ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 153

สถานการณ์วุ่นวาย มีเด็กบางคนร้องไห้ บางคนก็สับสบไม่รู้จะทำยังไงดี

มู่กุยฝานโยนไมค์ทิ้งไป เขาตะโกนเสียงดัง “จำขั้นตอนการอพยพเมื่อกี้ให้ดี”

เสียงตะโกนของเขาทำทุกคนตกใจจนได้สติกลับมา

ตำรวจประโรงเรียนรีบกรูกันเข้าไป ถือส้อมโกยฟางไปเสียบผู้ร้าย

ผู้ร้ายถือมีดปังตอที่ทำจากกล่องกระดาษแข็ง เขาโวยวายเสียงดังพลางโบกมีดในมือ

เด็ก ๆ ร้องกรี๊ดกันเป็นแถบ ผ่านไปครึ่งนาทีเต็ม ๆ กว่าพวกครูจะควบคุมสถานการณ์ได้พาพวกเด็ก ๆ อพยพไปตามเส้นทางที่วางแผนกันเอาไว้

มู่กุยฝานเหลือบไปมองอีกหน ก่อนจะเดินทวนกระแสขึ้นไป ในขณะที่ตำรวจประจำโรงเรียนกำลังใช้ส้อมเสียบฟางต่อสู้กับผู้ร้ายอย่างเต็มกำลัง เขาก็เข้ามาแย่งอาวุธไปด้วยมือเปล่า มือข้างหนึ่งคว้าแขนของผู้ร้ายจับเขาทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง!

พลั่ก!

ผู้ร้ายร้องโหยหวน “โอ๊ย...”

“มู่กุยฝานเจ้าบ้าเอ๊ย...”

ซูอิ๋งเอ่อร์เจ็บจนสมองมืนงงไปหมด ให้ตายสิ ก่อนหน้านี้ตอนรู้ว่ามู่กุยฝาน “ปู้ยี่ปู้ยำ” น้องสาวเขา เขาล่ะอยากจะกระทืบมู่กุยฝานสักที

ถึงแม้ตอนหลังจะรู้แล้วว่าเขาเป็นดี แต่ก็ยังรู้สึกยอมไม่ได้อยู่ดี ยังไงซูจิ่นอวี้ก็เป็นน้องสาวที่พวกเขาเฝ้าถนอมมาตั้งยี่สิบปี

ดันมาโดนมู่กุยฝานหลอกไปแบบนี้ คนพี่ก็ต้องรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ดังนั้นเมื่อรู้ว่าที่โรงเรียนจะจัดอบรบฝึกซ้อมการป้องกันตัว ซูอิ๋งเออร์ก็สมัครมารับบทเป็นผู้ร้ายทันที

ซูอิ๋งเออร์จินตนการไว้อย่าวสวยงาม เขาตัดสินใจว่าจะอาศัยโอกาสอบรบฝึกซ้อมการป้องกันตัวทุ่มมู่กุยฝานลงพื้น... แล้วค่อยแสร้งทำเป็นสู้ไม่ได้

ให้เขารู้เสียบ้างว่าบ้านนี้ใครใหญ่

ไม่คิดว่าเขาจะโดนมู่กุยฝานทุ่มลงพื้นเสียเอง...

มู่กุยฝานส่งเสียงเหอะ เก็บไมค์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ การฝึกซ้อมครั้งแรกสิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนกลับมาได้แล้วครับ”

เด็ก ๆ อึ้งกันหมด

ซู่เป่าเองก็อึ้งไปเหมือนกัน

ผู้ร้ายที่นอนอยู่บนพื้นไม่ใช่ใครที่ไหน... แต่เป็นลุงห้าของเธอเอง

เอาถุงน่องดำคลุมหัว เล่นเอาเธอจำไม่ได้เลย!

การฝึกซ้อมครั้งแรกสิ้นสุดลง ทุกตนต่างหัวใจเต้นแรง ผอ.ถึงกับหน้าซีดไปเลย

แต่พวกเด็ก ๆ กลับทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น มองมู่กุยฝานตาลุกวาว!

เมื่อกี่ท่าตอนที่จับผู้ร้ายทุ่มลงกับพื้นเท่มากเลย!

ผอ. เข้ามาใกล้มู่กุยฟาน ลดเสียงลงต่ำพูดว่า “ครูฝึกมู่ คุณช่วยให้เวลาเตรียมตัวกับทุกคนสักหน่อยได้ไหม...”

มู่กุยฝานหัวเราะเยาะ “ผู้ร้ายให้เวลาพวกคุณเตรียมตัวด้วยเหรอ?”

ผอ. อึ้งจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “แต่ว่าทำแบบนี้จะทำให้เด็กตกใจได้นะครับ”

มู่กุนฝานไม่ได้มองผอ. เขากวาดตามองเด็ก ๆ ที่กำลังจัดแถวกันอยู่

เขาพูดเสียงแข็ง ไม่มีช่องว่างให้โต้แย้ง “ผมเชื่อว่าเด็กของเราไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ถึงพวกเขาจะบอบบางเหมือนดั่งดอกไม้ แต่จิตใจกลับซ่อนความเข้มแข็งไว้ภายใน”

อะไรนิดอะไรหน่อยก็กลัวพวกเขาจะตกใจ พูดเสียงดังก็กลัวพวกเขาตกใจ...

มู่กุยฝานไม่เห็นด้วยกับวิธีการเลี้ยงดูแบบประคบประหงม เขาคิดว่าจิตใจของเด็กไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ความอ่อนแอทั้งหมดเกิดจากการเลี้ยงดูของผู้ใหญ่

เขามีมาตรฐานของเขา เขารู้ว่าระดับไหนได้ ระดับไหนไม่ได้

สงคราม นองเลือด การฆ่ากันอย่างทารุณ ชกต่อย... เรื่องพวกนี้ไม่ควรให้เด็กเห็นตรง ๆ แต่แค่ผู้ร้ายบุกเข้ามาแค่นี้ยังรับไม่ได้ ถ้าเกิดมีผู้ร้ายบุกมาจริง ๆ จะทำยังไง? คงจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก วิ่งก็วิ่งไม่ออกใช่ไหม?

ผอ. ไม่รู้จะพูดยังไง ท่าทางแน่วแน่ของมู่กุยฝานทำให้เขาพูดไม่ออก แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย

เขาทำหน้าเศร้าพูดว่า “แต่ถ้าเด็ก ๆ กลับบ้านไปพูดอะไรกับผู้ปกครอง ผู้ปกครองจะโกรธเอานะ”

มู่กุยฝานเหลือบมองเขาทีหนึ่ง “เพรากลัวผู้ปกครองมาหาเรื่องก็เลยละเลยการสั่งสอนที่จำเป็นหรือครับ?”

ผอ. “...”

ท่านสูงส่ง ท่านเก่งกาจนี่ครับ แต่คนที่โดนด่าไม่ใช่ท่านแต่เป็นผม!

ผอ. แอบบ่นในใจ แล้วก็ได้ยินมู่กุยฝานบอกว่า “หลังจากฝึกซ้อมเสร็จควรจะในคำแนะนำด้านจิตใจกับเด็กยังไงควรจะเป็นหน้าที่ของพวกคุณ”

“แล้วก็ ถ้ามีใครมาโวยวายล่ะก็ บอกให้เขามาหาผมโดยตรงได้เลย”

ผอ. รีบบอกว่า “ครับ ๆ”

มู่กุยฝานไม่ได้มองเขาอีก รอเด็ก ๆ จัดแถวเสร็จ เขาตึงพูดว่า “เด็ก ๆ ครับ เมื่อกี้กลัวกันไหมครับ?”

มีเด็กบางคนบอกว่ากลัว บางคนก็ว่าไม่กลัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน