ซูจิ่นอวี้เพิ่งตระหนักได้ว่า ในโลกของคนที่คลั่งรักนั้น มุมมองในการมองสิ่งต่างๆ ช่างแตกต่างออกไป
เธอพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะเถียงกลับอย่างไรดี
ฝานซือฉิงพูดว่า “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันอยากบอกพี่ เพราะกลัวว่าท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นความว่างเปล่า ก็เลยไม่ยอมก้าวออกไป แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือการสูญเสียอย่างหนึ่ง”
“ใช้ความกล้าและความตรงไปตรงมาปิดบังความขี้ขลาดของตัวเอง นั่นมันเสแสร้งมากนะ”
“มันยังไม่ยุติธรรมกับคนที่คอยทุ่มเทอีกด้วย”
ซูจิ่นอวี้ “...”
ฝานซือฉิงพูดจบก็โบกมือพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างๆ ให้เธอ “ฉันไปแล้วนะ พี่จิ่นอวี้ ลาก่อน”
ซูจิ่นอวี้ยกมือโบกกลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อฝานซือฉิงหายลับไปแล้ว ซูจิ่นอวี้ถึงได้สติ กลับมาเห็นมู่กุยฝานยืนอยู่ข้างๆ
เธอจ้องมองเขาด้วยความสับสน
คำพูดของฝานซือฉิงยังคงดังก้องอยู่ในหู โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘ใช้ความกล้าและความตรงไปตรงมาปิดบังความขี้ขลาดของตัวเอง นั่นมันเสแสร้งมาก’ คำพูดนั้นยังกระทบใจเธออยู่
มู่กุยฝานก้มลงถาม “กำลังคิดอะไรอยู่?”
ซูจิ่นอวี้พึมพำกับตัวเองว่า “ฉันนึกว่าเธอมาเพื่อพูดไปเรื่อย แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาเพื่อสอนบทเรียนให้ฉันจริงๆ”
ใช่แล้ว เธอไม่เคยกล้าที่จะก้าวข้ามเส้นนั้น…
เป็นเพราะมู่กุยฝานแข็งแกร่งเกินไป
เขาเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุด ถึงแม้เขาจะคอยดึงเธอขึ้นไปด้วยกัน แต่เธอก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ตัวถ่วง
เธอรออยู่เสมอ เธอคิดว่าตัวเองควรจะแข็งแกร่งเท่าเขาก่อน ถึงจะสามารถเดินเคียงข้างเขาได้
เธอไม่ใช่คนที่คลั่งรักจนหน้ามืดตามัว แต่เธอมองว่าคนที่รักกันควรจะมีความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน
ควรจะยืนเคียงข้างกันได้ ไม่ใช่ใครคนหนึ่งคอยประคับประคองอีกคน หรือใครคนหนึ่งต้องหยุดรออีกคนอยู่เสมอ…
เธอไม่อยากเป็นแค่ลูกนกในกรงทองที่คอยให้มู่กุยฝานดูแลไปตลอด
เธอพบว่าตบะของตัวเองไม่ก้าวหน้าไปไหน และในอนาคตอาจจะเป็นเหมือนในอดีตที่ผ่านมาทุกภพทุกชาติที่เธอได้อยู่เคียงข้างเขาเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ส่วนที่เหลือก็เป็นเขาที่ต้องเผชิญกับความเหงาและการรอคอยอันไม่มีที่สิ้นสุดเพียงลำพัง
เธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ก็เลยคิดว่าถ้ามันจะเป็นแบบนี้ สู้ไม่ต้องอยู่ด้วยกันเลยจะดีกว่า เจ็บครั้งเดียวแล้วจบไปยังดีกว่าเจ็บนานๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาอยู่ในร่างมนุษย์ แต่เธอยังเป็นร่างผีอยู่เลย…
แต่เธอกลับมองข้ามไปว่า เขารอคอยมานานแค่ไหน ในขณะที่เธอคอยแต่จะหลีกเลี่ยง แบบนี้มันยุติธรรมกับเขาแล้วหรือ?
มู่กุยฝานเห็นใบหน้าของเธอนิ่งสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในความสงบมีความหม่นหมองปะปน เหมือนกับว่าเธอได้เข้าใจอะไรบางอย่างอย่างถ่องแท้…
เขารู้สึกใจหายวูบหนึ่งในทันที
แย่แล้ว ภรรยาเข้าใจทุกอย่างแล้ว เตรียมจะบวชเป็นชีแล้วหรือเปล่า?!
ไม่ทันไร ซูจิ่นอวี้ก็เดินเข้าไปหาเขาสองสามก้าว และยื่นมือออกไปกอดเขา
ไม่มีการโผเข้าหาอย่างกะทันหัน และไม่มีการกอดที่แผ่วเบา
มีแต่กอดที่ยิ่งนานยิ่งแน่นขึ้น จนมู่กุยฝานรู้สึกได้ถึงความหวงแหนของเธอ…
“จิ่นอวี้?” มู่กุยฝานยกมือขึ้นอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าจะกอดเธอกลับดีหรือไม่
เขากลัวว่าถ้ากอดเธอไว้ นี่อาจจะเป็นกอดสุดท้ายก่อนลาจาก!
แต่แล้วก็ได้ยินเธอพูดขึ้น “มู่กุยฝาน…เรากลับบ้านกันเถอะ!”
มู่กุยฝานรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ เต้นผิดจังหวะไปหลายครั้ง
เขารีบกอดเธอไว้แน่น ตอบเบาๆ “อืม กลับบ้านกัน”
ซูจิ่นอวี้ซบหน้าลงบนอกของเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้นหนักแน่นแต่กลับสับสนเล็กน้อยของเขา แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลง
“มู่กุยฝาน เสียงหัวใจของคุณเพราะจัง” เธอเอ่ย
มู่กุยฝาน “...?”
ซูจิ่นอวี้ “ไม่เหมือนฉันเลย ฉันไม่มีเสียงหัวใจ…”
มู่กุยฝาน “…”
เขากำลังจะบอกว่าไม่เป็นไร ซูเหล่าชียังหาไม้มาสร้างร่างหยินให้อวิ๋นเหลิงซีได้ เขาก็สามารถสร้างร่างมนุษย์ให้เธอได้เช่นกัน…
แต่เธอก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “ฉันจะฝึกบำเพ็ญให้ดี ต่อไปถ้าฉันแข็งแกร่งขึ้น คุณสร้างร่างมนุษย์ให้ฉันได้ไหม? แบบนั้นคุณก็จะได้ยินเสียงหัวใจของฉันบ้าง”
“เวลาที่ฉันรู้สึกใจเต้น คุณก็จะได้ยินมันด้วย”
“ความรู้สึกที่ฉันเคยแอบซ่อนไว้ ก็จะซ่อนไม่ได้อีกแล้ว…”
“ฉันจะได้ไม่ต้องจากคุณไปทุกๆ หลายสิบปีอีกต่อไป”
“และคุณก็จะไม่ต้องรอฉันไปอีกหลายภพหลายชาติ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...
บทที่ 1268 แล้วกระโดดไป 1278 เลย บทที่ 1269 1270 1271 1272 ข้ามไปทั้งหมด 4 ตอนนะคะ...