ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 165

จี้ฉางพูด “ดังนั้นอย่าใช้ลูกชายของเจ้าเป็นข้ออ้าง เจ้าอยากกลับไปเพียงเพราะคิดว่ายังใช้ชีวิตไม่พอ เจ้าหุบเงินก้อนนั้นไว้ตลอดชีวิต พอแก่ตัวแล้วกลับไม่ได้ใช้เงิน เจ้าอยากกลับไปเสวยสุขให้เพียงพอแล้วถึงยินยอมจากไป”

หญิงชราในชุดกี่เพ้าห่อศพเหมือนถูกคนเปิดโปง ทั้งเก็บฟันปลอมของตัวเองที่หลุดออกพลางพึมพำว่า “ฉันบอกไม่ทัน บอกไม่ทัน...”

ซู่เป่าเข้าใจแล้ว

เธอค่อยๆ เรียบเรียงตรรกะทีละนิดๆ แล้วพูดว่า “เพราะคุณยังมีเงินอีกมากมายที่ยังใช้ไม่หมด คุณจึงไม่ยอมจากไป และที่ไม่ยอมไปเข้าฝันเพราะคุณอยากให้ตัวเองฟื้นคืนชีวิตกลับมาใช้เงินพวกนั้น ดังนั้นก็เลยแย่งร่างของคุณแม่หนู....เป็นแบบนี้ใช่ไหมคะ”

หญิงชราลุกลี้ลุกลน “ไม่ใช่อย่างนั้น เข้าฝันก็ต้องใช้เวลา มีคนรอเข้าฝันตั้งมากมาย มันอาจไม่ถึงทีฉันก็ได้ ลูก..ลูกชายของฉันใกล้จะขายบ้านหลังเก่าแล้ว ฉันก็เลยรีบร้อนอยู่นี้ไง”

อีกอย่าง เข้าฝันต้องใช้บุญกุศล เธอต้องสั่งสมบุญอย่างยากลำบาก

“ฉันทำเพื่อลูกของฉันจริงๆ ...” เธอยืนหยัดในคำพูด “จริงๆ นะ ฉัน...”

จี้ฉางโบกมือ แล้วยันต์หนึ่งแผ่นก็ลอยไปปิดปากของหญิงชรา

รีบร้อนเหรอ เพื่อลูกชายเหรอ

โดยปกติแล้วผีหรือวิญญาณที่เร่รอนอยู่ในโลกมนุษย์จะทำให้ญาติเห็นตัวเองไม่ได้และไม่มีวิถีทางเข้าฝัน

อาจใช้เวลาหลายสิบหรือหลายร้อยปีในการรอโอกาสนี้ แต่ถ้าไปโลกใต้พิภพและอุทิศบุญกุศลเล็กน้อยเพื่อไปเข้าฝัน เวลาจะเร็วกว่าการที่เธอเร่รอนอยู่ในโลกมนุษย์มาก

เธอเห็นแก่ตัว

เธอรักเงินและเฝ้าสมบัติ จนกระทั่งเสียชีวิตยังไม่ยอมบอกลูกชายเรื่องฝังทองคำแท่งไว้ หลังจากเสียชีวิตถึงพบว่าไม่สามารถเอาเงินไปด้วยได้จริงๆ

ซู่เป่าคิดไปคิดมา

นั่นเป็นเงินจำนวนมากเลยนะ

พอนึกถึงอั่งเปาของตัวเอง... ซู่เป่าก็รู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย

ถ้าเงินของเธอโดนคนอื่นเอาไปเหมือนกัน เธอก็ต้องเสียใจมาก

ซู่เป่าพูด “งั้น... งั้นก็บอกลูกชายของคุณยายให้เขาไปขุดเอาทองคำแท่งออกมา แบบนี้เขาก็ไม่ต้องขายบ้านหลังเก่า แล้วยังสามารถซื้อบ้านหลังใหม่ได้เลย”

จี้ฉางพยักหน้า “อืม... จากนั้นล่ะ”

ที่สำคัญที่สุดคือจะจัดการกับยายแก่นี่ยังไง

ซู่เป่ากลับไม่ได้คิดมากและพูดว่า “ส่งไปเฟิงตูเหมือนกับคุณน้าท้องแตกคนเมื่อกี้ค่ะ”

คนมีที่สำหรับคนอยู่ ผีมีที่สำหรับผีอยู่ ง่ายนิดเดียว

จี้ฉางอดไม่ได้ที่จะขำขัน เจ้าตัวเล็กคนนี้ช่างรู้จักหาคำมาเปรียบเปรย

อันที่จริงแล้วสามารถจับหญิงชราได้ ทำให้เธอกลายเป็นไอพิฆาตแล้วจับใส่น้ำเต้าวิญญาณ เพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเธอเอง

ผีที่เร่ร่อนอยู่ในโลกมนุษย์ไม่สอดคล้องกับกฎ ถ้าเห็นจำต้องฆ่า

จี้ฉางยังคงไม่พูดอะไร แต่เปิดผ้ายันต์ออกแล้วถามว่า “ตอนนี้ให้โอกาสเจ้า ข้าจะไปเข้าฝันลูกชายของเจ้าและบอกเรื่องทองคำแท่งกับเขา เจ้าเพียงแค่บอกข้าว่าลูกชายของเจ้าชื่ออะไร เป็นคนที่ไหน”

หญิงชราในชุดกี่เพ้าห่อศพอ้ำอึ้งและไม่ยอมบอก

“ฉันอยากบอกลูกชายดัวยตัวเอง ฉันอยากเจอหน้าเขาสักครั้งด้วย... นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ คนเป็นแม่ย่อมอยากเจอหน้าลูกเป็นเรื่องปกติ...”

ซู่เป่าอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะเธอ “นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ตอนนี้คุณเป็นผีแล้วนะ”

ดังนั้นสูตรนี้ใช้ไม่ได้

หญิงชรา “?”

แบบนี้ก็ได้เหรอ

เธอยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่จี้ฉางโบกมือ “ไม่พูดก็ช่าง ยังไงข้าก็ไม่สนทรัพย์สินเงินทอง ข้าสนแต่ภูตผีวิญญาณ”

ทันทีที่พูดจบขาของหญิงชราก็หายไปครึ่งหนึ่ง หญิงชราร้อนรนใจในทันทีและยังคงพูดแก้ตัว

แต่เมื่อเห็นว่าคอของตัวเองก็หายไปแล้ว จนวินาทีสุดท้าย หญิงชราถึงยอมบอกชื่อและที่อยู่แต่โดยดี

เธออยากใช้เงินเองจนหมด แต่ถ้าใช้ไม่ได้จริงๆ งั้นเอาเปรียบลูกชายตัวเองดีกว่าเอาเปรียบคนอื่น

จี้ฉางหดมือกลับและพูดว่า “ดูสิ พูดออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ”

ซู่เป่า “ทำตามเป็นแล้วค่ะ”

ซูอีเฉินและมู่กุยฝาน “...”

จี้ฉางลูบศีรษะน้อยๆ ของซู่เป่าพร้อมกับพูดว่า “ทั้งฉลาดทั้งซน”

ไอหยินในทางเดินหายไปอย่างหมดจด และกะละมังเหล็กที่กำลังหมุนติ้วๆ อยู่ใบนั้นของซูเหอเวิ่นก็ค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ

แต่ซูจิ่นอวี้ยังคงยืนอึ้งอยู่กับที่

เศษเลี้ยววิญญาณของเธอกลับมารวมกันและความทรงจำของเธอก็กลับคืนมา

เธอมองซู่เป่าและซูอิ๋งเอ่อร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ซู่เป่า พี่ห้า...”

ซูอิ๋งเอ่อร์รีบหันไปมองซูจิ่นอวี้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “อวี้เอ๋อร์ เธอจำพี่ห้าได้แล้วเหรอ”

ซูอีเฉินนิ่งอึ้งอยู่กับที่

ซู่เป่าตกตะลึงและจมอยู่ในภวังค์สักพัก

“คุณแม่ จำซู่เป่าได้แล้วใช่ไหมคะ” เธอมองซูจิ่นอวี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ

ซูจิ่นอวี้มองเธอ แต่ไม่กล้ายื่นมือไปสัมผัสเธอเพราะกลัวว่าทั้งหมดจะเป็นภาพลวงตา

“แม่ขอโทษนะซู่เป่า” เธอพูด

ซู่เป่าพลันร้องไห้ว้ากออกมาในทันที

“คุณแม่... ใช่คุณแม่จริงๆ ด้วย” ซู่เป่าพุ่งเข้าไปสวมกอดซูจิ่นอวี้และกอดเธอไว้แน่น “ซู่เป่าคิดถึงคุณแม่มากเลยค่ะ”

ราวกับว่าในที่สุดพอเจอแม่แล้ว ความอึดอัดคับข้องใจทั้งหมดที่มีก็ไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้อีกต่อไป

ซู่เป่าน้ำตาร่วงริน พูดทั้งน้ำตาว่า “พอคุณแม่ไปอยู่บนสวรรค์ คุณพ่อก็ไม่ชอบซู่เป่าแล้ว...”

เธอสะอึกสะอื้นและน้ำตาไหลพราก “คุณน้าตกบันไดลงมาเอง แล้วบอกว่าหนูเป็นคนผลัก คุณแม่คะ ซู่เป่าไม่ได้ทำ ซู่เป่าก็เลยไม่ยอมรับ...”

“แต่ไม่มีใครเชื่อซู่เป่าเลยสักคน พวกเขามักลืมให้ซู่เป่าทานข้าว และซู่เป่าก็ไม่มีเสื้อผ้าอุ่นๆ ใส่”

“หลังจากที่คุณแม่ไม่อยู่ ซู่เป่ารู้สึกหนาวมากทุกวันเลยค่ะ”

ซู่เป่าพูดไปพลางร้องไห้ไป ในเวลานี้ ความอึดอัดคับข้องใจที่ได้รับการเยียวยาแล้วก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เธอต้องการเพียงให้คุณแม่กอด

ซูจิ่นอวี้เจ็บปวดรวดร้าวใจ...

“ซู่เป่า...” เธอกอดซู่เป่าไว้แน่น เธอโกรธที่ตัวเองมองคนพลาดไป ยิ่งโกรธที่ตัวเองไร้ความสามารถ ทำไมถึงไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์หรือเอาชนะโรคร้ายก่อนเสียชีวิต หรืออย่างน้อยก็ส่งซู่เป่ากลับบ้านตระกูลซูถึงจะถูก

“ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เอง” ซูจิ่นอวี้เพียงรู้สึกปวดใจ ปวดใจมาก ปวดใจมาก

ซู่เป่ากลับส่ายหน้า “มันไม่ใช่ความผิดของคุณแม่ค่ะ เป็นความผิดของคนอื่น”

ซูจิ่นอวี้เศร้าใจ ลูกสุดที่รักของเธอ...เข้าใจและรู้ความมาตลอด

ซูอิ๋งเอ่อร์รีบเดินเข้าไปหาซูจิ่นอวี้ แต่เขากลับเห็นเธอค่อยๆ หายไป...

เขาจึงตะโกนเรียกด้วยความร้อนรนใจ “อวี้เอ๋อร์”

ซู่เป่าขยี้ตาแล้วพูดว่า “ลุงห้าสบายใจได้ค่ะ คุณแม่ยังอยู่ค่ะ”

ซูอิ๋งเอ่อร์ร้อนรนใจ “ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นเธอแล้วล่ะ”

ซู่เป่ามองซูอิ๋งเอ่อร์ด้วยความงุนงง “บางทีอาจมีแค่ลุงห้าที่มองไม่เห็นผีแล้วก็ได้มั้งคะ”

แต่ทำไมเมื่อสักครู่ลุงห้าถึงมองเห็นผีได้ล่ะ

หลังจากพี่ซูเหอเวิ่น ลุงห้าก็มองเห็นผี

สรุปแล้วมันยังไงกันแน่

จี้ฉางมองซู่เป่าอยู่เงียบๆ อันที่จริงเขาเองก็สงสัยมากเช่นกัน

ดูเหมือนเมื่อไอหยินเข้มข้นและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าถูกรบกวน ถ้าอยู่ข้างๆ ซู่เป่าก็จะเห็นผีได้ง่าย

แต่ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมถึงอธิบายไม่ได้ว่าซูอีเฉินและมู่กุยฝานทำไมถึงมองไม่เห็นผี

“ช่างมันเถอะ ไม่คิดมันละ” จี้ฉางโบกมือ แล้วตำราก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

และหน้าที่มีชื่อของซู่เป่าก็ไม่มีแจ้งเตือนใหม่ปรากฏ

มีเพียงแค่ถ้าเศษเสี้ยววิญญาณของซูจิ่นอวี้กลับมารวมกันได้สำเร็จ เธอจะต้องลงไป

จี้ฉางพูด “ซูจิ่นอวี้ เจ้าอยู่ในโลกมนุษย์นานเกินไปแล้ว ควรไปได้แล้ว”

ซูจิ่นอวี้และซูอีเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไรกันสักคำ ซู่เป่าเองก็เพิ่งจะได้แม่ที่สมบูรณ์กลับมา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนล้วนไม่ยินยอม

ซู่เป่าตาแดงเล็กน้อยและจับเสื้อคลุมของจี้ฉาง “ท่านอาจารย์ ซู่เป่าต้องการคุณแม่ ฮือๆ ท่านอาจารย์เก่งกาจขนาดนั้น ต้องมีวิธีทำให้คุณแม่อยู่ต่อได้สิค่ะ”

จี้ฉาง “...”

ให้ตายเถอะบรรพชนตัวน้อย

อย่าเล่นงานลูกน้องจนตายได้ไหม

เราหมายถึง สามารถไปเล่นงานเฮยไป๋อู๋ฉาง(ยมทูตขาวดำ) หนิ่วโถวหม่าเมี่ยน(ยมบาลหัววัวหัวม้า) หรือแม้กระทั่งยายเมิ่งต้มซุป...

ช่างเถอะ พวกนั้นจะน่าเชื่อถือเท่าเขาได้อย่างไร

จี้ฉางพูดอย่างยอมรับโชคชะตาว่า “มี เจ้าให้แม่ของเจ้าอยู่ในน้ำเต้าวิญญาณ แต่ข้าบอกก่อนนะว่าก่อนวันที่สิบสี่เดือนเจ็ดต้องลงไป....”

“ปกติถ้าไม่มีเรื่องอะไร ทางที่ดีไม่ต้องออกมาเร่ร่อน”

เขาทำได้เพียงช่วยเธอซ่อนตัวได้จนถึงวันที่สิบสี่เดือนเจ็ดเท่านั้น

ส่วนเรื่องอื่น เขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมด...

ดวงตาของซู่เป่าเป็นประกาย จากนั้นพุ่งกอดจี้ฉางพลางพูดอย่างดีใจว่า “ท่านอาจารย์ดีที่สุดเลย หูนรักท่านอาจารย์”

มู่กุยฝาน “...”

แบบนี้ดีที่สุดแล้วเหรอ

เขาแสยะยิ้ม จากนั้นกอดอกพร้อมกับเอนตัวพิงกำแพง

เขาไม่มีค่าพอให้สนใจด้วยซ้ำ

พ่อมู่ขึ้หึงค่อนข้างขี้เหนียวมองค้อนใส่

ซู่เป่ากระโดดโลดเต้นในทางเดินอย่างดีใจพลางพูดว่า “ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์” “ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์” ...

จี้ฉางพูดเบาๆ ว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ต่อไปมีอนาคตแล้ว อย่าลืมอาจารย์ล่ะ”

หวังว่าหลังจากยมบาลตัวน้อยกลับคืนสถานะเดิมแล้ว จะเลื่อนตำแหน่งให้เขาและทำให้ร่ำรวยจนสามารถแต่งภรรยาได้...

ซู่เป่าพยักหน้าหงึกๆ “อืมๆ ซู่เป่าจะเลื่อนตำแหน่งให้ท่านอาจารย์และให้ท่านอาจารย์ร่ำรวย สามารถแต่งภรรยาได้ค่ะ”

จี้ฉาง “???”

สีหน้าอารมณ์ของเขา...แสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน