ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 173

“อา...”

ผู้คนบนฝั่งต่างร้องกันเสียงหลง

พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว สายลมยามเย็นในสวนสาธารณะพัดเย็นสบาย และเมื่อลมพัดผ่านมาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกขนหัวลุก

“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!”

“ฉันตาฝาดเหรอ!”

“พระเจ้า อย่าไปสนใจเลย รีบไปช่วยคนเถอะ!”

ถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าลงไป เหตุการณ์เมื่อครู่นี้มันดูแปลกและน่ากลัวเกินไป ถ้าคนผมเหลืองเป็นศพผู้หญิงจริง ๆ... ใครจะกล้าลงไปถ้าศพผู้หญิงลากคนลงไปในน้ำ

ถ้าคนผมเหลืองไม่ใช่ศพแต่เป็นคน แสดงว่ามีคนจงใจฆ่าคน ๆ นั้นแล้วดึงคนลงไปในน้ำหลังจากกระโดดลงไป ยิ่งไม่กล้าลงไปใหญ่!

มีคนมองไปที่มู่กุยฝานและรู้สึกโชคดีที่เขามาขวางไว้ ไม่อย่างนั้นนอกจากชายวัยกลางคน พวกเขาก็เกือบจะลงไปด้วยเหมือนกัน

และในตอนนั้นเองเรือกู้ภัยก็มาถึง

คนบนเรือเริ่มมองเห็นได้ชัดขึ้น และเจ้าหน้าที่กู้ภัยหนุ่มคนหนึ่งก็ตะโกนว่า “เจอแล้ว เจอแล้ว!”

ทุกคนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังตะเกียกตะกายอยู่บนผิวน้ำรวมถึงศพที่ลอยน้ำอยู่จากในระยะไกล จึงรีบเตรียมตัวเข้าไปช่วยชีวิตทันที

ชายสูงวัยคนหนึ่งกำชับ “เกาเฟย จับตาไว้ให้ดี!”

เจ้าหน้าที่กู้ภัยหนุ่มชื่อว่าเกาเฟย เขารู้สึกตื่นเต้นมาก ในที่สุดพวกเขาก็พบศพของเด็กหญิงหลังจากค้นหามาทั้งวันทั้งคืน และเสื้อผ้าบนร่างของเด็กหญิงคนนั้นก็ตรงกับคำให้การของคนในครอบครัว...

ในวินาทีถัดมา ศพเด็กหญิงก็ขยับอย่างรวดเร็วและลากหญิงวัยกลางคนที่กำลังดิ้นรนลงสู่ก้นน้ำอย่างฉับพลัน!

“เชี่ยเอ๊ย!!!” เกาเฟยตกใจจนมือสั่น

เขามองเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่ลอยอยู่คือซากศพ กู้ศพมาตั้งมากมายเขาไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน

จู่ ๆ ศพก็ยกมือลากคนลงไปใต้น้ำได้!

ในตอนนี้เกาเฟยรู้สึกว่าเหมยเชาเฟิงยื่นกรงเล็บกระดูกขาวจิ่วอินออกมาและกดลงบนหนังศีรษะของเขา หนังศีรษะของเขากำลังจะระเบิด และผมของเขาก็ตั้งขึ้นทีละเส้น!!

“กะกะกะกัปตัน!” เขาตื่นตระหนก

กัปตันผู้สํงวัยเข้ามาพร้อมกับเชือกในมือ เขาพูดในขณะที่เคลื่อนตัวไปมาอย่างรวดเร็ว “ทำไมนายทำหยั่งกับเห็นผี! รีบไปช่วยคนเร็ว!”

“เฮ้ แล้วคนล่ะ ฉันหันไปแปปเดียวเอง”

คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งลงไปบนเรือคายัค เครื่องมือที่ใช้กู้ศพนั้นแตกต่างจากที่ใช้ช่วยคน ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนอวนที่ใช้มาเป็นช่วยเหลือคนชั่วคราว ทั้งสองด้านร่วมมือกันเพื่อดึงพืชน้ำขึ้นมา

ทั้งศพผู้หญิงและหญิงวัยกลางคนถูกดึงขึ้นจากน้ำ ทุกคนเห็นว่าศพเด็กหญิงดูเหมือนจะกระตุก และต่างก็สงสัยว่าตัวเองหลอนไปหรือไม่

ดวงตาของเกาเฟยเบิกกว้าง “กะกะกะกะกัปตัน!!”

เสียงของกัปตันก็ดูสงสัยขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า “เห็นแล้วเห็นแล้ว อย่าส่งเสียง!”

หญิงวัยกลางคนถูกดึงขึ้นเรือก่อน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อยู่บนเรือก็เข้ามาช่วยเหลือเธอทันที

หลังจากนั้นไม่นาน หญิงวัยกลางคนก็พ่นน้ำขุ่น ๆ ออกมาจากปากและตื่นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

ด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เธอรีบลุกขึ้นอย่างสั่นเทาและตะโกนด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก “จวินเอ๋อร์ จวินเอ๋อร์ของแม่..”

“เร็วเข้า ช่วยลูกสาวฉันด้วย!”

หัวหน้าทีมกู้ภัยจับเธอลงและพูดว่า “ลูกสาวของคุณถูกกู้ขึ้นมาได้แล้ว! เราเข้าใจความรู้สึกของคุณ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ!”

หญิงวัยกลางคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “อะไรนะ...หมายความว่ายังไง”

เขาพูดว่าลูกสาวเธอเสียชีวิตแล้วงั้นเหรอ

ไม่ ๆ เด็กหญิงอีกสองคนที่ตกลงไปในน้ำยังช่วยเหลือขึ้นมาได้เลย แล้วทำไมลูกสาวของเธอถึงต้องตาย

เธอไม่เชื่อ!

หญิงวัยกลางคนจับขอบเรือและพึมพำกับตัวเอง “ฉันไม่เชื่อ พวกคุณช่วยผิดคนแล้ว เมื่อกี้ฉันเห็นจวินเอ๋อร์ของฉัน ฉันจะลงไปช่วยเอง...พวกคุณไม่ช่วยฉัน ฉันจะไปช่วยเอง!”

ขณะที่พูดเธอก็จะกระโดดลงไปในน้ำ ใครพูดก็ไม่ฟัง

ทุกคนพูดไม่ออก แต่พวกเขาก็เห็นคนในครอบครัวที่คุมอารมณ์ไม่ได้แบบนี้มาเยอะแล้ว

กู้ศพมาหลายปี ตอนที่ยังกู้ศพขึ้นมาไม่ได้ คนในครอบครัวส่วนใหญ่มักมีความหวังอันริบหรี่โดยคิดว่าคนที่ตนรักยังไม่ตาย

เมื่อศพถูกกู้ขึ้นมา คนในครอบครัวบางคนเป็นลมในที่เกิดเหตุ และบางคนไม่ยอมรับความจริงอย่างบ้าคลั่ง บางคนก็ทุบตีและเตะพวกเขา ต่อว่าพวกเขาที่มากู้ศพช้าเกินไป...

มีทุกอย่าง

หญิงวัยกลางคนถูกรั้งไว้ เธอหันหน้ามาและพุ่งไปที่ศพที่คลุมด้วยผ้าสีน้ำเงิน เธออดไม่ได้ที่จะยกผ้าสีน้ำเงินขึ้นและเมื่อเห็นว่านั่นคือใบหน้าของลูกสาวเธอ

เธอก็นั่งลงราวกับหมดเรี่ยวแรง ต่อยเตะเกาเฟยที่อยู่ใกล้เธออย่างบ้าคลั่ง!

“พวกคุณทำอะไรกินกันอยู่! ทำไมถึงมาช่วยเธอเอาตอนนี้! มันต้องช่วยคนให้ดีกว่านี้ไหม! พวกคุณมันสวะ กู้มาทั้งวันทั้งคืน! พวกแกฆ่าลูกสาวของฉัน!”

“พวกคุณสมควรตาย สมควรตาย!”

เธอกรีดร้องและสาปแช่ง จนเกาเฟยรู้สึกอึดอัดใจมาก

ไม่ได้หลับตามาทั้งวันทั้งคืนในฐานะเจ้าหน้าที่กู้ภัย ความสุขเมื่อพบคนเป็นสามารถเยียวยาความหนักใจเมื่อพบศพได้ และตอนนี้สิ่งที่ช่วยมาได้คือศพ และการถูกครอบครัวดุด่าแบบนี้ยิ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัด

เมื่อมาอยู่ในทีมกู้ภัยเขาอุทิศตนให้กับหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ และมันก็ค่อย ๆ ดับลงอย่างช้า ๆ หลังจากที่ได้เห็นความจริงของมนุษย์จนเกิดความรู้สึกสับสน...

สิ่งเหล่านี้ที่พวกเขาทำ มันมีความหมายจริง ๆ ใช่ไหม

เมื่อเรือเทียบท่า หญิงวัยกลางคนยังคงร้องไห้และสาปแช่ง

มู่กุยฝานอุ้มซู่เป่ามารออยู่ที่ฝั่ง เมื่อได้ยินว่ามีคนกู้ขึ้นมาได้แล้ว และมีคนมุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อได้ยินคำดุด่าของหญิงวัยกลางคน ซู่เป่าก็รู้สึกอึดอัดในใจมาก ๆ เธออายุเพียงสี่ขวบและกำลังรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

“หยุดด่าได้แล้ว!” ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนด้วยความโกรธ “คุณมันไร้ประโยชน์! คุณเป็นคนไร้ประโยชน์ที่สุด! คุณทั้งสร้างปัญหาทั้งไม่เชื่อฟัง และยังต่อว่าคนอื่นอีก คุณเป็นคนขี้ขลาด!”

เจ้าตัวเล็กโกรธมากและเรียนรู้ที่จะพูดประโยค “คุณเป็นคนขี้ขลาด” ออกมาจากในทีวี

เธอแค่รู้สึกว่าป้าคนนี้น่ารำคาญเกินไปแล้ว ถึงลูกสาวของเธอจากจะเป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก แต่เธอก็ไม่ควรด่าคนอื่นแบบนี้!

ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“ใช่ ๆ มันไม่ง่ายเลยสำหรับเจ้าหน้าที่กู้ภัย เรือค้นหาศพสามในห้าลำเป็นของทีมกู้ภัยบลูสกาย ทีมกู้ภัยบลูสกายเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร พวกเขาไม่ได้รับเงินและสิ่งของอะไรเลย เสียสละโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แล้วคุณยังจะด่าอะไรอีก...”

“ช่วยคุณแล้วไม่ถูกยังไง”

คนอารมณ์ร้อนด่ากลับ “ถ้าจะให้พูดแม่แบบคุณนี่สมควรโดนด่ามากกว่าอีก! ทำไมคุณไม่ดูแลลูกให้ดี พอเกิดเรื่องก็ค่อยมาโทษคนอื่นงั้นเหรอ”

พูดเกลี้ยกล่อม “ช่างมัน ๆ เรื่องคนตายสำคัญกว่านะ เธอสูญเสียลูกสาวไปแล้ว...”

มู่กุยฝานเม้มริมฝีปากและมองไปที่ฝูงชนมากมายอย่างเย็นชา เขาไม่สนใจเลือดและความรักของมนุษย์มานานแล้ว และตอนนี้ก็ไร้อารมณ์ใดใด

ซู่เป่าผละออกจากอ้อมกอดของเขา วิ่งไปด้านข้างของชายหนุ่มที่กำลังก้มหน้าลงและเก็บข้าวของอย่างเงียบ ๆ

เกาเฟยกำลังดึงเชือก อารมณ์ความรู้สึกของเขาท่วมท้นไปด้วยความหนักหน่วงในใจขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเสร็จงานที่เหน็ดเหนื่อยมาอย่างยาวนาน ตอนนี้เขาก็ผ่อนคลายลงและรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก

เหนื่อยมาก เหนื่อยมาก และมีความคิดที่จะไม่กลับมาอีกแล้วหลังจากกลับไป

ในขณะนั้นเองก็มีมือเล็ก ๆ มาจับมือเขาไว้ เกาเฟยผงะไปชั่วครู่

เขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นและพูดกับเขาอย่างจริงจัง “พี่ชาย ขอบคุณนะคะ พี่เลยลำบากเลย!”

“พี่ชาย พี่เก่งสุด ๆ! คุณมีพลังเทียบเท่ากับซูเปอร์ฮีโร่เลย!”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเด็กหญิงตัวน้อยรวมถึงดวงตาที่ชัดเจนและบริสุทธิ์ใจของเธอ ดวงตาของเกาเฟยก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที

“ขอบคุณนะ...”

พ่อของเด็กหญิงตัวน้อยเข้ามาอุ้มเธอและพูดว่า “ต้องไปแล้ว”

เจ้าแก้มก้อนโบกมือลาเขา เกาเฟยเองก็โบกมือกลับอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเพลงก็ดังขึ้นในใจของเขา ใครบอกว่าผู้ที่ยืนอยู่ในแสงสว่างคือฮีโร่

เกาเฟยหัวเราะ ขยี้ตาและพึมพำ “ขอบคุณนะ...”

สาวน้อยแปลกหน้า

เขารู้สึกว่ามีความกล้าหาญขึ้นอีกครั้ง

และด้านข้าง หญิงวัยกลางคนยังคงร้องไห้และสาปแช่งต่อไป

“พวกคุณมาด่าฉันทำไม รู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไง พวกคุณทำลูกสาวฉันตายใช่ไหม พวกคุณไม่รู้หรือไง!!!”

“ฉันพูดอะไรผิดไปหรือไง ถ้าพวกเขามาช่วยเร็ว ลูกสาวฉันคงไม่ตาย...”

“ฮือ ๆ มันเป็นความผิดของพวกคุณ ลูกสาวของฉัน จวินเอ๋อร์ของฉัน...”

ลมพัดผ้าสีน้ำเงินที่คลุมร่างของเด็กหญิงเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเด็กหญิงพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง...

ไม่มีใครเห็นว่าดวงตาของเธอสั่นไหวไปชั่วครู่ แล้วจึงกลับมาสงบเหมือนเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน