สถานการณ์วุ่นวาย มีเด็กบางคนร้องไห้ บางคนก็สับสบไม่รู้จะทำยังไงดี
มู่กุยฝานโยนไมค์ทิ้งไป เขาตะโกนเสียงดัง “จำขั้นตอนการอพยพเมื่อกี้ให้ดี”
เสียงตะโกนของเขาทำทุกคนตกใจจนได้สติกลับมา
ตำรวจประโรงเรียนรีบกรูกันเข้าไป ถือส้อมโกยฟางไปเสียบผู้ร้าย
ผู้ร้ายถือมีดปังตอที่ทำจากกล่องกระดาษแข็ง เขาโวยวายเสียงดังพลางโบกมีดในมือ
เด็ก ๆ ร้องกรี๊ดกันเป็นแถบ ผ่านไปครึ่งนาทีเต็ม ๆ กว่าพวกครูจะควบคุมสถานการณ์ได้พาพวกเด็ก ๆ อพยพไปตามเส้นทางที่วางแผนกันเอาไว้
มู่กุยฝานเหลือบไปมองอีกหน ก่อนจะเดินทวนกระแสขึ้นไป ในขณะที่ตำรวจประจำโรงเรียนกำลังใช้ส้อมเสียบฟางต่อสู้กับผู้ร้ายอย่างเต็มกำลัง เขาก็เข้ามาแย่งอาวุธไปด้วยมือเปล่า มือข้างหนึ่งคว้าแขนของผู้ร้ายจับเขาทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง!
พลั่ก!
ผู้ร้ายร้องโหยหวน “โอ๊ย...”
“มู่กุยฝานเจ้าบ้าเอ๊ย...”
ซูอิ๋งเอ่อร์เจ็บจนสมองมืนงงไปหมด ให้ตายสิ ก่อนหน้านี้ตอนรู้ว่ามู่กุยฝาน “ปู้ยี่ปู้ยำ” น้องสาวเขา เขาล่ะอยากจะกระทืบมู่กุยฝานสักที
ถึงแม้ตอนหลังจะรู้แล้วว่าเขาเป็นดี แต่ก็ยังรู้สึกยอมไม่ได้อยู่ดี ยังไงซูจิ่นอวี้ก็เป็นน้องสาวที่พวกเขาเฝ้าถนอมมาตั้งยี่สิบปี
ดันมาโดนมู่กุยฝานหลอกไปแบบนี้ คนพี่ก็ต้องรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าที่โรงเรียนจะจัดอบรบฝึกซ้อมการป้องกันตัว ซูอิ๋งเออร์ก็สมัครมารับบทเป็นผู้ร้ายทันที
ซูอิ๋งเออร์จินตนการไว้อย่าวสวยงาม เขาตัดสินใจว่าจะอาศัยโอกาสอบรบฝึกซ้อมการป้องกันตัวทุ่มมู่กุยฝานลงพื้น... แล้วค่อยแสร้งทำเป็นสู้ไม่ได้
ให้เขารู้เสียบ้างว่าบ้านนี้ใครใหญ่
ไม่คิดว่าเขาจะโดนมู่กุยฝานทุ่มลงพื้นเสียเอง...
มู่กุยฝานส่งเสียงเหอะ เก็บไมค์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ การฝึกซ้อมครั้งแรกสิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนกลับมาได้แล้วครับ”
เด็ก ๆ อึ้งกันหมด
ซู่เป่าเองก็อึ้งไปเหมือนกัน
ผู้ร้ายที่นอนอยู่บนพื้นไม่ใช่ใครที่ไหน... แต่เป็นลุงห้าของเธอเอง
เอาถุงน่องดำคลุมหัว เล่นเอาเธอจำไม่ได้เลย!
การฝึกซ้อมครั้งแรกสิ้นสุดลง ทุกตนต่างหัวใจเต้นแรง ผอ.ถึงกับหน้าซีดไปเลย
แต่พวกเด็ก ๆ กลับทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น มองมู่กุยฝานตาลุกวาว!
เมื่อกี่ท่าตอนที่จับผู้ร้ายทุ่มลงกับพื้นเท่มากเลย!
ผอ. เข้ามาใกล้มู่กุยฟาน ลดเสียงลงต่ำพูดว่า “ครูฝึกมู่ คุณช่วยให้เวลาเตรียมตัวกับทุกคนสักหน่อยได้ไหม...”
มู่กุยฝานหัวเราะเยาะ “ผู้ร้ายให้เวลาพวกคุณเตรียมตัวด้วยเหรอ?”
ผอ. อึ้งจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “แต่ว่าทำแบบนี้จะทำให้เด็กตกใจได้นะครับ”
มู่กุนฝานไม่ได้มองผอ. เขากวาดตามองเด็ก ๆ ที่กำลังจัดแถวกันอยู่
เขาพูดเสียงแข็ง ไม่มีช่องว่างให้โต้แย้ง “ผมเชื่อว่าเด็กของเราไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ถึงพวกเขาจะบอบบางเหมือนดั่งดอกไม้ แต่จิตใจกลับซ่อนความเข้มแข็งไว้ภายใน”
อะไรนิดอะไรหน่อยก็กลัวพวกเขาจะตกใจ พูดเสียงดังก็กลัวพวกเขาตกใจ...
มู่กุยฝานไม่เห็นด้วยกับวิธีการเลี้ยงดูแบบประคบประหงม เขาคิดว่าจิตใจของเด็กไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ความอ่อนแอทั้งหมดเกิดจากการเลี้ยงดูของผู้ใหญ่
เขามีมาตรฐานของเขา เขารู้ว่าระดับไหนได้ ระดับไหนไม่ได้
สงคราม นองเลือด การฆ่ากันอย่างทารุณ ชกต่อย... เรื่องพวกนี้ไม่ควรให้เด็กเห็นตรง ๆ แต่แค่ผู้ร้ายบุกเข้ามาแค่นี้ยังรับไม่ได้ ถ้าเกิดมีผู้ร้ายบุกมาจริง ๆ จะทำยังไง? คงจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก วิ่งก็วิ่งไม่ออกใช่ไหม?
ผอ. ไม่รู้จะพูดยังไง ท่าทางแน่วแน่ของมู่กุยฝานทำให้เขาพูดไม่ออก แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย
เขาทำหน้าเศร้าพูดว่า “แต่ถ้าเด็ก ๆ กลับบ้านไปพูดอะไรกับผู้ปกครอง ผู้ปกครองจะโกรธเอานะ”
มู่กุยฝานเหลือบมองเขาทีหนึ่ง “เพรากลัวผู้ปกครองมาหาเรื่องก็เลยละเลยการสั่งสอนที่จำเป็นหรือครับ?”
ผอ. “...”
ท่านสูงส่ง ท่านเก่งกาจนี่ครับ แต่คนที่โดนด่าไม่ใช่ท่านแต่เป็นผม!
ผอ. แอบบ่นในใจ แล้วก็ได้ยินมู่กุยฝานบอกว่า “หลังจากฝึกซ้อมเสร็จควรจะในคำแนะนำด้านจิตใจกับเด็กยังไงควรจะเป็นหน้าที่ของพวกคุณ”
“แล้วก็ ถ้ามีใครมาโวยวายล่ะก็ บอกให้เขามาหาผมโดยตรงได้เลย”
ผอ. รีบบอกว่า “ครับ ๆ”
มู่กุยฝานไม่ได้มองเขาอีก รอเด็ก ๆ จัดแถวเสร็จ เขาตึงพูดว่า “เด็ก ๆ ครับ เมื่อกี้กลัวกันไหมครับ?”
มีเด็กบางคนบอกว่ากลัว บางคนก็ว่าไม่กลัว
แน่นอน มีบางคนยังร้องไห้อยู่...
มู่กุยฝานยิ้ม “กลัวเป็นเรื่องปกติ ถ้าเรารู้จักกลัว เราจะได้รู้จักเคารพยำเกรงโลกใบนี้ ไม่กลัวก็ปกติ นั่นแปลว่าพวกเธอมีความกล้าหาญ!”
มีเด็กคนนึงร้องไห้สะอึกสะอื้น “แล้วคนที่ร้องไห้ล่ะ...”
มู่กุยฝานตอบว่า “ร้องให้ก็เป็นเรื่องปกติ ตอนที่ครูกฝึกมู่ตัวเท่าพวกหนูก็เคยร้องเหมือนกัน...”
เด็ก ๆ ค่อย ๆ สงบลง
ซู่เป่าสายตาวิบวับ เงยหน้ามองพ่อตัวเอง
พ่อเก่งจังเลย... ขอคาราวะ!
ଘ(੭ˊ꒳ˋ)੭✧
จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดว่า
“ภายในใจของพวกเธอมีพลังที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ เพราะฉะนั้นรู้แล้วใช่ไหมว่าเดี๋ยวพอผู้ร้ายบุกเข้ามาต้องทำยังไง?”
เด็ก ๆ หลายคนยกมือ บางคนบอกว่าหนี บางคนบอกว่าทำตามที่ครูบอก...
ซู่เป่ายกมือพูดเสียงดัง “วิ่งเข้าไป จัดการมันให้หมอบเลย”
ดวงตาของเธอสดใส โบกมือที่กำหมัดไปมา ท่าทางตื่นเต้นมาก ๆ
พอหานหานได้ยิน ก็โบกมือกำหมัดทำท่าโหดไปด้วย “ใช่ วิ่งเข้าไป จัดการมันให้หมอบไปเลย!”
มู่กุยฝาน “...”
พวกคุณครู “...”
มู่กุยฝานมุมปากกระตุก ตอนนี้เขาไม่กล้าสงสัยพละกำลังของเจ้าตัวเล็กอีกแล้ว
“เขาบอกว่า “หนูซู่เป่ากล้าหาญมากครับ แต่จำคำพูดมองครูฝึกมู่ไว้ให้ดี โดยทั่วไปแล้วยังไงพละกำลังของเด็กก็สู้ผู้ใหญ่ไม่ได้ กฎข้อแรกของเราก็คือหนีเอาชีวิตรอด”
ซู่เป่าพยักหน้า เข้าใจแล้ว
โดยทั่วไปแล้ว...
แต่ว่าเธอไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ทั่วไป
เธอมีเชือกแดง เธอสามารถผลักลุงห้ากระเด็นได้เหมือนกัน
แต่ไม่ว่ายังไง ตอนนี้จะสร้างความวุ่นวายให้พ่อไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นซู่เป่าจึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย “เข้าใจแล้วค่ะ!”
มู่กุยฝานโล่งออก เขากลัวว่าเดี๋ยวซู่เป่าจะออกไปสู้กับผู้ร้ายจริง ๆ
ถ้าซู่เป่าออกไปคราวนี้แย่แน่ หานหานต้องตามไปด้วยอีกคน
มู่กุยฝานสรุปความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ชี้ปัญหาของพวกครูออกมาอยางไม่เกรงใจ รวมทั้งบอกว่าตำรวจประจำโรงเรียนรู้ตัวช้า ความสามารถในการต่อสู้ยังอ่อน
หลังจากสรุปเสร็จก็เริ่มซ้อมครั้งที่สองทันที ผลลัพธ์คราวนี้ดีขึ้นเยอะ พอสัณญาณเตือนภัยดังขึ้น พวกคุณครูก็หัวไว รีบจัดการพาเด็กออกไปทันที
เด็ก ๆ เองก็รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่ใช่แค่ทำตาครูสั่งอีกต่อไป แต่พวกเขาก็มีการคิดวิเคราะห์ของตัวเอง เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องวิ่นหนีแบบนี้
มู่กุยฝานรู้สึกชื่นชม เขาดูตำรวจประจำโรงเรียนเสียบซูอิ๋งเอ่อร์ที่ร้องโวยวายเสียงดังออกไป
ซูอิ๋งเอ่อร์โกรธแทบบ้า
คราวนี้เขาสู้พวกตำรวจประโรงเรียนไม่ได้
ซูอิ๋งเอ่อร์ออกแรงเอาจริง ตำรวจประจำโรงเรียนก็ออกแรงเอาจริง
ซูอิ๋งเอ่อร์โดนแปดรุมหนึ่ง ใช้เวลาไปถึงสองนาทีกว่าจะโดนเสียบออกไปได้ ที่จริงเขาก็เก่งเหมือนกันนะนี่
หลักจากฝึกซ้อมเสร็จอพยพเสร็จ มู่กุยฝานก็เริ่มขั้นตอนที่สอง สอนตำรวจประจำโรงเรียนว่าจะป้องกันภัยยังไง
เด็ก ๆ นั่งขัดสมาธิบนพื้นสนาม แต่ละคนเหงื่อท่วม แต่ก็ตื่นเต้น นั่งดูมู่กุยฝานที่โดนตำรวจประจำโรงเรียนเจ็ดแปดคนล้อมไว้ที่ลานสาธิต
เด็ก ๆ พากันตะโกน “ครูฝึกมู่ สู้ๆ”
ซู่เป่าก็ตะโกนตามไปด้วย “ครูฝึกมู่ สู้ๆ”
เสียงนกหวีดดังขึ้น ตำรวจประจำโรงเรียนเจ็ดแปดคนก็พุ่งเข้ามาหามู่กุยฝาน
มู่กุยฝานสายตาเห็นชา ผัวะ เผี๊ยะ ๆ...
เขาล้มทุกคนลงได้ภายในไม่ถึงครึ่งนาที!
เด็ก ๆ “ว้าว w(゚Д゚)w”
ซู่เป่า “ว้าว (๑•̀ㅂ•́)و✧”
เธอภูมิใจมาก พูดออกมารวดเดียว “นี่พ่อเราเอง ดูสิ คนนี้พ่อเราเอง”
หนูน้อยซู่เป่า กลายเป็นเด็กที่เด่นที่สุดในโรงเรียนทันที!
มู่กุยฝานอมยิ้มไม่รู้ตัว มองเจ้าตัวเล็กน่ารัก ใจอ่อนยวบไปหมด...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...