ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 198

ซูจื่อหลินมองซูจื่อซีที่ตึงๆๆ ขึ้นข้างบนไป โกรธจนโรคหัวใจแทบจะกำเริบออกมา

นายหญิงซูถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ช่างเถอะ เด็กคนนี้เปล่าประโยชน์”

ตอนที่เหวยหว่านยังอยู่เธอเองก็ไม่สนใจเขา และไม่ให้คนอื่นสนใจด้วยเช่นกัน

ทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปก้าวก่ายเรื่องการอบรมสั่งสอนก็จะถูกเหวยหว่านพูดต่อต้านอย่างรุนแรง บอกว่าลูกของเธอเธอสอนเองได้ รอเขาโตก็จะดีขึ้นเอง!

แต่ตอนเด็กๆ ไม่รู้จักสั่งสอนให้ดี แล้วจะหวังว่าพอเขาโตแล้วจะว่านอนสอนง่ายในทันตาได้ยังไง

ซู่เป่าพูดแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าของผู้ใหญ่ตัวน้อย “หมดหวังแล้วจริงๆ เหรอคะ”

ซูอิ๋งเอ๋อร์เบ้ปาก “ฉันลุงห้าของเธอ ตอนที่โมโหที่สุดหยิบไม้กระบองมาตีเขาเลย เขาก็เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล บอกว่ามีความสามารถก็ตีเขาให้ตายสิ”

ซูอี้เซินเองก็ถอนหายใจ “ซูจื่อซีดื้อรั้น จะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนก็เปลี่ยนเขาไม่ได้ คนอันธพาลทั้งคน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไร้ประโยชน์”

คำพูดของซูลั่วดูไม่แยแสอย่างเห็นได้ชัด “อายัดบัตรเขาก็ไม่เป็นกังวล เขาอาศัยการฝึกซ้อมเล่นเกม หารายได้เล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน”

หนึ่งเดือนผ่านไป ทำไมถึงมีเงินตั้งสามหมื่นหยวนนะ

ซู่เป่า “ว้าว งั้นก็เก่งมากเลยสิคะ!”

ทุกคนในตระกูลซู “...”

สำหรับคนตระกูลซูที่หนึ่งวันใช้เงินซื้อกับข้าวก็สามหมื่นหยวนแล้วนั้น แบบซูจื่อซีไม่เรียกว่าเก่งกาจ เลี้ยงเสียข้าวสุกเปล่าๆ

แต่ซู่เป่ากลับรู้สึกว่าพี่ซูจื่อซีเก่งกาจมากจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่หิวตาย มิหนำซ้ำยังฉลาดปราดเปรื่องมากอีกด้วย

แต่ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ ทำไมถึงต่อต้านคนในครอบครัวล่ะ

ซู่เป่าไม่เข้าใจ

นายหญิงซูพูดกับมู่กุยฝานว่า “เธอเองก็ไม่ต้องสนใจเขา ยุ่งไม่ได้หรอก สองสามปีมานี้พวกเราใช้ทุกวิธีแล้ว”

“เขากลับมาก็เข้าห้องปิดประตู ขังตัวเองเอาไว้ หรือว่าเรารื้อประตูห้องของเขาไปเลยดี...”

ถึงยังไงก็เป็นหลานของตัวเอง และไม่ได้ทำเรื่องผิดครรลองครองธรรมอะไร พวกเขาจะไล่เขาออกไปไม่ได้

มู่กุยฝานมองโทรศัพท์ทีหนึ่ง ไอดีนั้นของซูจื่อซีตกลงจนถึงแรงค์เบราซ์ คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว

มีวิธีแน่นอน พาเขาไปทิ้งไว้ที่สนามรบสักรอบ ฝึกฝนสักสามถึงห้าปี ต้องกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ได้แน่นอน

แต่เด็กจะไปสนามรบได้ยังไง และ...

ถึงยังไงมู่กุยฝานก็ไม่ยอมใช้วิธีสุดโต่งอย่างนี้แน่ ตอนเขายังเด็กเคยได้รับความยากลำบากเลยไม่อยากให้ใครมาเจอแบบเขาอีก

“ค่อยสังเกตกันอีกหน่อยละกัน” ซูอีเฉินจบหัวข้อสนทนา

ซู่เป่าพาดตัวอยู่ข้างโต๊ะ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

หลังกินข้าวเสร็จ

ซู่เป่าถือสมุดวาดรูปเล่มหนึ่ง ซูเหอเวิ่นถือหนังสือเลขคณิตเล่มหนึ่ง ยืนอยู่หน้าประตูห้องซูจื่อซี

ซูเหอเวิ่นพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย “เธอจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาทำไม ปล่อยให้เขาอยู่ตามยถากรรมเถอะ”

ซู่เป่าส่ายหน้า “หนูคิดว่าอันที่จริงพี่จื่อซีโดดเดี่ยวมาก”

ราวกับว่าไม่มีใครเชื่อเขา และไม่มีใครยอมรับในความสำเร็จของเขา...

ซูเหอเวิ่นไม่เห็นด้วย

ซู่เป่าเคาะประตูห้องของซูจื่อซี

ข้างในไม่มีคนตอบ ผลักประตูมแง้มออกน้อยๆ ชะโงกศีรษะเล็กๆ เข้าไป “พี่คะ หนูเข้าไปแล้วนะ!”

ซูจื่อซีพยายามทำคะแนนให้ได้ไอดีตัวใหม่ สุดท้ายก็เห็นซู่เป่าชะโงกศีรษะเข้ามา เขาตกใจจนตกลงมาจากเก้าอี้

ทั้งๆ ที่ประตูห้องของเขาลงดานประตูไว้แล้วแท้ๆ แล้วซู่เป่าผลักเข้ามาได้ยังไง!

“เธอ...” ซูจื่อซีชี้ไปที่ประตู “ออกไปแล้วปิดประตูให้ฉันด้วย!”

ซู่เป่ากระพริบตา มองที่วงกบประตูแล้วพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “พี่คะ อาจจะปิดประตูไม่ได้แล้ว หนูไม่ทันระวังทำประตูพังไปแล้ว...”

ซูจื่อซีหัวเราะเยาะ “อย่างเธอเนี่ยนะทำ...ประตูพัง...”

เขาเดินไปคิดจะเหวี่ยงประตู แต่กลับพบว่าประตูถูกทำพังแล้วจริงๆ ยกประตูขึ้นสูงด้วยมือข้างเดียว

ส่วนสูงของเธอยังสูงไม่พอเลยด้วยซ้ำ เอื้อมมือก็พอถึงมือจับประตูพอดี ฉะนั้นเมื่อครู่เขาจึงดูไม่ออกว่าเธอยกประตู

“เธอ...” ซูจื่อซีอึ้ง “เธอทำประตูพังได้ยังไง”

ซูเหอเวิ่นเองก็ตกใจจนพูดไม่ออก

สมมติว่าน้ำหนักของน้องอยู่ที่สิบแปด...

น้ำหนักของประตูคือสี่สิบกิโลกรัม...

ถามว่าแรงที่น้องใช้ยกประตูเท่ากับกี่นิวตัน...

เฮ้ย! น้องสาวของเขาคือซูเปอร์จอมพลัง

“ไม่สำคัญ!” ซูจื่อซีได้สติกลับมาจากความตกตะลึง “เธอ สรุปก็คือเธอวางประตูลง แล้วไสหัวไปซะ อย่ามารบกวนฉัน!”

ซู่เป่าอิงประตูบนกำแพงข้างๆ คว้าสมุดวาดรูปแล้วพูดขึ้นอย่างน่าเอ็นดูว่า “พี่คะ หนูแค่นั่งวาดรูปข้างๆ พี่ได้ไหมคะ หนูรับรองว่าหนูจะไม่มีเสียงเลยสักแอะ”

ซูจื่อซีผละเธอออกไปอย่างไร้ความอดทน “เธอไม่มีห้องของตัวเองหรือไง”

ซู่เป่าถูกหลักถอยหลังไปสองก้าว จนถอยหลังออกไปนอกห้อง เบะปากมองเขาแบบน่าสงสาร

ซูจื่อซีรู้สึกรำคาญอย่างไม่มีที่มา จับมือจับประตูไว้ตามความเคยชิน จะเหวี่ยงมือจับประตูอย่างแรง

ทันใดนั้นประตูที่ถูกเปิดออกกลับล้มลงมา เดิมเขาไม่มีแรงจะต้านทานเอาไว้อยู่แล้ว ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ก็ยังเป็นซู่เป่าที่กระโจนเข้ามา ใช้มือเดียวยกประตูไม้ขึ้นมา!

เธอค่อยๆ ผละออก ประตูนั้นอิงไปบนกำแพงอีกครั้ง

ซูจื่อซี “…”

ชาไปหมดแล้ว

กูริคุรุ! (*เด็กหญิงที่หน้าตาดูน่ารักแต่มีพลังล้นเหลือ)

ขณะนี้น้องกูริกำลังมองเขาปิ๊งๆ “พี่คะ ให้หนูวาดรูปอยู่ที่ห้องพี่เถอะนะ!”

ซูจื่อซี “ไม่มีทาง!”

เขาเกลียดที่คนอื่นมารบกวนเขาที่สุด

ซูเหอเวิ่นโกรธจนหายใจไม่ออก ซูเป่าใส่ใจเขาขนาดนั้น แต่เขากลับทำท่าน่าต่อยเสียอย่างนั้น

คนประเภทนี้ ไม่ว่าคนอื่นจะใส่ใจยังไงก็ไม่มีทางรับเอาไว้

“ซู่เป่า เราไปกันเถอะ” ซูเหอเวิ่นลากซู่เป่าขึ้นมา

ซูจื่อซีเค้นเสียงทีหนึ่ง ก้มหน้ามองมือของซู่เป่าที่ถูกลากอย่างเฉยเมย

แต่ไม่นึกเลยว่า จู่ๆ ซู่เป่าจะกอดเขาเอาไว้แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วว่า “พี่คะ ขอร้องพี่ล่ะนะ! ห้านาทีนะ แค่ห้านาทีเอง!”

ซูจื่อซี “…”

ในขณะที่ซูเหอเวิ่นคิดว่าเขายังไม่ตบปากรับคำ ก็เห็นซูจื่อซีหันหลังแล้วเข้าห้องไป ปากบ่นพึมพำ “น่ารำคาญชะมัด!”

ซู่เป่าเย่ทีหนึ่ง “เพราะงั้นพี่ตกลงแล้วใช่ไหม พี่เหอเวิ่นรีบมาเร็วเข้า!”

เธอลากซูเหอเวิ่นเข้าไปดังฟิ้ว ยึดโต๊ะหนังสือของซูจื่อซี

ซูจื่อซีไม่แยแส นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาข้างเตียง เก็บแรงค์ต่อไป

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่านอกหน้าต่างมีเสียงตึงๆ เบาๆ ดังขึ้นมา

เขาหันหน้าไปตามสัญชาตญาณ ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดแต่งงานสีแดง ผมยาวสลวยพาดตัวอยู่บนหน้าต่าง จ้องเขม็งมาที่เขา

โซฟาอยู่ข้างหน้าต่าง ผีสาวพาดตัวอยู่ทั้งอย่างนี้ ใกล้กับซูจื่อซีเป็นอย่างมาก นัยน์ตาสบนัยน์ตา ซูจื่อซีเห็นริ้วรอยบนผิวหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน...

ซูจื่อซีงงงันไปชั่วขณะ มองผีสาวอย่างตกตะลึง

อะไรกัน เขาตาฝาดอีกแล้วเหรอ

ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงดูคุ้นๆ นิดหน่อยนะ...

ในสมองปิ๊งภาพเอชดีของผู้หญิงที่กระโดดตึกตายอย่างน่าสยดสยอง

ซูจื่อซีขนลุกซู่ ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ ผู้หญิงคนนี้คือซ่งเยว่ชิงผู้หญิงที่กระโดดตึกที่เห็นในกลุ่มคนนั้นไม่ใช่เหรอ!

เพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ ก็มองศีรษะที่เอียงกระเท่เร่ของผีสาวที่อยู่นอกหน้าต่าง ราวกับตกลงมา คอพับกลายเป็นมุมที่เหลือเชื่อ...

ต้องเป็นคอที่หักถึงจะทำมุมออกมาได้!

เธอแสยะยิ้ม หัวเราะอย่างไร้เสียง

ในที่สุดปฏิกิริยาตอบสนองของซูจื่อซีก็เชื่อมต่อแล้ว มารู้ตัวอีกทีก็กรีดร้องเปล่งเสียงออกมา

“เวรๆ เวรเอ้ย!!!”

เขาดีดตัวขึ้นมาจากโซฟา ล้มลุกคลุกคลานวิ่งไปข้างซู่เป่ากับซูเหอเวิ่น เขาตื่นตระหนกตกใจ “เธอๆๆๆ!!”

ซู่เป่ากับซูเหอเวิ่นตามไปดู ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

นอกหน้าต่างไม่เห็นมีอะไรเลย

“พวกเธอไม่เห็นเหรอ เธอ เธออยู่ตรงนั้นไง!”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่มี แต่ว่าพี่คะ จุดอิ้นถังของพี่คล้ำนะ”

ซูจื่อซีรู้สึกเพียงว่าหนังศีรษะชา เป็นไปได้ยังไง เขาเองก็เคยดูวิดีโอเห็นผีที่ซูเหอเวิ่นถ่ายพวกนั้น ซู่เป่ามองเห็นผีได้

ตอนแรกเขานึกว่าที่พวกเขาถ่ายเป็นของปลอม จึงดูถูกเหยียดหยาม

แต่ตอนนี้...หากที่พวกเขาถ่ายเป็นเรื่องจริงละก็...

งั้น...

งั้นทำไมตอนนี้พวกเขาถึงมองไม่เห็นล่ะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน