื่องแบบทหารสีเขียวที่ยื่นอยู่บนเวทีมาแต่ไกล พ่อยืนตัวตรงเอามือไพล่หลังทำหน้าเข้มอยู่

พอพ่อยืนบนเวทีแล้วดูสูงกว่าเดิมอีก คิ้วคมเข้ม ตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว ซู่เป่าคิดว่าพ่อของเธอเป็นพ่อที่หล่อที่สุดในโลกเลย!

ด้านหลังมู่กุยฝานมีผู้ชายอีกสองคนที่ใส่เครื่องแบบทหารแบบเดียวกัน แต่ซู่เป่าที่ในสายตามีแต่พ่อคนเดียวคิดว่าคุณอาสองคนนั้นสู้พ่อไม่ได้เลยสักคน แถมช่วยทำให้พ่อเธอดูน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิมอีก

ซู่เป่าดีใจที่สุดเลย

“ดูสิ นั่นพ่อเราเอง! คนนั้นเป็นพ่อเราเอง” ซู่เป่ารีบโม้กับเพื่อนทันที “คนที่อยู่ข้างหน้าที่สูงที่สุดคนนั้นไง”

ซินซินร้องว้าว “ซู่เป่าพ่อเธอสูงจังเลย!”

เด็ก ๆ คุยกันเจ๊าะแจ๊ะจอแจ “สูงเหมือนเสาไฟฟ้าเลย”

“สูงเหมือนเสาไฟจราจรเลย”

“สูงกว่าพ่อเราอีก”

“สูงกว่าเหยาหมิงอีก!” (นักบาสเก็ตบอลชาวจีน)

เด็กพากันเปรียบเทียบส่วนสูงของพ่อซู่เป่า ไร้เดียงสาแบบเด็ก ๆ

มู่กุยฝานมองตรงไปข้างหน้า แอบยิ้มมุมปาก

พอเห็นนักเรียนห้องสับปะรดเดินผ่านเขาไป เขาหรี่ตาเล็กน้อย แวบเดียวก็เห็นว่าลูกรักของตัวเองอยู่ตรงไหน”

ซู่เป่าเองก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี รีบเอ่ยทักด้วยความตื่นเต้น “ฮัลโหล คุณพ่อ ๆ”

มู่กุยฝานปั้นหน้าเคร่งครึม แต่ก็อาศัยจังหวะคนอื่นเผลอแอบยื่นมือออกมาทำท่า OK ให้ซู่เป่า เป็นสัญลักษณ์ว่ารับทราบ

ซู่เป่ายิ้มตาหยี ยื่นมือเนื้อแน่นของตัวเองออกมาทำท่า OK ตามพ่อ

การทักทายกันของสองพ่อลูกทำเอาครูที่เห็นใจละลาย

ครูโจวที่ถือไมค์ยืนอยู่บนเวทีพูดเสียงอ่อนโยนว่า “นักเรียนทุกคน กรุณายืนประจำตำแหน่งห้องของตัวเองให้เรียบร้อย”

หลังจากผ่านเรื่องที่โดนนอกใจมา ครูโจวดูอ่อนล้าไปถนัดตา แต่เวลาทำงานก็ยังคงจริงจังตั้งใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ให้ใครดูออกว่าเขาย่ำแย่แค่ไหน

รอจนทุกห้องเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว ครูโจวจึงพูดต่อว่า “วันนี้พวกเราได้รับเกียรติจากคุณพ่อของน้องซู่เป่าจากห้องสับปะรด ครูฝึกมู่มาอบรมการป้องกันตัวให้พวกเรา! เด็ก ๆ พวกเราส่งเสียงปรบมือต้อนรับครูฝึกมู่หน่อยครับ!”

เด็ก ๆ พากันปรบมือสุดแรง พร้อมตะโกนว่า “ยินดีต้อนรับครับ/ค่ะ ๆ”

ครูโจวทำสัญญาณมือโบกลง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกคนพูดตามครูโจวนะครับ สวัสดีครับครูฝึกมู่!”

เด็ก ๆ “สวัสดีครับ/ค่ะครูฝึกมู่!”

ซู่เป่าตะโกนดังกว่าใครเพื่อน

มู่กุยฝานสามารถได้ยินเสียงซู่เป่าตะโกนเรียก “ครูฝึกมู่” ได้ชัดเจนท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของนักเรียนคนอื่น

เขายิ้มน้อย ๆ พูดว่า สวัสดีครับเด็ก ๆ!”

ครูโจวส่งไมค์ให้มู่กุยฝาน

มู่กุยฝานรับไมค์มาพูดว่า “วันนี้ผมจะสอนคณะครูและนักเรียนโรงเรียนอนุบาลนานาชาติอู่เซี่ยงทุกคนฝึกซ้อมการป้องกันตัวจากเหตุร้าย”

“เดี๋ยวจะมีผู้ร้ายเข้ามา เขาจะถือมีดบังตอเข้ามาทางหน้าประตู”

มู่กุยฝานไม่พูดตามบท เขาไม่ได้อธิบายว่าการอบรมฝึกซ้อมการป้องกันตัวจากเหตุร้ายคืออะไร เขาเชื่อว่าครูประจำชั้นทุกห้องคงอธิบายหมดแล้ว

เด็ก ๆ พากันหันมองทางหน้าประตูโรงเรียน ถึงคุณครูจะอธิบายให้ฟังแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กบางคนมีสีหน้าตกใจ

ผอ. มุมปากกระตุก

มู่กุยฝานพูดว่า “เด็ก ๆ ไม่ต้องกลัวครับ คุณอาสองคนที่อยู่ข้างหลังครูฝึกกับคุณครูทุกคนจะปกป้องทุกคนอย่างดีแน่นอนครับ”

“ตอนนี้ ทุกคนจับหูตั้งใจฟังให้ดีนะ!”

“เวลาที่เราเจออันตราย คุณลุงตำรวจประจำโรงเรียนจะกดกริ่งเตือนภัย ที่พวกเธอต้องทำก็คือ ระวังตัวเอง จับตามองคุณครูของตัวเองไว้ให้ดีแล้วหลบหนีตามคำแนะนำของคุณครู”

“ห้ามวิ่งเพ่นพ่าน ห้ามผลักคนอื่น”

มีเด็กผู้ชายชั้นอนุบาลสามทำใจกล้าพูดขึ้นมาว่า “แล้วเราไปสู้เอาชนะคนร้ายไม่ได้เหรอครับ?”

มู่กุยฝานปฏิเสธไปตรง ๆ “ไม่ได้! จำไว้นะ ถ้าหนีเอาตัวรอดได้ให้หนีก่อนเสมอ!”

หลังจากตอบคำถามของเด็ก ๆ และอธิบายขั้นตอนการฝึกซ้อม ข้อควรระวังเสร็จแล้ว ก็ให้เด็ก ๆ ได้ทำความคุ้นเคยกับเสียงสัญญาณเตือนภัยว่าดังยังไง

แล้วมู่กุยฝานก็เริ่มการฝึกซ้อมเลย

ผอ. “???” เดี๋ยวก่อนสิ...

พวกคุณครู “ดะ... เดี๋ยวก่อน...

พวกเขายังไม่พร้อมเลย!

พอเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ผู้ร้ายใส่ชุดดำ เอาถุงน่องสีดำคลุมหัวก็ปีนกำแพงพุ่งเข้ามาในมือถือมีดบังตอมาด้วย!

คุณครูพากันตกใจ เร็วจนคิดอะไรไม่ทัน สถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวาย

ครูโจวรีบวิ่งไปต้อนเด็กที่อยู่ใกล้คนร้ายมากที่สุดเข้ามาก่อนโดยไม่ต้องคิด เขาโซเซถอยกรูดไปด้านหลัง

มู่กุยฝานสายตาคมกริบ มองไปก็รู้ทันทีว่าปัญหาการรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงไหน

ที่เขาต้องการก็คือการบุกสะดมแบบไม่ตั้งตัวแบบนี้แหละ

ถ้าแค่ซ้อมตามขั้นตอนรอบเดียวจะไปช่วยอะไร?

โรงเรียนอนุบาลที่ลูกสาวเขาอยู่ ต้องฝึกซ้อมให้เสมือนจริงแบบนี้แหละ!

ไม่งั้น ก็เหมือนเขาไม่ได้มา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน