ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 197

ทันใดนั้นซูจื่อซีที่จ้องผีสาวอยู่นานสองนานก็หัวเราะเยาะขึ้นทีหนึ่ง กลอกตาขาวอย่างดูถูก

แสร้งทำเป็นผีอะไรกัน

ทำไมเหรอ ปราบเขาไม่ได้ฉะนั้นก็เลยใช้ลูกไม้แสร้งทำเป็นผีอย่างนี้เหรอ คิดว่าเขาจะกลัวจนขี้หดตดหายร้องไห้โฮ จากนั้นก็เชื่อฟังอย่างว่านอนสอนง่ายเหรอ

ซูจื่อซีถ่มน้ำลายออกมาทีหนึ่ง กำลังจะหมุนตัวกลับห้อง

ทันใดนั้น ผีสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อครู่ก็หายตัวไปในชั่วพริบตา!

ซูจื่อซี “…”

เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง

เขาคงตาลายไปเอง

ซูจื่อซีขยี้ตา สงสัยว่าเมื่อครู่ตัวเองตาฝาดไปเองหรือเปล่า หรือว่าเขาเจอผีเข้าแล้วจริงๆ!

ในใจเขาเสียววาบ เพิ่มความเร็วของฝีเท้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มักรู้สึกว่ามีผีลอยอบู่บนหัวของเขา!

ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะแสนพิลึกกึกกือดังขึ้นมาข้างหู “หึๆๆ...”

โบราณกล่าวไว้ว่า ไม่กลัวผีร้องไห้ก็กลัวผีหัวเราะ ซูจื่อซีเผ่นแนบ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงกรีดร้องออกมา

“แม่เจ้า...”

คนในตระกูลซูกำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะกินข้าว กินกันเกือบจะอิ่มแล้ว

ไม่มีใครโอ๋ซูจื่อซี ฉะนั้นจึงไม่มีใครเก็บอาหารเอาไว้ให้เขา และไม่ไปเรียกเขาอีก

สุดท้ายก็เห็นซูจื่อซีวิ่งเข้ามาฟิ้ว ปากยังพูดว่าแม่เจ้าอีกด้วย

มุมปากของคุณท่านซูกระตุก พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “ร้องหาสวรรค์วิมานอะไร”

แสงไฟแสนอบอุ่นห่อหุ้มทั้งร่างเอาไว้ ความรู้สึกหายใจไม่ออกแบบนั้นของซูจื่อซีจึงค่อยๆ มลายหายไป จากนั้นเขาก็รวบรวมความกล้าหันกลับไปมองทีหนึ่ง

เบื้องหลังว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยนี่นา...

หรือเขาตาลายไปแล้วจริงๆ

ซูจื่อซีชักสายตากลับ จ้องมู่กุยฝานทีหนึ่ง

ต้องโทษเขา ถ้าไม่ถูกมู่กุยฝานฆ่าในเกมจนบ้า เขาจะตาฝาดได้เหรอ

“คุณย่าครับ ยังมีอะไรให้กินไหมครับ” เดิมซูจื่อซีอยากขึ้นข้างบน แต่ผีดลบันดาลให้ต้องเดินมาข้างโต๊ะกินข้าว

เพราะตรงนี้คนเยอะ...

นายหญิงซูสีหน้าเคร่งขรึม ไม่อยากสนใจซูจื่อซี

“ไม่มีแล้ว เวลากินข้าวให้กินไม่กิน ก็อย่ามาถามหาว่ามีอะไรกินบ้าง!”

ซูจื่อซีเบ้ปาก “เชอะ! ยายแก่ขู่ใครน่ะ”

ซูจื่อหลินวางตะเกียบอย่างแรง แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกเรียกคุณย่าว่าอะไรนะ พูดใหม่อีกทีซิ!”

ซูจื่อซีหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วพูดขึ้นอย่างไม่แยแสเป็นเอามากๆ “โย่ๆ น่ากลัวจังเลยๆ! องค์ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ เรียกองค์ไทเฮาโอเคแล้วใช่ไหมครับ”

“พระวรกายองค์ไทเฮายังดีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมาถวายพระพรแล้ว!”

เห็นท่าทางอันแสนดื้อรั้นของเขาแล้ว ซูจื่อหลินโกรธจนอยากซัดถ้วยใส่เขา

แต่กลับเห็นซูจื่อซีมองไปรอบๆ ทีหนึ่ง สายตาไปสะดุดตรงจานมะเขือ “นี่ยังมีของกินอยู่ไม่ใช่เหรอ มะเขือผัดเนื้อสับใช่ไหม ผมชอบ!”

“ฮ่า มีโหยวหลินจีด้วย วันนี้อาหารไม่เลวทีเดียว!”

ทันใดนั้นทุกคนต่างก็เงียบลง

มู่กุยฝานขมวดคิ้ว กอดอกมองเขา

ซูจื่อซีคีบมะเขือขึ้นมา มองอย่างสงสัยทีหนึ่ง “มองอะไรน่ะ มีอะไรให้มองเหรอ...”

หึๆ ไม่อยากให้เขากินใช่ไหม

ฉะนั้นทุกคนจึงทำหน้าตาบูดบึ้งออกมา รังเกียจเขาเหรอ

ซูจื่อซีไม่อยากให้เป็นไปตามที่พวกเขาหวัง คีบมะเขือคำโตเข้าปากไปทั้งอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังเคี้ยวไปสองสามคำอย่างพอใจ

วินาทีต่อมา

เขาคายพรวดออกมาอย่างแรงทีหนึ่ง คายมะเขือและเนื้อสับที่อยู่ในปากออกมาทั้งหมด

“นี่มันอะไรกันเนี่ย!” ปากของเขาบิดเบี้ยวไปหมด

มะเขือสีม่วงดูสวยสดงดงามมันวาว เขายึกว่าจะอร่อยมากๆ สุดท้ายไม่สุก!

เรื่องนี้ช่างเถอะ แต่เนื้อสับนั่นก็เค็มเสียจนฝืดคอ!

ซูจื่อซีกรอกน้ำลงคอไปแก้วหนึ่งอย่างแรง ขณะนี้เองถึงดึงสติกลับมาอย่างยากลำบาก

“แม่เจ้า บนโลกใบนี้ยังมีอะไรที่เค็มและรสชาติแย่กว่าเจ้านี่อีกไหม หมาทันยังไม่กินเลย!”

ทุกคนเงียบไม่พูดอะไร

ซู่เป่ามองทุกคน แล้วมองไปที่ซูจื่อซี

เอาละ ถ้าทุกคนไม่พูด เธอเองก็จะไม่พูดเหมือนกัน

อันที่จริงเธออยากบอกพี่จื่อซี แน่นอนว่ายิ่งเค็มอยู่แล้ว โดยเฉพาะไก่นั่นยิ่งเค็มขึ้นไปอีก...

ทั้งวันแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องซูจื่อซี ดื่มน้ำแก้วหนึ่งลงไปก็ทรมานจะแย่ ดังนั้นจึงมองไปที่โหยวหลินจีจานนั้นอีกครั้ง

ไก่ทุกชิ้นล้วนเป็นสีเหลืองอร่าม ดูน่ากินจริงๆ!

ซูจื่อซีน้ำลายไหลหมดแล้ว คีบเนื้อไก่กระดูกบางเนื้อหนาขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็ใส่เข้าไปในปาก วินาทีต่อมาก็คายออกมาอย่างที่คิดเอาไว้

“ถุ้ย!”

เขาถ่มน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า และกรอกน้ำเข้าไปในปากสามแก้ว พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “มีอาหารที่เค็มกว่ามะเขือนั่นจริงๆ ด้วย! ใครเป็นคนทำเนี่ย เป็นของที่คนกินได้เหรอ”

มู่กุยฝานกอดอก พูดขึ้นอย่างลอยๆ ว่า “ฉันเป็นคนทำเอง”

ทันใดนั้นคำพูดของซูจื่อซีก็ชะงักไป เขาสำลักน้ำลาย

มู่กุยฝานมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ฉันไม่ชอบที่คนอื่นบอกว่าฉันทำอาหารไม่อร่อย”

“มา อาหารสองอย่างนี้ทำให้นายโดยเฉพาะเลย กินสิ”

ซูจื่อซี “…”

มู่กุยฝาน “โอ๊ะจริงสิ เค็มใช่ไหม ป้าอู๋ รบกวนคุณช่วยหยิบกะละมังมาใบหนึ่งแล้วใส่น้ำสะอาดให้เต็มกะละมังเลยนะ”

ซูจื่อซีแค่นคอ “อา อาจะเอากะละมังใส่น้ำมาทำไม...”

มู่กุยฝานหัวเราะอย่าง ‘รู้ใจ’ “ล้างให้นายกินไง”

ซูจื่อซี “…”

เขาหัวเราะอย่างเย็นชา เป็นแค่คนนอกแต่คิดจะปราบเขางั้นเหรอ

ตระกูลซูให้คนนอกอย่างเขาพูดตั้งแต่เมื่อไร!

พ่อ คุณปู่ และคุณย่าของเขาไม่มีใครว่าอะไร เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน

ซูจื่อซีรีบยกเก้าอี้ออกไป

ทันใดนั้นมู่กุยฝานก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดโปรแกรมหนึ่งขึ้นมา ได้ยินเพียงเสียงที่ทั้งน่ารักและคุ้นหูออกมา ทิมิ

ซู่เป่ารีบไปเกาะแกะ ดูมู่กุยฝานเล่นเกม

“พ่อคะ พวกนี้คืออะไรเหรอคะ”

มู่กุยฝาน “พวกนี้คือบทบาทฮีโร่ สามารถเลือกฮีโร่ที่ตัวเองชอบได้”

ซู่เป่าเข้าใจในทันที “งั้นพ่อชอบฮีโร่แบบไหนเหรอคะ”

มู่กุยฝาน “อืม พ่อชอบเจินจี”

ซู่เป่าจ้องการ์ตูนสาวสวยบนหน้าจอ จากนั้นถามขึ้นว่า “ทำไมเหรอคะ”

มู่กุยฝาน “เพราะเจินจีป๋าไช่ได้” (**คำนี้พ้องเสียงกับคำว่าเล่นเกมกาก)

ซู่เป่าหมกมุ่นอยู่กับความคิดตัวเอง สงสัยและพูดซ้ำอย่างไร้เดียงสา “เจินจี...ป๋าไช่”

มู่กุยฝาน “ใช่แล้ว ฉลาดจริงๆ”

ซูอีเฉิน “…”

ซูจื่อซีกัดฟันแล้วนั่งลง เห็นป้าอู๋ยกกะละมังน้ำมาจริงๆ ก็ยิ่งโมโหจนถลึงตาใส่เธอไปทีหนึ่ง

เขาเทจานเนื้อไก่ลงไปในน้ำอย่างไม่สบอารมณ์ ซู่ๆ...

รู้สึกว่ารสเค็มน่าจะถูกชะล้างไปเกือบหมดแล้ว ขณะนี้เองถึงกัดไปคำหนึ่งอย่างระมัดระวัง

สุดท้าย...

“ไก่นี่มันเค็มเข้าเนื้อแล้ว! ”เนื้อแดดเดียวของเทศกาลล่าปายังไม่เค็มเข้าเนื้อเท่ามันเลย!

เค็มขนาดนี้ ไม่ว่าจะล้างน้ำกี่กะละมังก็ไม่หลุดหรอก!

โทรศัพท์ของมู่กุยฝานดังขึ้น ยินดีต้อนรับสู่ ดับเบิลยูแซดแคนยอน!

ซูจื่อซี “…”

โทรศัพท์ของมู่กุยฝาน (ติ๊ง จับคู่ให้คุณสำเร็จแล้ว คู่ต่อสู้คือมู่ซินรื่อมู่จิน ขอบคุณที่คุณใช้xx โปรแกรมเสริมในการจับคู่)

(ติ๊ง! คู่ต่อสู้ออฟไลน์ จัดการต่อสู้อย่างอัตโนมัติให้อีกฝ่ายแล้ว)

ซูจื่อซี “…”

เยี่ยมเลย เขาก็ว่าอยู่ทำไมมู่กุยฝานถึงเอาแต่จับคู่กับเขา!

ปล่อยไว้ให้เล่นอัตโนมัติ...งั้นเขาก็ไม่ต้องยืนให้ถูกฆ่าเหรอ!

“คุณไม่มีคุณธรรมในการต่อสู้!” ซูจื่อซีโกรธจนกระหืดกระหอบ

มู่กุยฝานเงยหน้าขึ้นอย่างไม่แยแส “มีปัญหาเหรอ”

ซูจื่อซี “…”

ในขณะที่ทุกคนคิดว่าซูจื่อซีจะคว่ำโต๊ะแล้วเดินออกไป แต่กลับเห็นเขานั่งลงอย่างกล้ำกลืนความโกรธแค้น หยิบตะเกียบคีบเนื้อไก่ล้างอย่างต่อเนื่อง ล้างไปด้วยพลางกินไปด้วย กินไปด้วยพลางร้องไห้ไปด้วย

นายหญิงซูมองมู่กุยฝานอย่างประหลาดใจ นี่ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ...

ซูจื่อซีกินเนื้อไก่ไปสองสามชิ้น กรอกน้ำตามไปสามแก้ว กินไม่ลงจริงๆ และเขาก็ได้ยินเสียงจบเกมพอดี

(ติ๊ง ด่านนี้เอ็มวีพี ปู้ฝานต้าตี้ เจินจีป๋าไช่ที่สุดในด่านนี้ มู่ซินรื่อมู่จิน) (**เจินจีป๋าไช่ออกเสียงเหมือนด่าว่าเล่นเกมกาก)

ซูจื่อซีร้องไห้โฮ

นี่มันปล่อยให้เล่นอัตโนมัติบ้าบออะไรกัน!

มีการรังแกเด็กแบบนี้ด้วยเหรอ!

“ผมไม่กินแล้ว!” ครั้งนี้ซูจื่อซีโมโหแล้วเดินจากไปจริงๆ เขาหยิบโทรศัพท์แล้วจากไปอย่างโกรธแค้น

ได้ ถือว่ามู่กุยฝานแน่จริงๆ!

เป็นเพราะไม่ได้เข้าไปเล่นไม่ใช่เหรอ อย่างมากเขาก็เปลี่ยนเป็นไอดีสำรอง จะทำอะไรได้ ถึงยังไงไอดีนี้ของเขาก็ไร้ประโยชน์แล้ว!

ยังคิดจะปราบเขาอีกงั้นเหรอ

ฝันไปเถอะ!

บนโลกใบนี้ ยังไม่เคยมีใครที่ปราบเขาอยู่หมัดมาก่อน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน