ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1764

สรุปบท ตอนที่ 1764 บุปผาสามัญงามดั่งผืนผ้าไหม 17: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน

อ่านสรุป ตอนที่ 1764 บุปผาสามัญงามดั่งผืนผ้าไหม 17 จาก ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน โดย ไอซ์

บทที่ ตอนที่ 1764 บุปผาสามัญงามดั่งผืนผ้าไหม 17 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายวัยรุ่น ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ไอซ์ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ซูจิ่นอวี้สะดุ้งตื่นขึ้นมา รู้สึกว่ามือและเท้าของตัวเองกำลังสั่นระริก

“นี่เป็นเพราะหลงใหลในความงาม...แล้วก็มัวเมามากเกินไปใช่ไหม??”

ไหนบอกว่าจะควบคุมตัวเองให้ดี? ไหนบอกว่าจะมีวินัยแล้วจะได้มีอิสระ?

ซูจิ่นอวี้นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง พยายามทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา พบว่าตลอดสองเดือนนี้แทบไม่รู้ตัวเลยว่าผ่านการ ‘ฝึกซ้อม’ มาได้อย่างไร และ ‘สอบ’ ผ่านไปได้อย่างไร

สิ่งเดียวที่จำได้คือผิวสีทองแดง

กล้ามท้องที่มีกล้ามเนื้อลายเส้นชัดเจน

กรามคมแข็งกร้าว

และเสียงหายใจที่ทำให้สติขาดห้วงในชั่วพริบตา

“บ้าเอ๊ย! นี่มันใช่ตำราลับฝึกบำเพ็ญที่ถูกต้องจริงๆ เหรอ?!”

การฝึกบำเพ็ญของคนอื่นเขาไม่ใช่แบบนี้นะ!

ซูจิ่นอวี้พลิกตัวลงจากเตียง แต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรง สุดท้ายก็ทรุดตัวลงกับพื้น

พอเอามือแตะจมูกดู พบว่ามีเลือดกำเดาไหลออกมาอีกแล้ว

“มู่กุยฝาน…” ซูจิ่นอวี้ตะโกนเรียกเสียงสั่น

มู่กุยฝานเปิดประตูเข้ามา เห็นซูจิ่นอวี้กำลังคุกเข่ากับพื้นและมีเลือดกำเดาไหล จึงรีบเข้าไปอุ้มเธอขึ้นมาในทันที

ซูจิ่นอวี้ “มู่กุยฝาน…” (ตัวสั่นระริก)

มู่กุยฝานโอบกอดเธอไว้แน่น และพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ผมอยู่นี่”

ซูจิ่นอวี้ (ยังคงสั่นระริกและมองเขา) “ผีไม่ควรมีเลือดออกนะ ทำไมฉันถึงมีเลือด ฉันใกล้จะตายแล้วหรือเปล่า…”

มู่กุยฝานหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูและขำขัน “ผีจะตายได้ยังไง?”

ซูจิ่นอวี้ทำหน้าสิ้นหวัง “มัวเมามากเกินไปจนตาย!!”

มู่กุยฝาน “…” ความอบอุ่นที่มีเหมือนแตกเป็นเสี่ยงๆ

“นั่นเป็นเพราะไอหยิน” มู่กุยฝานกดนิ้วที่หว่างคิ้วด้วยความหนักใจและพูดต่อว่า “ตอนนี้คุณเก่งมากแล้ว แต่ระดับพลังของคุณท่านซูมไอหยินไม่ทัน พูดง่ายๆ ก็คือมีแรงแต่ใช้ไม่ถูกทาง ออกไปหาใครสักคนมาต่อยก็จะดีขึ้น”

ซูจิ่นอวี้ “?”

นี่มันอะไรกัน ตำราที่อ่านมาไม่ได้เขียนไว้แบบนี้นะ!

แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ?

“จำได้ว่าตอนที่ซู่เป่าต่อสู้กับชายชุดดำ ระดับพลังของเขาสูงมาก แต่สุดท้ายพลังหยินกลับไม่พอจนแรงหมด…”

เมื่อพลังหยินถูกใช้จนหมด พลังหยินจึงตามไม่ทันระดับของตนเอง

แต่เธอในฐานะแม่กลับเป็นตรงกันข้ามเสียเอง!

“ได้ งั้นไปหาใครสักคนมาต่อย!” ซูจิ่นอวี้กระตือรือร้น พยายามลุกขึ้นยืนแต่ขากลับอ่อนแรงจนล้มลงไปอีก

เธอสั่นระริกอีกครั้งพลางพูดว่า “ไหนบอกว่าฉันมีแรงเหลือเฟือไม่ใช่เหรอ…ทำไมถึงยังยืนไม่ไหว?!”

มู่กุยฝานยิ้มมุมปาก และอุ้มเธอในท่าเจ้าสาวแล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

เขาพูดไปพลาง “อดทนหน่อย เดี๋ยวก็หายแล้ว”

“ก็เหมือนกับคนที่ออกกำลังกายหนักๆ แล้ววันถัดมาจะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ”

เขาก้มลงมองเธอด้วยสายตายิ้มเยาะ “รอจนคุณปรับตัวได้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

ซูจิ่นอวี้ “…”

ถ้าผีอายได้ ป่านนี้เธอคงอายจนหน้าแดงถึงคอ

แต่โชคดีที่เป็นผี เลยซ่อนความกระดากนี้ได้

เธออดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำว่า “พุ่งทะยานขึ้นทางด่วนในชั่วพริบตา เหมาะกับผีหลายใจที่สุดเลยจริงๆ”

**

เฟิ่งเอ่อร์เฝ้ารออยู่ที่เมืองเฟิงตูมาสองเดือน เดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ทุกวัน

เธอรู้สึกไม่พอใจนัก เพราะคิดว่าอีกไม่กี่วันจักรพรรดิมู่ก็คงจะมาหาเธอแน่ๆ

เป็นถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ซะขนาดนี้ จะมาหาผีร้ายตัวเล็กๆ อย่างเธอสักตัวมันจะยากอะไรนักหนา?

เธอเตรียมตัวรออยู่ที่โรงเตี๊ยมอย่างดี แต่สุดท้ายสองเดือนผ่านไปก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา

เฟิ่งเอ่อร์ไม่คาดคิดเลยว่า สองเดือนก่อนเธอจะได้เป็นตัวช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ของจักรพรรดิมู่และซูจิ่นอวี้เข้าให้

“เฟิ่งเอ่อร์! ในที่สุดฉันก็เจอเธอเสียที!”

เฟิ่งเอ่อร์รอมู่จักรพรรดิแต่กลับมาเจอฝานซือฉิงแทน

“มาทำอะไร?” เฟิ่งเอ่อร์เห็นฝานซือฉิงแล้วรู้สึกหัวเสียอย่างหนัก

ฝานซือฉิงอ้อนวอนด้วยท่าทางอารมณ์ดี “เฟิ่งเอ่อร์ เธอยังโกรธอยู่อีกเหรอ!”

ฝานซือฉิงยังคงพยายามอธิบายกับซูจิ่นอวี้ “เธออาจจะนิสัยรุนแรงไปหน่อย แต่ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร…”

“ฉันเชื่อว่าเธอก็รักฉันเหมือนกัน ในความสัมพันธ์ของคนสองคน มันก็ต้องมีคนหนึ่งที่ยอมก่อนใช่ไหมล่ะ?”

“ถ้ารักกันก็ต้องยอมก้มหัวก่อนสิ!”

แต่ปรากฏว่าวินาทีถัดไป หินดาเมะก็ขยายเสียงคำพูดของเฟิ่งเอ่อร์ออกไปจนทั่วทั้งถนน

ฝานซือฉิงถึงกับช็อก!

“เฟิ่งเอ่อร์ เธอ!” ฝานซือฉิงมองเฟิ่งเอ่อร์อย่างตกตะลึง “เธอ…”

เฟิ่งเอ่อร์เองก็ยืนนิ่งอึ้งไปเช่นกัน!

เธอเองก็มีศักดิ์ศรี ถึงแม้จะกล้าจีบจักรพรรดิมู่แบบไม่อายฟ้าดินแบบนี้ แต่ถ้าต้องพูดออกมาให้ทุกคนบนถนนได้ยินแบบนี้ เธอก็อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว…

“จักรพรรดิ ท่าน…” สีหน้าของเธอซีดขาวทันที

ฝานซือฉิงที่ยังตกตะลึงไม่หาย เผลอพูดออกมาว่า “เฟิ่งเอ่อร์ เธอจะไปชอบจักรพรรดิได้ยังไง?!”

อาจเป็นเพราะความอับอาย เฟิ่งเอ่อร์กัดฟันเถียงกลับ “จักรพรรดิมีรูปลักษณ์สง่างาม ไม่มีใครเทียบได้ สตรีใดได้พบจักรพรรดิย่อมต้องหลงใหลข้าไม่ต่างจากพวกนาง ฉันจะชอบท่านไม่ได้หรือไง?!”

หมายความว่า หญิงสาวใดๆ ที่พบเห็นมู่จักรพรรดิย่อมหลงรักได้ เธอไม่ใช่คนเดียวซะหน่อย

แต่ทว่าเฟิ่งเอ่อร์พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ไร้ยางอายขนาดนั้น

ฝานซือฉิงที่คิดน้อยกว่าก็พูดสวนกลับมาแบบตรงๆ “แต่เธอเป็นแฟนของฉัน เธอเป็นเลสเบี้ยนนะ เธอไม่เหมือนกับคนอื่น!”

เฟิ่งเอ่อร์ “…”

คราวนี้แหละ อายจนไม่มีที่ยืนแล้ว

เหล่าผีทั่วทั้งถนนต่างมองตาโต แถมยังมีการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายคลิปกันมากมาย

ซูจิ่นอวี้หัวเราะเยาะ “เห็นไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าเธอมันสมองไหลไปกับความรักแล้ว สมควรโดนซะบ้าง!”

ฝานซือฉิงเห็นซูจิ่นอวี้กำลังจะถลกแขนเสื้อขึ้น ก็ไม่รู้ว่าควรจะกลัวโดนตบหรือเสียใจที่เฟิ่งเอ่อร์เป็นคนแบบนี้กันแน่

ซูจิ่นอวี้หัวเราะเยาะอีกครั้ง “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ตบเธอหรอก!”

ซูจิ่นอวี้มองเฟิ่งเอ่อร์ที่พยายามจะเข้าไปใกล้มู่กุยฝานเพื่อแก้ตัวให้ตัวเองอย่างสุดกำลัง

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นอวี้รู้สึกโกรธจัด ขุ่นเคือง และเกลียดชังขนาดนี้

“ขนาดสามีฉัน เธอยังกล้าเข้ามาจีบต่อหน้าต่อตาแบบนี้เหรอ?!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน