ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 159

ซูอิ๋งเอ่อร์และซูอี้เซินตกตะลึง สมองของพวกเขาดังวิ้ง ๆ ไปหมด พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้เห็นเลย

ทุกอย่างอยู่นอกเหนือขอบเขตความเข้าใจที่พวกเขาเคยรับรู้!

ซู่เป่าอธิบาย “หลังจากแม่ตายก็กลายเป็นวิญญาณ ท่านอาจารย์บอกว่าวันก่อนแม่เกิดแต่อุบัติเหตุแตกกระจายกลายเป็นชิ้นส่วนและหายตัวไป จากนั้นก็ไปอาศัยอยู่ในร่างของพี่สาวคนนั้นแล้วกลับมา”

ซูจิ่นอวี้นึกยังไงก็นึกไม่ออก เธอพูดด้วยความปวดหัวว่า “มันเป็นแบบนั้นเหรอ... ฉันจำอะไรไม่ได้เลย...”

ซู่เป่าพยักหน้า “ก็เพราะวิญญาณแม่แตกกลายเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่แม่จำไม่ได้เป็นเรื่องปกติ!”

ซูอีเฉินยังคงสงบอยู่เหมือนเดิม เขาเม้มปากแน่น ยืดหลังเหยียดตรง

ใช่อวี้เอ๋อร์จริงๆ!

เธอคือน้องสาวของพวกเขาที่ต้องไปเสียชีวิตเพียงลำพังในเมืองหนานเฉิง ไม่มีแม้โอกาสได้กล่าวคำอำลา...

“อวี้เอ๋อร์...” เสียงของ ซูอีเฉินทุ้มต่ำ “มันเป็นความผิดของพี่เอง...พี่ปกป้องเธอไม่ได้”

ซูอิ๋งเอ่อร์จ้องมองภาพที่เห็นตรงหน้ายังคงไม่อยากจะเชื่อ “พี่ใหญ่เรื่องเหลวไหลแบบนี้... พี่เชื่อจริง ๆ เหรอ?”

ซูอีเฉินพูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันเชื่อ”

ขอแค่เป็นสิ่งซู่เป่าพูด ขอแค่อวี้เอ๋อร์กลับมา... อะไรเขาก็เชื่อทั้งนั้นแหละ

ซูอี้เซินมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขารู้สึกเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด

ซูอิ๋งเอ่อร์เป็นยิ่งกว่า เขาหยิบกล้องวิดีโอของซูเหอเวิ่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด “นี่คือฟิลเตอร์ที่ทำขึ้นมาแล้วบันทึกไว้ล่วงหน้าใช่ไหม จี้ฉางอะไรนี้ที่ใส่เสื้อคลุมสีขาวเหมือนคนตายนี่ก็ไปหานักนักแสดงมาอัดไว้ล่วงหน้าทั้งนั้น!”

“ส่วนอวี้เอ๋อร์ นายใช่ AI สร้างขึ้นมา เอามาหลอกเราเล่นใช่ไหม?”

ซูเหอเวิ่นเห็นเขาจับกล้องวิดีโอของตัวเองพลิกไปพลิกมาอย่างรุนแรง แถมยังคิดจะดึงแท่งสัญญาณเสาแม่เหล็กสองสามอันที่อยู่ด้านบนออกมาอีกด้วยจึงรีบคว้ากล้องวิดีโอกลับมาอย่างรวดเร็ว

“อาห้านี่นะ! จริง ๆ เลย! ซูเหอเวิ่นพูดไม่ออก นี่มันกล้องลูกรักของเขานะ!

ซูอี้เซินกดไหล่ของซูอิ๋งเอ่อร์ไว้ “พี่ห้าอย่างเพิ่งใจร้อนสิ ฟังซู่เป่าพูดให้จบก่อน”

ซูอิ๋งเอ่อร์สะกดกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้มองไปที่ซู่เป่า

ซู่เป่าพูดต่อ “ชิ้นส่วนวิญญาณของแม่หายไป แต่ถ้าเราช่วยแม่หาชิ้นส่วนวิญญาณที่เหลือกลับมาได้ แม่ก็จะกลับมาจำได้ แล้วก็จะได้ไปเกิด!”

ซูอีเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาจับคำที่ซู่เป่าพูดซ้ำสองครั้งออกมาอย่างเฉียบคม อุบัติเหตุ กลายเป็นชิ้นส่วน

“ทำไมถึงกลายเป็นชิ้นส่วนล่ะ?” เขาถาม

ซู่เป่าชะงัก นั่นสิ ท่านอาจารย์บอกแค่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่มันเป็นอุบัติเหตุแบบไหนกันนะ?

เธอมองไปที่จี้ฉาง

จี้ฉางกระแอมไอแล้วพูดว่า “ซู่เป่าจำตอนที่อาจารย์ลงไปประชุมที่ข้างล่างเมื่อวันก่อนได้ไหม? ตอนนั้นอาจารย์พาแม่ของเจ้ามาที่นี่... แล้วก็...”

เขาเล่าเรื่องวันนั้นให้ฟังแบบหมดเปลือก

ยังไงก็ปิดไม่มิดอยู่ดี มันคงจะดีกว่าถ้ารีบสารภาพไปเลย

ล้อเล่นน่า นี่คือเจ้าแห่งนรกในอนาคต... ใครจะกล้าปิดบัง?

“ดังนั้น อาจารย์เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ซูจิ่นอวี้โดนสมุดบันทึกตบวิญญาณกระจาย”

พวกซูอีเฉินฟังสิ่งที่จี้ฉางพูดแล้วทุกคนก็มองมาที่จี้ฉาง

จ้อง...

ซู่เป่าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “ท่านอาจารย์ ที่บอกว่าต้องทำงานข้ามคืนท่านหลอกหนูใช่ไหม?”

จี้ฉางลูบจมูกตัวเองพูดว่า “มันเป็นความผิดของอาจารย์เอง...”

เดี๋ยวก่อน...

ความผิดของเขาเหรอ??

จี้ฉางเพิ่งค้นพบว่า ว่ากันตามตรรกะแล้ว...

มันก็เป็นความผิดของเขาทั้งหมดเลยสินะ

เขาใจอ่อนพาซูจิ่นอวี้มายังโลกมนุษย์ แล้วเขาก็ตบซูจิ่นอวี้โดยไม่ตั้งใจทำให้วิญญาณซูจิ่นอวี้กระจัดกระจาย

ซูจิ่นอวี้ที่วิญญาณกระจัดกระจายจับพลัดจับผลูไปอาศัยอยู่ในร่างซูเสี่ยวอวี้

ซูเสี่ยวอวี้และซู่เป่าพบกันโดยบังเอิญ แล้วยมบาลตัวน้อยก็ได้พบกับแม่ของเธอในที่สุด...

กล่าวอีกนัยหนึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขา! มันไม่เกี่ยวอะไรกับยมบาลตัวน้อยเลย!

ที่ยมบาลตัวน้อยได้กลับมาเจอกับแม่ของเธออีกครั้งแต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอใช้อำนาจในเรื่องส่วนตัว เธอแค่ได้พบกับแม่ของเธอโดยบังเอิญระหว่างการจับผีเท่านั้น...

“…”

ยมบาลตัวน้อยไม่อาจทิ้งหลักฐานไว้ในชีวประวัติของเธอได้ ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นแพะรับบาปโดยไม่รู้ตัว??

จี้ฉางที่รู้ตัวช้าเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นแพะไปแล้วเรียบร้อย!

จี้ฉางจ้องไปที่ซู่เป่า “ถามจริงก่อนที่ท่านจะมาเกิด ท่านวางแผนไว้หมดแล้วใช่ไหม?”

ซู่เป่าหน้างง “ท่านอาจารย์ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร?”

จี้ฉาง “…”

เมื่อมองไปที่เจ้าแก้มก้อนตรงหน้า ดวงตาของเธอสะอาดบริสุทธิ์และจริงใจ สายตางงงวย เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

แล้วจี้ฉางก็พ่ายแพ้ไปเองทันที

ช่างมันเถอะยังไงตอนนี้ยมบาลตัวน้อยยังเป็นเพียงเด็กอายุสี่ขวบเท่านั้น!

เธอไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ

ฮือ ๆ ๆ ท่านยมบาลใจดำรังแกผู้ใต้บังคับบัญชา!

จี้ฉางพูดว่า “ช่างมันเถอะ... ตอนนี้มาคิดว่าจะนำชิ้นส่วนวิญญาณของแม่เจ้ากลับมาได้อย่างไรดีกว่า...”

เขามองไปที่ซูจิ่นอวี้แล้วถามว่า “ซูจิ่นอวี้ลองนึกดูสิ เจ้าพอจะจำอะไรได้บ้างหรือไม่? นี่คือลูกสาวของเจ้า นี่คือพี่ใหญ่ พี่เล็ก และพี่ห้าของเจ้า”

จี้ฉางมองไปที่มู่กุยฝานซึ่งยืนพิงอยู่กับกรอบประตู... ช่างมันเถอะ ไม่มีค่าให้พูดถึง

มู่กุยฝาน “...?”

ซูจิ่นอวี้ส่ายหน้าเงียบๆ “ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”

ซูอีเฉินรู้สึกปวดหนึบในใจ

น้องสาวที่พวกเขาถนอมไว้ในฝ่ามือต้องไปเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าที่เมืองอื่น แล้วตอนนี้ก็จำอะไรไม่ได้เลยอีก

“ไม่เป็นไรนะ ไม่ว่าจะไปไกลแค่ไหน หรือว่าเป็นที่ไหน พี่ใหญ่ก็จะหาเธอให้เจอ” ซูอีเฉินสีหน้ามืดหม่นเสียงของเขาหนักแน่น

ซูอี้เซินก็พูดขึ้นมาว่า “ต้องการให้เราทำอะไร?”

ขอแค่ทำให้น้องสาวของเขาจำได้ จะให้เขาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!

เมื่อมองไปที่ภาพซูจิ่นอวี้ในจอ ลุงห้าที่ร่างกายกำยำห้าวหาญก็ยังอดไม่ได้ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาเงียบ ๆ

ช่างหัววิทยาศาสตร์มันสิ!

ขอแค่ให้น้องสาวของเขาสามารถกลับมาได้จริง ไม่ว่าจะบอกอะไรเขาก็จะเชื่อ!

“น้องเล็กไม่ต้องกลัวนะ... พี่ห้าจะอยู่เคียงข้างเธอเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรเราก็จะฝ่าฟันไปด้วยกัน!”

ซู่เป่ามองไปที่ลุงใหญ่จากนั้นก็มองไปที่ลุงเล็กกับลุงห้า ดวงตาของเธอสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง “อืม! ฝ่าฟันไปด้วยกัน!”

ซูจิ่นอวี้ “...”

ซูอิ๋งเอ่อร์กำหมัดแน่น “ไม่ว่าจะขึ้นเขามีด ลงทะไฟ หรืออะไรที่อันตรายให้ฉันจัดการเอง!”

ซู่เป่าก็กำหมัดแน่น “หนูเอง ๆ!”

ซูอิ๋งเอ่อร์ตบหน้าอก “อะไรที่ละเมิดกฎและข้อห้ามฉันก็ทำได้!”

ซู่เป่าตบหน้าอกบ้าง “ได้ ๆ!”

ทุกคน “...”

ซูจิ่นอวี้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาทันใด

ถึงจะไม่รู้จักกัน หรือจะเรียกว่าเพิ่งรู้จักกัน

แต่รู้สึกเหมือนว่าเราจะเคยอยู่ด้วยกันมานาน... จะให้ไม่ทราบซึ้งคงยาก

“พี่ชาย” ทั้งหลายของเธอรักเธอมากจริง ๆ

แล้วก็ “ลูกสาว” ของเธอด้วย...

ซูจิ่นอวี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ พูดยิ้ม ๆ “อืม ไปด้วยกัน!”

มีครอบครัวที่ดีแบบนี้ เธอก็อยากจำได้เร็ว ๆ

อยู่ ๆ เธอก็หัวเราะพรวดออกมาแล้วมองไปที่ซู่เป่าเจ้าตัวเล็กน่ารักพูดว่า “เฮ้อ ฉันคิดว่าฉันแค่มีลูกสาวเพิ่มมาคนนึง ไม่คิดว่าจะมีพี่ชายเพิ่มมาอีกสามคน...”

ซูอิ๋งเอ่อร์แก้ให้ใหม่ “ไม่ใช่ มีพี่แปดคนต่างหาก”

ซูอี้เซินย้ำว่า “แล้วก็มีพ่อกับแม่ด้วย”

ซู่เป่ายกมือขึ้นทันที “แล้วก็ท่านอาจารย์ด้วย!”

หลักจากชะงักไปครู่หนึ่งก็เสริมว่า “มีเสี่ยวอู่! กับคุณปู่เต่าด้วย!”

ซูจิ่นอวี้ “...”

จี้ฉางมองไปที่เด็กหนึ่งคนกับผู้ใหญ่อีกสองสามคนที่มีความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยม เขาพูดอะไรไม่ออก

เขาเปิดสมุดบันทึก พึมพำไปจดไป

ซูเหอเวิ่นที่อยู่ข้างดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจ xy มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

มีผีมากมายขนาดนี้... ตะเติมน้ำเต้าวิญญาณของน้องได้สักครึ่งไหมนะ?

มู่ · ไม่มีค่าพอให้พูดถึง · กุยฝานลูบจมูกพูดว่า “พวกคุณคุยกันไปแล้วกัน”

เขาออกไปและปิดประตูเบา ๆ

ต้องตามหาชิ้นส่วนวิญญาณ...

ดูเหมือนว่าเขาต้องไปบวชซะแล้ว ไม่งั้นถ้าเจ้าตัวเล็กของเขาต้องการความช่วยเหลือขึ้นมา เขาก็จะไม่สามารถช่วยอะไรลูกได้

มู่กุยฝานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออก เขาพูดสบายๆ ว่า “ฮัลโหล... ผมจะลาออกจากตำแหน่ง”

อีกฝ่ายดูเหมือนจะตกตะลึง จากนั้นก็รัวมาเป็นชุด เหมือนจะแอบได้ยินลาง ๆ ว่า [คุณคิดจะทำอะไรอีกแล้ว?]

มู่กุยฝานร้องอ๋อ “ท่านครับ ผมจะไปบวชเป็นนักพรตเต๋า”

คนที่อยู่ปลายสาย “…”

ใครก็ได้มาทุบเขาให้ตายที!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน