ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1766

สรุปบท ตอนที่ 1766 บุปผาสามัญงามดั่งผืนผ้าไหม 19: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน

ตอน ตอนที่ 1766 บุปผาสามัญงามดั่งผืนผ้าไหม 19 จาก ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1766 บุปผาสามัญงามดั่งผืนผ้าไหม 19 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายวัยรุ่น ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน ที่เขียนโดย ไอซ์ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ซูจิ่นอวี้เพิ่งตระหนักได้ว่า ในโลกของคนที่คลั่งรักนั้น มุมมองในการมองสิ่งต่างๆ ช่างแตกต่างออกไป

เธอพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะเถียงกลับอย่างไรดี

ฝานซือฉิงพูดว่า “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันอยากบอกพี่ เพราะกลัวว่าท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นความว่างเปล่า ก็เลยไม่ยอมก้าวออกไป แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือการสูญเสียอย่างหนึ่ง”

“ใช้ความกล้าและความตรงไปตรงมาปิดบังความขี้ขลาดของตัวเอง นั่นมันเสแสร้งมากนะ”

“มันยังไม่ยุติธรรมกับคนที่คอยทุ่มเทอีกด้วย”

ซูจิ่นอวี้ “...”

ฝานซือฉิงพูดจบก็โบกมือพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างๆ ให้เธอ “ฉันไปแล้วนะ พี่จิ่นอวี้ ลาก่อน”

ซูจิ่นอวี้ยกมือโบกกลับไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อฝานซือฉิงหายลับไปแล้ว ซูจิ่นอวี้ถึงได้สติ กลับมาเห็นมู่กุยฝานยืนอยู่ข้างๆ

เธอจ้องมองเขาด้วยความสับสน

คำพูดของฝานซือฉิงยังคงดังก้องอยู่ในหู โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘ใช้ความกล้าและความตรงไปตรงมาปิดบังความขี้ขลาดของตัวเอง นั่นมันเสแสร้งมาก’ คำพูดนั้นยังกระทบใจเธออยู่

มู่กุยฝานก้มลงถาม “กำลังคิดอะไรอยู่?”

ซูจิ่นอวี้พึมพำกับตัวเองว่า “ฉันนึกว่าเธอมาเพื่อพูดไปเรื่อย แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาเพื่อสอนบทเรียนให้ฉันจริงๆ”

ใช่แล้ว เธอไม่เคยกล้าที่จะก้าวข้ามเส้นนั้น…

เป็นเพราะมู่กุยฝานแข็งแกร่งเกินไป

เขาเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุด ถึงแม้เขาจะคอยดึงเธอขึ้นไปด้วยกัน แต่เธอก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ตัวถ่วง

เธอรออยู่เสมอ เธอคิดว่าตัวเองควรจะแข็งแกร่งเท่าเขาก่อน ถึงจะสามารถเดินเคียงข้างเขาได้

เธอไม่ใช่คนที่คลั่งรักจนหน้ามืดตามัว แต่เธอมองว่าคนที่รักกันควรจะมีความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน

ควรจะยืนเคียงข้างกันได้ ไม่ใช่ใครคนหนึ่งคอยประคับประคองอีกคน หรือใครคนหนึ่งต้องหยุดรออีกคนอยู่เสมอ…

เธอไม่อยากเป็นแค่ลูกนกในกรงทองที่คอยให้มู่กุยฝานดูแลไปตลอด

เธอพบว่าตบะของตัวเองไม่ก้าวหน้าไปไหน และในอนาคตอาจจะเป็นเหมือนในอดีตที่ผ่านมาทุกภพทุกชาติที่เธอได้อยู่เคียงข้างเขาเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ส่วนที่เหลือก็เป็นเขาที่ต้องเผชิญกับความเหงาและการรอคอยอันไม่มีที่สิ้นสุดเพียงลำพัง

เธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ก็เลยคิดว่าถ้ามันจะเป็นแบบนี้ สู้ไม่ต้องอยู่ด้วยกันเลยจะดีกว่า เจ็บครั้งเดียวแล้วจบไปยังดีกว่าเจ็บนานๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาอยู่ในร่างมนุษย์ แต่เธอยังเป็นร่างผีอยู่เลย…

แต่เธอกลับมองข้ามไปว่า เขารอคอยมานานแค่ไหน ในขณะที่เธอคอยแต่จะหลีกเลี่ยง แบบนี้มันยุติธรรมกับเขาแล้วหรือ?

มู่กุยฝานเห็นใบหน้าของเธอนิ่งสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในความสงบมีความหม่นหมองปะปน เหมือนกับว่าเธอได้เข้าใจอะไรบางอย่างอย่างถ่องแท้…

เขารู้สึกใจหายวูบหนึ่งในทันที

แย่แล้ว ภรรยาเข้าใจทุกอย่างแล้ว เตรียมจะบวชเป็นชีแล้วหรือเปล่า?!

ไม่ทันไร ซูจิ่นอวี้ก็เดินเข้าไปหาเขาสองสามก้าว และยื่นมือออกไปกอดเขา

ไม่มีการโผเข้าหาอย่างกะทันหัน และไม่มีการกอดที่แผ่วเบา

มีแต่กอดที่ยิ่งนานยิ่งแน่นขึ้น จนมู่กุยฝานรู้สึกได้ถึงความหวงแหนของเธอ…

“จิ่นอวี้?” มู่กุยฝานยกมือขึ้นอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าจะกอดเธอกลับดีหรือไม่

เขากลัวว่าถ้ากอดเธอไว้ นี่อาจจะเป็นกอดสุดท้ายก่อนลาจาก!

แต่แล้วก็ได้ยินเธอพูดขึ้น “มู่กุยฝาน…เรากลับบ้านกันเถอะ!”

มู่กุยฝานรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ เต้นผิดจังหวะไปหลายครั้ง

เขารีบกอดเธอไว้แน่น ตอบเบาๆ “อืม กลับบ้านกัน”

ซูจิ่นอวี้ซบหน้าลงบนอกของเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้นหนักแน่นแต่กลับสับสนเล็กน้อยของเขา แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลง

“มู่กุยฝาน เสียงหัวใจของคุณเพราะจัง” เธอเอ่ย

มู่กุยฝาน “...?”

ซูจิ่นอวี้ “ไม่เหมือนฉันเลย ฉันไม่มีเสียงหัวใจ…”

มู่กุยฝาน “…”

เขากำลังจะบอกว่าไม่เป็นไร ซูเหล่าชียังหาไม้มาสร้างร่างหยินให้อวิ๋นเหลิงซีได้ เขาก็สามารถสร้างร่างมนุษย์ให้เธอได้เช่นกัน…

แต่เธอก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “ฉันจะฝึกบำเพ็ญให้ดี ต่อไปถ้าฉันแข็งแกร่งขึ้น คุณสร้างร่างมนุษย์ให้ฉันได้ไหม? แบบนั้นคุณก็จะได้ยินเสียงหัวใจของฉันบ้าง”

“เวลาที่ฉันรู้สึกใจเต้น คุณก็จะได้ยินมันด้วย”

“ความรู้สึกที่ฉันเคยแอบซ่อนไว้ ก็จะซ่อนไม่ได้อีกแล้ว…”

“ฉันจะได้ไม่ต้องจากคุณไปทุกๆ หลายสิบปีอีกต่อไป”

“และคุณก็จะไม่ต้องรอฉันไปอีกหลายภพหลายชาติ”

ผีชุดแต่งงานแดงทำเสียงออดอ้อนเลียนแบบอย่างเกินจริง “อ๊าย คุณสามีขา~”

ซูจิ่นอวี้ยิ้มขำ แล้วจงใจพูดว่า “สามีคะ ฉันหิวแล้ว! ฉันอยากกินหมาล่าเซียงกัว ซุปปลารสเข้มข้น เนื้อย่างติดมัน ปลาย่าง มันฝรั่งตุ๋นเนื้อวัว และขาหมูอบเครื่องเทศ…”

มู่กุยฝานยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ท่าทางเต็มไปด้วยความเอ็นดู “ได้สิ เดี๋ยวไปทำให้”

ก่อนจะเดินไป เขายังโน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากของซูจิ่นอวี้เบาๆ “รอแป๊บนะ”

ผีทั้งหลายต่างอุทานด้วยความตกใจแล้วรีบกอดตัวเองแน่น

อ๊าก ฆ่าผีกันเลยทีเดียว! หวานกันขนาดนี้! สงสารผีโสดบ้างเถอะ!!

นับจากนั้นเป็นต้นมา บรรดาผีที่เคยแอบเมาท์ และลุ้นเชียร์คู่นี้ถึงขนาดอยากติดกล้องวงจรปิดไว้ข้างเตียงของซูจิ่นอวี้กับมู่กุยฝานก็เปลี่ยนมาเป็นต้องกลอกตาไปมาเพราะทนดูทั้งคู่โชว์หวานให้เห็นทุกวัน

จนกระทั่งวันหนึ่งในอีกหลายร้อยปีต่อมา ตบะของซูจิ่นอวี้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว พุ่งพรวดจากระดับพญายมช่วงต้นสู่ระดับพญายมขั้นสมบูรณ์…

แล้วก็จู่ๆ ก็บรรลุระดับจักรพรรดิไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ทิ้งห่างผีหลายใจและพวกเพื่อนไว้ไกลลิบ

เหล่าผีทั้งหลายถึงได้เพิ่งมารู้ตัวแล้วร้องเสียงหลงว่า “ให้ตายสิ! ฉันก็อยากฝึกบำเพ็ญคู่ด้วย!!”

ผีหลายใจคล้องคอซูจิ่นอวี้ กระซิบกระซาบอย่างลับๆ

“ตำราลับไหนถึงได้เจ๋งขนาดนี้ มาแบ่งกันหน่อยสิ เพื่อนกันต้องแบ่งปันนะ”

ซูจิ่นอวี้ “ฉันบอกเลยนะ! ตำราลับเล่มนี้เธอต้องเก็บไว้ให้ดีนะ มีเนื้อหาวีไอพีสำหรับสมาชิกที่จ่ายเพิ่มด้วยนะ!”

“อ้อใช่ แล้วฉันยังมีคอลเลกชันที่ฉันเก็บไว้กว่า 100 กิกะไบต์ด้วยนะ สนใจไหม?”

ผีหลายใจทำตาเป็นประกาย “เอาๆๆ!”

จักรพรรดิมู่ที่อยู่ไม่ไกลพยายามไม่ใช้จิตเทพแอบฟัง แต่ด้วยความเคยชินจากการอยู่ใกล้ภรรยา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผลอฟังเข้าให้จนมุมปากกระตุกเบาๆ…

——【จบบริบูรณ์】——

ตอนพิเศษ

วันหนึ่งที่โลกมนุษย์ ในร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่ง

ผีหลายใจที่กำลังว่างไม่มีอะไรทำ ยิ้มกวนๆ พลางคล้องแขนโอบไหล่ซูจิ่นอวี้แล้วถามว่า “ว่าแต่พี่จิ่นอวี้ ท่านจักรพรรดิมู่ทำยังไงถึงทำให้พี่ยอมเรียกเขาว่าสามีได้เต็มปากเต็มคำล่ะ?”

ซูจิ่นอวี้ตอบพลางเคี้ยวเนื้อย่างในปากไปด้วย “จะยังไงล่ะ ก็ทั้งอ้อนทั้งตื๊อสิ!”

ผีหลายใจถึงกับตะลึง “อ้อน…ตื๊อ…? โอ๊ย แข็งแกร่งจริง!!”

ซูจิ่นอวี้ถึงกับสำลักเนื้อย่างที่อยู่ในปากพุ่งออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน