ซูอิ๋งเอ่อร์และซูอี้เซินตกตะลึง สมองของพวกเขาดังวิ้ง ๆ ไปหมด พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้เห็นเลย
ทุกอย่างอยู่นอกเหนือขอบเขตความเข้าใจที่พวกเขาเคยรับรู้!
ซู่เป่าอธิบาย “หลังจากแม่ตายก็กลายเป็นวิญญาณ ท่านอาจารย์บอกว่าวันก่อนแม่เกิดแต่อุบัติเหตุแตกกระจายกลายเป็นชิ้นส่วนและหายตัวไป จากนั้นก็ไปอาศัยอยู่ในร่างของพี่สาวคนนั้นแล้วกลับมา”
ซูจิ่นอวี้นึกยังไงก็นึกไม่ออก เธอพูดด้วยความปวดหัวว่า “มันเป็นแบบนั้นเหรอ... ฉันจำอะไรไม่ได้เลย...”
ซู่เป่าพยักหน้า “ก็เพราะวิญญาณแม่แตกกลายเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่แม่จำไม่ได้เป็นเรื่องปกติ!”
ซูอีเฉินยังคงสงบอยู่เหมือนเดิม เขาเม้มปากแน่น ยืดหลังเหยียดตรง
ใช่อวี้เอ๋อร์จริงๆ!
เธอคือน้องสาวของพวกเขาที่ต้องไปเสียชีวิตเพียงลำพังในเมืองหนานเฉิง ไม่มีแม้โอกาสได้กล่าวคำอำลา...
“อวี้เอ๋อร์...” เสียงของ ซูอีเฉินทุ้มต่ำ “มันเป็นความผิดของพี่เอง...พี่ปกป้องเธอไม่ได้”
ซูอิ๋งเอ่อร์จ้องมองภาพที่เห็นตรงหน้ายังคงไม่อยากจะเชื่อ “พี่ใหญ่เรื่องเหลวไหลแบบนี้... พี่เชื่อจริง ๆ เหรอ?”
ซูอีเฉินพูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันเชื่อ”
ขอแค่เป็นสิ่งซู่เป่าพูด ขอแค่อวี้เอ๋อร์กลับมา... อะไรเขาก็เชื่อทั้งนั้นแหละ
ซูอี้เซินมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขารู้สึกเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด
ซูอิ๋งเอ่อร์เป็นยิ่งกว่า เขาหยิบกล้องวิดีโอของซูเหอเวิ่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด “นี่คือฟิลเตอร์ที่ทำขึ้นมาแล้วบันทึกไว้ล่วงหน้าใช่ไหม จี้ฉางอะไรนี้ที่ใส่เสื้อคลุมสีขาวเหมือนคนตายนี่ก็ไปหานักนักแสดงมาอัดไว้ล่วงหน้าทั้งนั้น!”
“ส่วนอวี้เอ๋อร์ นายใช่ AI สร้างขึ้นมา เอามาหลอกเราเล่นใช่ไหม?”
ซูเหอเวิ่นเห็นเขาจับกล้องวิดีโอของตัวเองพลิกไปพลิกมาอย่างรุนแรง แถมยังคิดจะดึงแท่งสัญญาณเสาแม่เหล็กสองสามอันที่อยู่ด้านบนออกมาอีกด้วยจึงรีบคว้ากล้องวิดีโอกลับมาอย่างรวดเร็ว
“อาห้านี่นะ! จริง ๆ เลย! ซูเหอเวิ่นพูดไม่ออก นี่มันกล้องลูกรักของเขานะ!
ซูอี้เซินกดไหล่ของซูอิ๋งเอ่อร์ไว้ “พี่ห้าอย่างเพิ่งใจร้อนสิ ฟังซู่เป่าพูดให้จบก่อน”
ซูอิ๋งเอ่อร์สะกดกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้มองไปที่ซู่เป่า
ซู่เป่าพูดต่อ “ชิ้นส่วนวิญญาณของแม่หายไป แต่ถ้าเราช่วยแม่หาชิ้นส่วนวิญญาณที่เหลือกลับมาได้ แม่ก็จะกลับมาจำได้ แล้วก็จะได้ไปเกิด!”
ซูอีเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาจับคำที่ซู่เป่าพูดซ้ำสองครั้งออกมาอย่างเฉียบคม อุบัติเหตุ กลายเป็นชิ้นส่วน
“ทำไมถึงกลายเป็นชิ้นส่วนล่ะ?” เขาถาม
ซู่เป่าชะงัก นั่นสิ ท่านอาจารย์บอกแค่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่มันเป็นอุบัติเหตุแบบไหนกันนะ?
เธอมองไปที่จี้ฉาง
จี้ฉางกระแอมไอแล้วพูดว่า “ซู่เป่าจำตอนที่อาจารย์ลงไปประชุมที่ข้างล่างเมื่อวันก่อนได้ไหม? ตอนนั้นอาจารย์พาแม่ของเจ้ามาที่นี่... แล้วก็...”
เขาเล่าเรื่องวันนั้นให้ฟังแบบหมดเปลือก
ยังไงก็ปิดไม่มิดอยู่ดี มันคงจะดีกว่าถ้ารีบสารภาพไปเลย
ล้อเล่นน่า นี่คือเจ้าแห่งนรกในอนาคต... ใครจะกล้าปิดบัง?
“ดังนั้น อาจารย์เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ซูจิ่นอวี้โดนสมุดบันทึกตบวิญญาณกระจาย”
พวกซูอีเฉินฟังสิ่งที่จี้ฉางพูดแล้วทุกคนก็มองมาที่จี้ฉาง
จ้อง...
ซู่เป่าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “ท่านอาจารย์ ที่บอกว่าต้องทำงานข้ามคืนท่านหลอกหนูใช่ไหม?”
จี้ฉางลูบจมูกตัวเองพูดว่า “มันเป็นความผิดของอาจารย์เอง...”
เดี๋ยวก่อน...
ความผิดของเขาเหรอ??
จี้ฉางเพิ่งค้นพบว่า ว่ากันตามตรรกะแล้ว...
มันก็เป็นความผิดของเขาทั้งหมดเลยสินะ
เขาใจอ่อนพาซูจิ่นอวี้มายังโลกมนุษย์ แล้วเขาก็ตบซูจิ่นอวี้โดยไม่ตั้งใจทำให้วิญญาณซูจิ่นอวี้กระจัดกระจาย
ซูจิ่นอวี้ที่วิญญาณกระจัดกระจายจับพลัดจับผลูไปอาศัยอยู่ในร่างซูเสี่ยวอวี้
ซูเสี่ยวอวี้และซู่เป่าพบกันโดยบังเอิญ แล้วยมบาลตัวน้อยก็ได้พบกับแม่ของเธอในที่สุด...
กล่าวอีกนัยหนึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขา! มันไม่เกี่ยวอะไรกับยมบาลตัวน้อยเลย!
ที่ยมบาลตัวน้อยได้กลับมาเจอกับแม่ของเธออีกครั้งแต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอใช้อำนาจในเรื่องส่วนตัว เธอแค่ได้พบกับแม่ของเธอโดยบังเอิญระหว่างการจับผีเท่านั้น...
“…”
ยมบาลตัวน้อยไม่อาจทิ้งหลักฐานไว้ในชีวประวัติของเธอได้ ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นแพะรับบาปโดยไม่รู้ตัว??
จี้ฉางที่รู้ตัวช้าเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นแพะไปแล้วเรียบร้อย!
จี้ฉางจ้องไปที่ซู่เป่า “ถามจริงก่อนที่ท่านจะมาเกิด ท่านวางแผนไว้หมดแล้วใช่ไหม?”
ซู่เป่าหน้างง “ท่านอาจารย์ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร?”
จี้ฉาง “…”
เมื่อมองไปที่เจ้าแก้มก้อนตรงหน้า ดวงตาของเธอสะอาดบริสุทธิ์และจริงใจ สายตางงงวย เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
แล้วจี้ฉางก็พ่ายแพ้ไปเองทันที
ช่างมันเถอะยังไงตอนนี้ยมบาลตัวน้อยยังเป็นเพียงเด็กอายุสี่ขวบเท่านั้น!
เธอไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ
ฮือ ๆ ๆ ท่านยมบาลใจดำรังแกผู้ใต้บังคับบัญชา!
จี้ฉางพูดว่า “ช่างมันเถอะ... ตอนนี้มาคิดว่าจะนำชิ้นส่วนวิญญาณของแม่เจ้ากลับมาได้อย่างไรดีกว่า...”
เขามองไปที่ซูจิ่นอวี้แล้วถามว่า “ซูจิ่นอวี้ลองนึกดูสิ เจ้าพอจะจำอะไรได้บ้างหรือไม่? นี่คือลูกสาวของเจ้า นี่คือพี่ใหญ่ พี่เล็ก และพี่ห้าของเจ้า”
จี้ฉางมองไปที่มู่กุยฝานซึ่งยืนพิงอยู่กับกรอบประตู... ช่างมันเถอะ ไม่มีค่าให้พูดถึง
มู่กุยฝาน “...?”
ซูจิ่นอวี้ส่ายหน้าเงียบๆ “ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
ซูอีเฉินรู้สึกปวดหนึบในใจ
น้องสาวที่พวกเขาถนอมไว้ในฝ่ามือต้องไปเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าที่เมืองอื่น แล้วตอนนี้ก็จำอะไรไม่ได้เลยอีก
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ว่าจะไปไกลแค่ไหน หรือว่าเป็นที่ไหน พี่ใหญ่ก็จะหาเธอให้เจอ” ซูอีเฉินสีหน้ามืดหม่นเสียงของเขาหนักแน่น
ซูอี้เซินก็พูดขึ้นมาว่า “ต้องการให้เราทำอะไร?”
ขอแค่ทำให้น้องสาวของเขาจำได้ จะให้เขาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!
เมื่อมองไปที่ภาพซูจิ่นอวี้ในจอ ลุงห้าที่ร่างกายกำยำห้าวหาญก็ยังอดไม่ได้ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาเงียบ ๆ
ช่างหัววิทยาศาสตร์มันสิ!
ขอแค่ให้น้องสาวของเขาสามารถกลับมาได้จริง ไม่ว่าจะบอกอะไรเขาก็จะเชื่อ!
“น้องเล็กไม่ต้องกลัวนะ... พี่ห้าจะอยู่เคียงข้างเธอเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรเราก็จะฝ่าฟันไปด้วยกัน!”
ซู่เป่ามองไปที่ลุงใหญ่จากนั้นก็มองไปที่ลุงเล็กกับลุงห้า ดวงตาของเธอสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง “อืม! ฝ่าฟันไปด้วยกัน!”
ซูจิ่นอวี้ “...”
ซูอิ๋งเอ่อร์กำหมัดแน่น “ไม่ว่าจะขึ้นเขามีด ลงทะไฟ หรืออะไรที่อันตรายให้ฉันจัดการเอง!”
ซู่เป่าก็กำหมัดแน่น “หนูเอง ๆ!”
ซูอิ๋งเอ่อร์ตบหน้าอก “อะไรที่ละเมิดกฎและข้อห้ามฉันก็ทำได้!”
ซู่เป่าตบหน้าอกบ้าง “ได้ ๆ!”
ทุกคน “...”
ซูจิ่นอวี้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาทันใด
ถึงจะไม่รู้จักกัน หรือจะเรียกว่าเพิ่งรู้จักกัน
แต่รู้สึกเหมือนว่าเราจะเคยอยู่ด้วยกันมานาน... จะให้ไม่ทราบซึ้งคงยาก
“พี่ชาย” ทั้งหลายของเธอรักเธอมากจริง ๆ
แล้วก็ “ลูกสาว” ของเธอด้วย...
ซูจิ่นอวี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ พูดยิ้ม ๆ “อืม ไปด้วยกัน!”
มีครอบครัวที่ดีแบบนี้ เธอก็อยากจำได้เร็ว ๆ
อยู่ ๆ เธอก็หัวเราะพรวดออกมาแล้วมองไปที่ซู่เป่าเจ้าตัวเล็กน่ารักพูดว่า “เฮ้อ ฉันคิดว่าฉันแค่มีลูกสาวเพิ่มมาคนนึง ไม่คิดว่าจะมีพี่ชายเพิ่มมาอีกสามคน...”
ซูอิ๋งเอ่อร์แก้ให้ใหม่ “ไม่ใช่ มีพี่แปดคนต่างหาก”
ซูอี้เซินย้ำว่า “แล้วก็มีพ่อกับแม่ด้วย”
ซู่เป่ายกมือขึ้นทันที “แล้วก็ท่านอาจารย์ด้วย!”
หลักจากชะงักไปครู่หนึ่งก็เสริมว่า “มีเสี่ยวอู่! กับคุณปู่เต่าด้วย!”
ซูจิ่นอวี้ “...”
จี้ฉางมองไปที่เด็กหนึ่งคนกับผู้ใหญ่อีกสองสามคนที่มีความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยม เขาพูดอะไรไม่ออก
เขาเปิดสมุดบันทึก พึมพำไปจดไป
ซูเหอเวิ่นที่อยู่ข้างดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจ xy มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
มีผีมากมายขนาดนี้... ตะเติมน้ำเต้าวิญญาณของน้องได้สักครึ่งไหมนะ?
มู่ · ไม่มีค่าพอให้พูดถึง · กุยฝานลูบจมูกพูดว่า “พวกคุณคุยกันไปแล้วกัน”
เขาออกไปและปิดประตูเบา ๆ
ต้องตามหาชิ้นส่วนวิญญาณ...
ดูเหมือนว่าเขาต้องไปบวชซะแล้ว ไม่งั้นถ้าเจ้าตัวเล็กของเขาต้องการความช่วยเหลือขึ้นมา เขาก็จะไม่สามารถช่วยอะไรลูกได้
มู่กุยฝานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออก เขาพูดสบายๆ ว่า “ฮัลโหล... ผมจะลาออกจากตำแหน่ง”
อีกฝ่ายดูเหมือนจะตกตะลึง จากนั้นก็รัวมาเป็นชุด เหมือนจะแอบได้ยินลาง ๆ ว่า [คุณคิดจะทำอะไรอีกแล้ว?]
มู่กุยฝานร้องอ๋อ “ท่านครับ ผมจะไปบวชเป็นนักพรตเต๋า”
คนที่อยู่ปลายสาย “…”
ใครก็ได้มาทุบเขาให้ตายที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...