ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 156

ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน ซู่เป่ามีความสุขมาก

เธอพูดกับซูจิ่นอวี้ว่าหลังจากที่เธอมาอยู่กับตระกูลซูคุณยายของเธอดีกับเธอมาก และพวกลุง ๆ ก็ดีกับเธอมากเหมือนกัน

เธอเองสุขสบายดี คุณปู่เต่าก็สบายดี เสี่ยวอู่ก็สบายดีเหมือนกัน...

ดวงตาของซูจิ่นอวี้มีความว่างเปล่าและมึนงง แต่ก็ขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก

เธอจำอะไรไม่ได้เลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาอยู่กับกับซูเสี่ยวอวี้ได้อย่างไร

หรือว่า... ก่อนตายเธอจะมีลูกสาวจริง ๆ ก็คือเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้?

ซูเสี่ยวอวี้มองไปที่ซู่เป่าที่พูดคนเดียวอยู่แล้วถอนหายใจยาว ๆ

เธอคงคิดถึงแม่ของเธอมาก ๆ เลยใช่ไหม? ดูเหมือนสภาพจิตใจจะมีปัญญา...

เธออดไม่ได้ที่จะลูบหัวของซู่เป่าและพูดว่า “ตัวเล็ก พี่เป็นแม่ของหนูไม่ได้หรอก แต่เราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันได้นะ เป็นพี่สาวกับน้องสาวดีไหม?”

ซู่เป่าร้องห๊ะขึ้นมาน้ำเสียงมึนงง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งรู้สึกตัว แล้วถามว่า “พี่น้องร่วมสาบานคืออะไรคะ?”

ซูเสี่ยวอวี้บอกว่า “เป็นเพื่อนที่พอเจอกันก็รู้สึกถูกชะตามาก แล้วก็สาบานเป็นพี่น้องกัน! จากนั้นหนูก็จะเป็นน้องสาวพี่ พี่ก็จะเป็นพี่สาวหนู แล้วเราก็จะใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้น!”

ซู่เป่าพยักหน้าเพิ่งจะเข้าใจ “โอเค ๆ!”

ซูเสี่ยวอวี้ชูไอศครีมขึ้น “มา กินไอติมนี่ให้หมดแก้ว แล้วเราก้จะเป็นพี่น้องกัน”

ซู่เป่าชูไอศครีมขึ้นสูง “หมดแก้ว!”

พวกเขาทั้งสองกินไอศครีมคำใหญ่จนพ่นไอเย็นออกจากปาก

จี้ฉาง “…”

มู่กุยฝาน “...”

ซูเสี่ยวอวี้เห็นซู่เป่าที่ดูน่ารักมาก ๆ เธอเองก็มีความสุข

ในที่สุดก็ไม่เป็นลูกสาวแล้ว ถ้าเธอออกไปข้างนอกแล้วมีเด็กมาเรียกว่าแม่แบบนี้ แล้วเธอจะไปตามจีบเทพบุตรของเธอยังไง?

เธออดไม่ได้ที่จะหยิกใบหน้าเล็ก ๆ ของซู่เป่าพูดว่า “จากนี้เราก็เป็นพี่น้องกันแล้ว!”

ซู่เป่า “พี่สาว!”

ซูเสี่ยวอวี้พูดอย่างมีความสุข “เฮ้!”

จี้ฉาง “นี่ ๆ...”

มันไม่หุนหันพลันแล่นไปหน่อยเหรอ?!

เจ้าสองคนยังไม่รู้จักชื่อของกันและกันเลยด้วยซ้ำนะ!

จี้ฉางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นซู่เป่าก็ชี้ไปที่มู่กุยฝาน

“พี่คะ นี่คือพ่อของหนู ถ้าพี่เป็นพี่สาวของหนูพ่อของหนูก็คือพ่อของพี่ด้วย” “เรียกพ่อสิค่ะ!”

ซูเสี่ยวอวี้สำลักพ่นไอศครีมออกมาจากปาก

มู่กุยฝานเม้มปาก ไม่จำเป็นหรอกมั้ง!

ซูเสี่ยวอวี้มองไปที่มู่กุยฝานและพูดว่า “สวัสดี ๆ เอ่อ... คือ… พี่ใหญ่”

ก่อนที่มู่กุยฝานจะได้พูดอะไร หานหานก็พูดขึ้นมาเสียงดังว่า “ไม่! เรียกพี่ไม่ได้สิ! ต้องเรียกพ่อ!”

“พ่อของพ่อเรียกว่าปู่ พี่สาวน้องสาวของพ่อเรียกว่าป้ากับน้า พ่อของพี่สาวเรียกว่าพ่อ!”

ซู่เป่า “ใช่!”

ซูเสี่ยวอวี้ นี่มันเกินไปมาก

เธอเพิ่งนับน้องสาวเพิ่มมาคนนึง นี่ต้องนับพ่อใหม่ด้วยเหรอ?

จู่ ๆ ซู่เป่าก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “ไม่ใช่ ๆ พี่ไม่ได้เกิดมาจากพ่อของหนู เรียกพ่อไม่ได้!”

เมื่อมองไปที่ผู้ใหญ่สองเด็กสองที่กำลังคิดหนักเรื่องสรรพนาม จี้ฉางพูดไม่ออกจริงๆ...

เขามองไปที่ซูจิ่นอวี้และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ซูจิ่นอวี้”

ซูจิ่นอวี้ขานตอบโดยไม่รู้ตัวว่า “หืม?”

จี้ฉางพยายามพูดรหัสลับกับเธอ “จำได้ไหม? ไร้เทียมทานตั้งแต่ในท้องแม่?”

เมื่อเห็นว่าซูจิ่นอวี้ไม่ได้ตอบสนองเขาก็พูดว่า “ไร้เทียมทานตั้งแต่ไข่ปฏิสนธิ?”

ซูจิ่นอวี้ “...”

ผู้ชายคนนี้เป็นพวกวิตถารใช่ไหมเนี่ย?

เธอออกห่างจากจี้ฉางทำหน้ารังเกียจ

จี้ฉาง “…”

ก่อนหน้านี้ยังจะเป็นจะตายอยากไปเกิดใหม่โดยไม่ลืมความทรงจำในชาตินี้ แต่มาตอนนี้กลับลืมเสียสนิท...

ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของมู่กุยฝานดังขึ้น มู่กุยฝานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย และเอาลำโพงโทรศัพท์ห่างจากหูของเขาเล็กน้อย

เสียงของนายหญิงหญิงซูดังมาจากลำโพง “มู่กุยฝาน! เธอลักพาตัวซู่เป่ากับหานหานไปไหน?”

เมื่อได้ยินเสียงของนายหญิงซู ซูจิ่นอวี้ก็ชะงักไปกะทันหัน

เสียงนี้...

ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยจังเลย?

มู่กุยฝานแตะจมูกของเขาทำไม่รู้ไม่ชี้ “เรียกว่าลักพาตัวไม่ได้สิครับ...”

นายหญิงซูเป็นกังวล “เธอพาพวกเขาไปกินไอศครีมอีกแล้วใช่ไหม!”

มู่กุยฝาน “จะบอกว่าอีกแล้วก็ไม่ได้ด้วย...”

ถ้านับกันแบบจริงจัง นี่เป็นครั้งแรกที่หานหานกินไอศครีม แล้วจะเรียกว่าอีกแล้วได้อย่างไร?

นายหญิงซูพ่นลมจมูก “ฉันให้เวลาเธอสามสิบนาทีเท่านั้น พาพวกเขากลับมา!”

มู่กุยฝานกำลังจะตอบว่าได้เลยครับ แต่นายหญิงซูชิงพูดต่อว่า “ช่างเถอะ ให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมง ฉันขอเตือนเธอว่าอย่าขับรถให้มันหวาดเสียวนัก...”

มู่กุยฝานเลิกคิ้วอย่างเกียจคร้าน “ไม่ต้องห่วงครับ”

หลังจากวางสายแล้วมู่กุยฝานก็พูดว่า “นั่งดี ๆ นะ!”

ซู่เป่ารีบพูดอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวค่ะ! หนูยังกินไอติมไม่หมดเลย”

หานหานก็เหมือนกัน กินจนเย็นปากแดงหมดแล้ว เธอพูดว่า “เดี๋ยวค่ะ หนูก็เหลือคำนึง...”

ซู่เป่ายกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า “พ่อคะ พ่อช่วยหนูกินสักคำสิคะ...”

นึกถึงคุณยาย/คุณย่าแล้วทั้งซู่เป่าและหานหานต่างก็ประหม่า

มู่กุยฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “กินช้า ๆ ก็ได้ ก่อนถึงบ้านเราทำลายหลักฐานให้สิ้นซากก็หมดเรื่อง”

เด็กหญิงตัวเล็กสองคนพยักหน้าทันที

สิบนาทีต่อมา

รถออฟโรดของมู่กุยฝานมาถึงรอบนอกของคฤหาสน์ตระกูลซู ซู่เป่ามาเกาะหลังที่นั่งคนขับและพูดอย่างประหม่าว่า “พ่อทำลายหลักฐานให้สิ้นซาก!”

มู่กุยฝาน “โอ้ เกือบลืมไปแล้ว”

เขาจอดรถที่หน้าถังขยะและกำลังจะบอกให้ซู่เป่ากับหานหานส่งถ้วยไอศครีมเปล่ามาให้เขา

แต่กลับเห็นซู่เป่ามองซ้ายทีขวาทีประหม่าจนเหงื่อออก “พ่อ เราต้องทำยังไงคะ? ทำลายหลักฐานให้สิ้นซากยังไง?”

ซู่เป่ารู้สึกประหม่าราวกับว่ากำลังเตรียมตัวทำการใหญ่

มู่กุยฝานหัวเราะ “การทำลายหลักฐานหมายความว่าเราจะทิ้งขยะก่อนที่เราจะกลับเข้าบ้าน อย่าให้คุณยายเห็น...”

ซู่เป่าเพิ่งจะเข้าใจก็ตอนนี้เอง จากนั้นก็ลงจากรถพร้อมหานหาน ซูเสี่ยวอวี้เดินตามพวกเขาไปอย่างไม่วางใจ

เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังตกดิน ที่เห็นอยู่ไกล ๆ คือปลายสุดของแม่น้ำ พระอาทิตย์ตกดินย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงไปครึ่งฟ้า

“ว้าว สวยจังเลย...” ซูเสี่ยวอวี้อดไม่ได้ที่จะชื่นชม

ซูจิ่นอวี้ที่เกาะอยู่บนหัวของเธอมองทิวทัศน์ตรงหน้าสีหน้าตกตะลึง รู้สึกคุ้นเคยแบบข้ามภพข้ามชาติ

ทิวทัศน์ข้างหน้านี้เหมือนเธอเคยเห็นมาก่อน ราวกับว่าชาติก่อนเธอเดินบนถนนสายนี้บ่อย ๆ...

ยิ่งรถเข้าใกล้คฤหาสน์ตระกูลซูมากขึ้น ซูจิ่นอวี้ไม่รู้เป็นอะไรรู้สึกประหม่าอย่างอธิบายไม่ถูก

หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลซูนายหญิงซูนั่งบนรถเข็นเหมือนหญิงชราที่กำลังรอลูกกลับบ้าน

แสงอาทิตย์ตกกระทบบนเรือนผมสีขาวของเธอ ทำให้ดูเหมือนคนผ่านโลกมาอย่างโชกโชนและโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก

ซูจิ่นอวี้จ้องไปที่นายหญิงซู เหมือนมีบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเธอ ทำให้เธอปวดหัวเจียนตาย...

“แม่...” ซูจิ่นอวี้พึมพำโดยไม่รู้ตัว

ซู่เป่าตาเป็นประกาย “แม่จำได้แล้วใช่ไหม?”

ซูจิ่นอวี้ส่ายหัว เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ก็นึกคำนี้ขึ้นมา

ซู่เป่าให้กำลังใจเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพอซู่เป่าหาชิ้นส่วนวิญญาณที่เหลือของแม่เจอ แม่ก็จะจำทุกอย่างได้เอง”

เธอเขย่งเท้าแล้วยื่นมือออกไปจับมือซูจิ่นอวี้ไว้

ซูจิ่นอวี้รู้สึกเพียงว่ามีกระแสความอบอุ่นที่ไหลผ่านจิตวิญญาณของเธอไป ถ้าเจ้าตัวเล็กนี่เป็นลูกสาวของเธอจริง ก็คงเป็นลุกสาวที่ใส่ใจพ่อแม่เอามาก ๆ...

แต่วินาทีต่อมาเธอถูกซู่เป่าบีบข้อมือแน่นแล้วกระดูกดึงอย่างแรง!

ซูจิ่นอวี้รู้สึกว่าเธอโดนหมุนติ้วและลอยฟิ่วออกไป!

“???”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน