ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 194

ผีสาวเจียวๆ ถูกสับจนมีควันดำพวยพุ่งออกมาจากร่าง ทันใดนั้นก็ตื่นตกใจกลัวเป็นอย่างมาก เสี่ยวซู่เป่าคนนี้ สับเธอได้จริงๆ เหรอ!

เธอหันหลังแล้ววิ่งในทันที!

“อย่าหนีนะ!” ซู่เป่าคว้ากระบี่ไม้ท้อเล่มน้อยเอาไว้ ทำท่าอย่างเด็กน้อยโกรธ

ซูลั่วรีบตามไปทันที “ซู่เป่า!”

พอเสี่ยวอู่เห็นก็โอ้โห บรรพบุรุษตัวน้อยเผ่นไปแล้ว!

“รอฉันด้วย รอฉันด้วย!” เสี่ยวอู่กระพรือปีกพึ่บพั่บบินขึ้นมา ตามอยู่ข้างหลัง

ในที่สุดเจ้าเต่าก็โผล่หัวออกมา มองแล้วเดินตามอย่างช้าๆ

นอกห้องพักผ่อน ถังเถียนเถียนกำลังกำชับให้คนเตรียมชายามบ่ายอะไรสักอย่าง ระวัง...

สุดท้ายก็เห็นเสี่ยวซู่เป่าวิ่งเท้าเปล่า ถือกระบี่ไม้เล่มเล็กเล่มหนึ่ง ปากตะโกนหึๆ ฮ่าๆ วิ่งตึงตังๆๆ ผ่านไป

ถังเถียนเถียนยังไม่ทันได้เรียกเธอ ก็เห็นซูลั่ววิ่งตามมาติดๆ อยู่ข้างหลังซู่เป่า

ข้างหลังซูลั่วคือนกแก้วตัวหนึ่ง

ถังเถียนเถียนชะเง้อชะแง้มองข้างหลังทีหนึ่งตามสัญชาตญาณ เห็นเพียงแต่ปลายทางเดินไกลๆ ไม่นึกเลยว่ายังมีเต่าอีกตัวหนึ่งเดินตามมาด้วย

“???”

หันมาอีกที ก็เห็นเพียงแต่บรรพบุรุษตัวน้อยถือกระบี่ไม้ท้อเล่มน้อยเล่นอย่างสนุกสนาน แถมปากยังตะโกนว่า “ออกไปๆๆ!”

นกแก้วตามมาผสมโรงด้วย กระพรือปีกพึ่บพั่บ บินว่อนไปทั่ว

พนักงานในออฟฟิศสองสามคนรีบลุกขึ้นมาแล้วมองไปที่ซู่เป่าอย่างตกใจ “นี่ เจ้าหนูน้อย นี่ๆๆ จะมาเล่นตรงนี้ไม่ได้นะ...”

ซู่เป่ากระหืดหระหอบยกใหญ่ พูดขอโทษอย่างเสียงอ่อนเสียงหวาน “ขอโทษค่ะ! เดี๋ยวหนูจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอนค่ะ...”

ถังเถียนเถียนเห็นท่าทางนี้ ไม่รู้ทำไมขนหลังถึงเสียวสันหลังวาบ

นี่คงไม่ใช่ว่า...กำลังจับผีอยู่หรอกนะ!

เขาให้คนในออฟฟิศออกไปทั้งหมดอย่างไม่ลังเล ให้หยุดงานครึ่งวันไปเลย

เหล่าพนักงานส่งเสียงดีใจดังกันกึกก้อง ถูกความเซอร์ไพรส์แสนปุบปับนี้ทำให้เป็นลมไปแล้ว ต่างหยิบกระเป๋า โทรศัพท์อะไรต่างๆ ของตัวเองขึ้นมาแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว

ผีสาวถูกฟันไปหลายที อ่อนกำลังลงเรื่อยๆ แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงสลัดซู่เป่าออกไปไม่ได้สักที

“ตามฉันมาทำไม!” เธอกระหืดกระหอบ

ซู่เป่ายังไม่ทันได้ตอบ เสี่ยวอู่ก็ตะเบ็งเสียงพูดตอบกลับไปประโยคหนึ่ง “เพราะเธอมีจือถังเจียงไง!”

ผีสาว “...”

ซู่เป่า “...”

ซูลั่ว “...”

ท้ายที่สุด หลังซู่เป่าฟันไปยี่สิบสามสิบครั้ง ผีสาวก็เคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว เธอนอนอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลน อยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตาออกมา

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย...

เพื่อจะได้ตามซูลั่วได้ทั้งวันทั้งคืน เธอไม่คิดเสียดายเลยที่กระโดดตึกฆ่าตัวตาย

หากถูกจี้ฉางคนนั้นจับก็แล้วไป แต่ดันถูกเจ้าเด็กน้อยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมในชุดนักเรียนสยบเสียอย่างนั้น

เธอไม่ยินยอมจริงๆ คับแค้นใจเอามากๆ!

“ปล่อยฉันไปไม่ได้เหรอ” ผีสาวเจียวเจียวพูดอย่างอ่อนแรง “ฉันรับรองว่าจะไม่ทำร้ายพี่แล้ว โอเคไหม ฉันแค่อยากตามไปอยู่ข้างกายเขาก็พอแล้ว...”

“จริงๆ นะ แค่ฉันได้เห็นพี่ทุกวันก็พอแล้ว...”

เจียวเจียวร้องไห้ เธอไม่อยากทำให้ซูลั่วอีกแล้ว เธอแค่อยากได้เห็นเขาทุกวัน ดูว่าตอนเช้าเขาตื่นกี่โมง ตื่นนอนแล้วแปรงฟันก่อนหรือว่าเข้าส้วมก่อน...กินข้าวเยอะไหม ตอนนอนใส่ชุดอะไร ตอนกลางคืนถ้าฝันแล้วจะละเมอพูดไหม...

ความต้องการของเธอไม่มากเลยจริงๆ!

ซู่เป่าส่ายหน้า ปฏิเสธไปทันที “ไม่ได้”

ผีมาตามอยู่ข้างกายคน มีแต่จะเป็นภัยต่อผู้คนและไม่มีประโยชน์

ถ้าเจียวเจียวมาคอยตามติดอยู่ข้างกายลุงสี่จริงๆ นานวันร่างกายลุงสี่ก็จะอ่อนแอ ชี่พร่อง เคราะห์ร้ายรัดตัว กระทั่งชะตาชีวิตขาดเป็นแน่

“เอ่อ หนูถามพี่หน่อย ผีร้ายที่มากับพี่ตนนั้น เขาเป็นใครเหรอคะ” ซู่เป่าถามขึ้น

นัยน์ตาของผีสาวเจียวเจียวเป็นประกายเล็กน้อย จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ฉันบอกแล้วเธอจะปล่อยฉันไปเหรอ”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่มีทาง!”

เจียวเจียวหลับตาโดยพลัน “งั้นทำไมฉันต้องบอกด้วยล่ะ”

ซู่เป่ายกกระบี่ไม้ท้อขึ้นมา “ได้เลยๆ งั้นฉันจะลองอีกวิชาที่อาจารย์สอนฉันดู”

เรียกว่าวิชาความหล่อสะกดผู้คน...

เจียวเจียวรีบลืมตาขึ้นมาโดยพลัน โกรธจะตายอยู่แล้ว

ก็คือวิชา “ออกไปๆๆ” อะไรนี่แหละ ถึงยังไงก็ฟันเธอไม่ตาย ฟันลงไปล้วนเป็นการทรมานอย่างหนักสำหรับเธอ!

แล้วยังมีวิชาใหม่อะไรมาอีก!

“ฉันยอมพูดแล้ว!” เจียวเจียวกัดฟันและร้องไห้ “ฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นผีร้าย เขาบอกว่าช่วยฉันได้ เงื่อนไขเดียวคือซ่อนตัวในร่างฉันบางเวลาก็พอแล้ว...”

ซู่เป่าขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร

ทำไมเขาต้องซ่อนในร่างของผีด้วย หากอยากกลืนไอพิฆาต ก็ไปกลืนกินผีตายโหงไปเลยนั่นไม่ดีกว่าเหรอ

ซู่เป่าคิดยังไงก็คิดไม่ตก จึงฟันผีสาวไปทีหนึ่ง นวดเล็กน้อยแล้วปั้นเธอเป็นก้อนไอพิฆาต จากนั้นยัดเธอเข้าไปในน้ำเต้าวิญญาณ

“พี่เขียวเจียว ไม่ต้องไปตีลังกาแช่หัวอยู่นรกขุมมูลเดือดหรอก! พี่คงไปไม่ได้หรอก!”

ตอนที่พูดจบ ผีสาวเองก็สลายร่างกลายเป็นไอพิฆาตและถูกน้ำเต้าดูดเก็บไป

เสียงเรียกอันน่าเวทนาของผีสาวค่อยเลือนๆ หายไป...

ซูลั่วพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก “เธอตายแล้วเหรอ”

ซู่เป่าพูดขึ้นว่า “เธอตายตั้งนานแล้ว!”

ซูลั่วพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็ถามขึ้นว่า “ซู่เป่า โลกใต้พิภพมีนรกขุมมูลเดือดจริงๆ เหรอ”

ซู่เป่าพูดขึ้นว่า “นี่ต้องว่ากันทีละอย่างนะ”

“อาจารย์บอกว่า นรกสิบแปดขุมในลัทธิเต๋าหมายถึงดึงลิ้น ตัดด้วยมีด ต้นไม้เหล็ก กระจกชั่วร้าย เข่งนึ่ง เสาทองแดง ภูเขามีด ภูเขาน้ำแข็ง หม้อน้ำมัน หลุมวัว หินทับ ตำครก บ่อโลหิต ตายอย่างอยุติธรรม ตรึงไม้กางเขน ภูเขาไฟ หินบด กระบี่และเชือดเฉือน...”

ซูลั่วสงสัย “ไม่มีขุมมูลเดือดนี่”

ซู่เป่ามองเขาอย่างประหลาดใจ “ทำไมเหรอคะ ลุงสี่อยากไปเหรอ”

สีหน้าของซูลั่วหม่นหมอง “ก็แค่...ถามเฉยๆ”

ซู่เป่ากลับพูดอย่างใบหน้าผ่อนคลาย “นรกขุมมูลเดือดเป็นการพูดของศาสนาพุทธ จะบอกว่าไม่มีก็ไม่ได้”

รายละเอียดเป็นยังไง เธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน!

เรื่องนี้ต้องถามอาจารย์แล้วละ

ซู่เป่าทำภารกิจเสร็จสิ้น ครั้งนี้ไม่บาดเจ็บเลย เธอเก่งกาจสุดๆ!

หนูน้อยดีใจราวกับนกตัวน้อยที่มีความสุข เดินไปเดินมาระหว่างโต๊ะที่ออฟฟิศอย่างมีความสุข และไม่ลืมที่จะเก็บกวาดทำความสะอาด

ถังเถียนเถียนหดคอมองไปรอบๆ ขณะนี้เองถึงพูดขึ้นว่า “คุณหนูซู่เป่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง...”

ซู่เป่ามองเขา “ลุงถัง หนูคิดว่าลุงนั่งยองลงไปไม่ได้นะคะ”

ถังเถียนเถียน “…”

นั่งยองลงไปไม่ได้จริงๆ

เขาไม่เชื่อแต่ยังดื้อดึง สุดท้ายกระดุมที่ท้องกระเด็นออกมาดังปัง ดีดปิ๊วไปโดนเสี่ยวอู่พอดี

ทันใดนั้นเสี่ยวอู่ก็ร้องเสียงดังแว๊กๆ “เกิดเรื่องแล้ว! ตาอ้วนไม่รู้จักคุณธรรมในการต่อสู้ ไม่นึกเลยว่าจะใช้อาวุธลับด้วยแหน่ะ!”

พูดไปพลางบินไปทางทางเดิน

คุณปู่เต่าปีนขึ้นมาบนทางเข้าทางเดินทีละน้อย ผลคือถูกขาของเสี่ยวอู่เหยียบเข้าบนหัว

เจ้าเต่า “...”

รังแกเพราะมันพูดไม่ได้เหรอ

หนานเฉิน หน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีตึกสูงสมัยใหม่สองหลังตั้งตระหง่านอยู่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ชั้นล่างสุดของตึกเป็นศูนย์การค้า ด้านข้างของชั้นลอยเป็นอาคารสำนักงาน บริษัทเล็กๆ มากมายมาเช่าเปิดหน้าร้านอยู่ที่นี่

ด้านข้างชั้นบนสุดของอาคารถูกเถ้าแก่สองสามคนเช่าทำเป็นโรงแรมและคอนโด ห้องที่นี่ตกแต่งในสไตล์แฟชั่นของคนหนุ่มสาว สามารถเช่าได้ทั้งแบบรายวันและรายเดือน ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงหมุนเวียนกันมาอย่างมากมาย คนที่มาในแต่ละวันนอกจากพนักงานของบริษัทเล็กๆ แต่ละแห่งแล้ว ยังมีพวกพนักงานธรรมดาต่างๆ นานา นักศึกษามหาวิทยาลัยรอบๆ และครอบครัวเล็กๆ ที่ซื้อห้องไม่ไหวเป็นต้น

วันนี้เป็นวันก่อนวันหยุดเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง เนื่องจากเป็นวันหยุดชดเชย ถัดไปอีกสองวันถึงจะเป็นวันเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ก่อนและหลังเทศกาลรวมกันแล้วมีวันหยุดสี่วัน ฉะนั้นคนส่วนมากจึงกลับบ้านกันหมด

หอพักดอกท้อที่ปกติครึกครื้นกลับเงียบสงัด

เมื่อถึงเวลาห้าทุ่มกว่า ศูนย์การค้าชั้นล่างต่างปิดกันหมดแล้ว อาคารสูงทั้งสองค่อยๆ เงียบสงัดลง มีเพียงแสงไฟของบนชั้นสูงเป็นหย่อมๆ เผยให้เห็นว่าสองอาคารนี้ยังมีคนอยู่

ไม่มีใครสังเกตเห็น ทันใดนั้นห้องหนึ่งบนชั้นยี่สิบหกก็มีแสงสีแดงสลัวๆ วาบขึ้นมา สีแดงสด น่าสงสัยอยู่เล็กน้อย...

หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะหนังสือ บนโต๊ะหนังสือวางกระจกเอาไว้บานหนึ่ง สองข้างกระจกจุดเทียนเอาไว้สองเล่ม

เธออยู่ในชุดชุดซิ่วเหอสีแดง ทาลิปสติกสีแดงหน้ากระจก หัวเราะฮ่าๆ ทีหนึ่ง

“ได้เวลาแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน