ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 195

ยามเที่ยงคืน ในตึกสูงตรงข้ามกับหอพักดอกท้อ ชายหนุ่มคนหนึ่งย้ายม้านั่งตัวหนึ่ง กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ตรงระเบียงของหอ

เขาเงยหน้ามองแวบหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ สุดท้ายเห็นผู้หญิงในชุดแดงกำลังปีนขึ้นระเบียงพอดี

นัยน์ตาของชายหนุ่มหดเล็กโดยพลัน โทรศัพท์ที่อยู่ในมือตกลงมา!

ในค่ำคืนอันแสนเงียบสงัด เสียงนี้ชัดเจนเป็นพิเศษ หญิงสาวที่อยู่ในชุดแดงตรงหน้าเงยหน้าราวกับมีความรู้สึก มองมาแบบลอยๆ ทีหนึ่ง

เธอหัวเราะอย่างพิลึกกึกกือ ทันใดนั้นก็กระโดดลงจากระเบียง!

“อ๊า...”

ชายหนุ่มตื่นกลัวเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องเปล่งเสียงออกมา เสียงกรีดร้องทำลายบรรยากาศค่ำคืนอันแสนเงียบสงัด...

วันหยุดแล้ว บ้านตระกูลซูครึกครื้นเป็นอย่างมาก

ซูอิ๋งเอ๋อร์และซูจื่อหลินไม่ต้องพูดถึง คงได้หยุดตรงเวลาแน่นอน

ซูอี้เซินยังเข้าเวรอยู่ ตอนกลางคืนถึงจะกลับมา

ซูอีเฉินยังทำงานอยู่ที่บ้าน ซูลั่วเองก็อยู่ ส่วนซูเยว่เฟยจะกลับได้พรุ่งนี้

ลูกชายคนที่หกซูจิ่นม่อและลูกชายคนที่เจ็ดซูอวิ๋นเจา คนหนึ่งคือคนของฝ่ายวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ อีกคนมีลักษณะงานพิเศษ กลับบ้านในวันหยุดไม่ได้

อันที่จริงซู่เป่าเองก็ไม่รู้ว่าลุงหกกับลุงเจ็ดทำงานอะไร รู้เพียงแค่ว่าเคยเจอที่หนานเฉิงครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้เจออีกเลย

ในห้องครัว มู่กุยฝานกำลังบดเนื้อให้ละเอียดตังๆๆ

ป้าอู๋ย้ายวัตถุดิบห่อบ๊ะจ่างไปไว้ในห้องทานอาหาร ซู่เป่ากับหานหานนั่งอยู่บนม้านั่งตัวน้อย ในอ้อมแขนกอดบ๊ะจ่างห่อน้อยเอาไว้และกำลังใช้แรงมัด

นายหญิงซูพูดขึ้นว่า “ซู่เป่า หานหาน ระวังหน่อยนะ ตอกไม้ไผ่อันนี้มันคมมาก...”

พวกเขาใช้ใบไผ่ห่อบ๊ะจ่าย ทำไส้เนื้อบดผงห้าเครื่องเทศ ไส้เนื้อบดแดงน้ำเงิน นี่คือบ๊ะจ่างไส้เค็ม นอกจากบ๊ะจ่างไส้เค็มแล้วยังทำไส้พุทราและไส้ถั่วแดงกวนเป็นไส้หวานอีกด้วย

บ๊ะจ่างไส้เค็มใช้ไม้ไผ่ที่ฝานออกมาเป็นตอกเล็กๆ บางๆ เหมือนกัน เป็นวิธีดั้งเดิมของทางใต้ และสิ่งที่ใช้มัดไส้หวานคือเชือกเส้นเล็กๆ การทำแบบนี้จะทำให้แยกไส้หวานกับไส้เค็มออก

ซู่เป่าพูดขึ้นว่า “คุณยายวางใจเถอะค่ะ ซู่เป่าอยากห่อบ๊ะจ่างเอง ลุงใหญ่บอกว่าจะกินสองลูก ลุงสองกับลุงห้าบอกว่าจะกินแปดลูก ลุงสามอยากกินสองลูก ลุงสี่อยากกินสิบเอ็ดลูก...”

แล้วก็ยังมีลุงแปด ยังมีพี่หานหาน พี่เหอเหวินแล้วก็พี่จื่อซี

คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ เสี่ยวอู่แล้วก็คุณปู่เต่า...

นับไปนับมา...เยอะเหมือนกันนะเนี่ย

นายหญิงซูจนใจหลุดหัวเราะ “งั้นซู่เป่าอยากกินกี่ลูกล่ะ”

ซู่เป่าเอ๊ะขึ้นมาเสียงหนึ่ง “ไอ้หยา เกือบลืมนับตัวหนูไปด้วยแล้วเชียว! อืม...หนูอยากกินห้าหกเจ็ดแปดลูกค่ะ!”

นายหญิงซูหัวเราะเหอะๆ อย่างมีความสุข “งั้นให้ป้าอู๋ห่อก็พอแล้ว เยอะเกินไปแล้ว”

ซู่เป่าพยายามต่อไป “หนูอยากห่อเองค่ะ!”

หานหานยกบ๊ะจ่างขึ้นมาลูกหนึ่ง ห่อใบไผ่สี่ห้าชั้น สุดท้ายไส้ก็ยังโผล่ออกมา เธอร้อนใจจนเกาหัวยิกๆ “ของพวกนี้จะเอาลงต้มหม้อเดียวกันหมดแล้วกินเลยไม่ได้เหรอคะ”

ต้องกินเข้าไปในท้องเหมือนกัน ทำไมต้องเอาใบจ้งมาห่ออีกชั้นด้วย

แถมตอนกินยังต้องลอกออกอีก ช่างลำบากเกินไปแล้วจริงๆ!

ซู่เป่าทำท่าทางราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย “พี่หานหาน พี่ไม่เข้าใจเลย นี่เรียกว่าความรู้สึกเป็นขั้นเป็นตอน!”

แม่บอกเอาไว้ว่าจะขาดความรู้สึกเป็นขั้นเป็นตอนไปไม่ได้

หานหานไร้ซึ่งความอดทน ห่อสองลูกแต่ก็ไม่สำเร็จ เธอโมโหจนโยนบ๊ะจ่างลง แล้วพูดเสียงดังว่า “ไม่ห่อแล้ว! ถ้าฉันห่ออีกฉันก็เป็นหมาแล้ว!”

ต่อให้น้องสาวอยู่ตรงนี้ก็ไร้ประโยชน์!

หานหานเซ็งเป็นอย่างมาก เดิมเพราะเห็นซู่เป่านั่งอยู่ เธอถึงเดินมา

ซู่เป่าหัวเราะขึ้นฮ่าๆ “พี่หานหาน ให้คำสัญญาส่งๆ จะเดือดร้อนเอานะ!”

ป้าอู๋เองก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ห่อก็ไม่ห่อสิ เดี๋ยวฉันทำเองก็เรียบร้อยแล้ว”

หานหานโยนของแล้ววิ่งไปยังห้องรับแขก จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น...

ซูจื่อหลินลงมาจากชั้นบนพอดี ในมือถือหนังสือเรียนอักษรจีนสองเล่ม

สีหน้าของหานหานเปลี่ยนไปในทันใด จากนั้นรีบพูดขึ้นว่า “พ่อคะ หนูจะไปห่อบ๊ะจ่าง!”

ซู่เป่าเงยหน้า “พี่หานหานไม่ได้นะ พี่จะกลายเป็นเจ้าหมาน้อยนะ!”

หานหานไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ต่อให้ต้องกลายเป็นหมาเธอก็ไม่อยากเรียน!

ใครจะไปคิดว่าสีหน้าของซูจื่อหลินจะจริงจังและเข็มงวด “หยุด!”

หานหานร้องไห้ทำหน้าเศร้า “พ่อคะ วันนี้วันหยุด ไม่เรียนไม่ได้เหรอคะ”

ซูจื่อหลิน “ไม่ได้”

หานหานทำได้เพียงแค่จำใจนั่งลงไป มองหนังสือเรียนอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ในห้องรับแขกได้ยินเสียงซูจื่อหลินสอนเธออ่านหนังสือเป็นช่วงๆ

บ้านตระกูลซูสงบสุขและอบอุ่น นี่เป็นภาพที่ไม่เคยมีมานานหลายปีแล้ว...

เพียงแต่เสียงโกรธของซูจื่อหลินทำลายบรรยากาศอยู่เล็กน้อย

“ประโยคนี้ ต้องใช้สำนวนไหน (ต้องตั้งใจอ่านหนังสือ อนาคตถึงจะได้...) ลูกพูดมาสิสำนวนไหน! พ่อเพิ่งสอนลูกไปเองนะ!”

หานหานใจลอย จิตใจดูไม่อยู่เนื้อกับตัวอย่างเห็นได้ชัด มองช่องว่างแล้วพูดขึ้นว่า “ตั้งใจอ่านหนังสือ อนาคตคนจะได้ถูกประหารลงพื้น...”

ซูเหอเวิ่นขำพรืดขึ้นมาทีหนึ่ง

ซูจื่อหลินจะพองขนแล้ว แทบจะทุบหนังสือเรียนจนเละ “โดดเด่นเหนือกว่าพื้นเพคนอื่นไง! โดดเด่นเหนือกว่าพื้นเพคนอื่นไง! ตั้งใจอ่านหนังสือในอนาคตจะได้โดดเด่นกว่าคนอื่น!”

หานหาน “ไม่เห็นเป็นไรเลย ความหมายของสองคำนี้ใกล้เคียงกันไม่ใช่เหรอคะ!”

มีคำว่าคนเหมือนกัน

มีคำว่าพื้นเหมือนกัน

อืม ก็ไม่มีปัญหานี่

หานหานคิดว่าที่ตัวเองพูดไม่มีปัญหาเลยสักนิด

ซูจื่อหลิน “…”

ลุงรองที่ไม่ชอบพูดเยอะ ซื่อสัตย์และซื่อตรงมาตลอด ตอนนี้กลับโมโหเกือบตาย

ซูเหอเหวินรับไม่ได้แล้วจริงๆ จึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ความหมายของคนถูกสังหารลงพื้นคือคนถูกฆ่าหรือถูกลงโทษประหารชีวิต โดดเด่นเหนือกว่าพื้นเพคนอื่นหมายถึงอยู่สูงกว่าคนอื่น เหนือคนธรรมดาทั่วไป อธิบายถึงคุณงามความดีและความสามารถเหนือกว่าผู้คนหรือประสบความสำเร็จแล้วโดนเด่นดีกว่าคนอื่น”

หานหานสงสัย “หนูไม่อยากดีกว่าคนอื่นนี่!”

หูของซูจื่อหลินแดงไปหมดแล้ว “ถึงอย่างนั้นก็ถูกคนฆ่าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”

หานหาน “อืม...งั้นสร้างประวัติศาสตร์ล่ะคะ”

ซูจื่อหลิน ฮุ่ย

ซู่เปล่าแลบลิ้นออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “พี่หานหานนี่เป็นเด็กกากจริงๆ!”

สายตาของนายหญิงซูแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ทำทีท่าราวกับไม่ได้ร้อนใจอะไรมากมาย จากนั้นพูดขึ้นว่า “งั้นต่อไปซู่เป่าก็ต้องขยันนะ วันข้างหน้าจะได้ดูแลพี่หานหาน”

สมองน้อยๆ ของซู่เป่าสั่นไหวราวกับป๋องแป๋ง “ดูแลพี่หานหานไม่ไหวหรอกค่ะ!”

คราวก่อนพี่เหอเหวินผู้ที่เก่งกาจขนาดนั้นเป็นคนสอนเธอ ยังโมโหจนปิดประตูอย่างแรงแล้วเดินออกไป

พี่หานหานนอนเก่งมาก ส่วนอย่างอื่นดูแลไม่ไหวจริงๆ...

ซูจื่อหลินยิ่งมองก็ยิ่งโกรธ โดยเฉพาะเมื่อเห็นซูจื่อซีที่ถูกบังคับให้ออกจากห้อง ถูกห้ามไม่ให้เล่นเกมในห้องอีกยังพาดตัวอยู่บนโซฟาอย่างกะปลกกะเปลี้ย

ความโกรธจากหลายสาเหตุที่สะสมมานานในที่สุดก็จุดชนวนขึ้นมา

“ซูจื่อซี โจทย์วิชาคณิตของแกทำเสร็จแล้วหรือยัง เอาอย่างพี่เหอเวิ่นของแกบ้างสิ!”

ในบ้านมีสุดยอดตัวท็อปสองคน แต่ทำไมลูกสองคนนี้ของเขาถึงเป็นเด็กกากนะ...

ซูจื่อซีลุกขึ้นนั่งพรึ่บ พูดขึ้นอย่างไร้ซึ่งความอดทนว่า “จุกจิกจู้จี้จะตายอยู่แล้ว! ผมไม่อยากทำผมก็จะไม่ทำ พ่อยุ่งได้เหรอ”

เขาเค้นเสียงหึเสียงหนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน ไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียวแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะเล่นเกมต่อ

เขาจะเล่นเกมต่อ

มีสิทธิ์อะไรไม่ให้เขาเล่น!

เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!

ซูจื่อซีหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ไม่ทันระวังไปดันแตะวิดีโอหนึ่งในกลุ่มเกมเด้งขึ้นมา

ในภาพ เด็กผู้หญิงสวมชุดแดงคนหนึ่งมองมาไกลๆ ยิ้มอย่างพิลึกกึกกือ จากนั้นก็กระโดดลงมาจากตึก

จากนั้นตามมาด้วยภาพสยดสยองเอาหัวทิ่มลงพื้นและดวงตาเบิกกว้างของเด็กหญิง…

ซูจื่อซีตกใจจนมือสั่น โยนโทรศัพท์ออกไปตามสัญชาตญาณ!

ซูเหอเวิ่นนั่งอยู่ทางบาร์ กำลังพยายามคำนวณอะไรบางอย่าง สมุดเล่มใหญ่ทั้งสองเต็มไปด้วยการจดบันทึก

สุดท้ายโทรศัพท์ของซูจื่อซีก็ลอยมาตกอยู่บนศีรษะของเขา...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน