ซูจื่อหลินมองซูจื่อซีที่ตึงๆๆ ขึ้นข้างบนไป โกรธจนโรคหัวใจแทบจะกำเริบออกมา
นายหญิงซูถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ช่างเถอะ เด็กคนนี้เปล่าประโยชน์”
ตอนที่เหวยหว่านยังอยู่เธอเองก็ไม่สนใจเขา และไม่ให้คนอื่นสนใจด้วยเช่นกัน
ทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปก้าวก่ายเรื่องการอบรมสั่งสอนก็จะถูกเหวยหว่านพูดต่อต้านอย่างรุนแรง บอกว่าลูกของเธอเธอสอนเองได้ รอเขาโตก็จะดีขึ้นเอง!
แต่ตอนเด็กๆ ไม่รู้จักสั่งสอนให้ดี แล้วจะหวังว่าพอเขาโตแล้วจะว่านอนสอนง่ายในทันตาได้ยังไง
ซู่เป่าพูดแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าของผู้ใหญ่ตัวน้อย “หมดหวังแล้วจริงๆ เหรอคะ”
ซูอิ๋งเอ๋อร์เบ้ปาก “ฉันลุงห้าของเธอ ตอนที่โมโหที่สุดหยิบไม้กระบองมาตีเขาเลย เขาก็เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล บอกว่ามีความสามารถก็ตีเขาให้ตายสิ”
ซูอี้เซินเองก็ถอนหายใจ “ซูจื่อซีดื้อรั้น จะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนก็เปลี่ยนเขาไม่ได้ คนอันธพาลทั้งคน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไร้ประโยชน์”
คำพูดของซูลั่วดูไม่แยแสอย่างเห็นได้ชัด “อายัดบัตรเขาก็ไม่เป็นกังวล เขาอาศัยการฝึกซ้อมเล่นเกม หารายได้เล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน”
หนึ่งเดือนผ่านไป ทำไมถึงมีเงินตั้งสามหมื่นหยวนนะ
ซู่เป่า “ว้าว งั้นก็เก่งมากเลยสิคะ!”
ทุกคนในตระกูลซู “...”
สำหรับคนตระกูลซูที่หนึ่งวันใช้เงินซื้อกับข้าวก็สามหมื่นหยวนแล้วนั้น แบบซูจื่อซีไม่เรียกว่าเก่งกาจ เลี้ยงเสียข้าวสุกเปล่าๆ
แต่ซู่เป่ากลับรู้สึกว่าพี่ซูจื่อซีเก่งกาจมากจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่หิวตาย มิหนำซ้ำยังฉลาดปราดเปรื่องมากอีกด้วย
แต่ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ ทำไมถึงต่อต้านคนในครอบครัวล่ะ
ซู่เป่าไม่เข้าใจ
นายหญิงซูพูดกับมู่กุยฝานว่า “เธอเองก็ไม่ต้องสนใจเขา ยุ่งไม่ได้หรอก สองสามปีมานี้พวกเราใช้ทุกวิธีแล้ว”
“เขากลับมาก็เข้าห้องปิดประตู ขังตัวเองเอาไว้ หรือว่าเรารื้อประตูห้องของเขาไปเลยดี...”
ถึงยังไงก็เป็นหลานของตัวเอง และไม่ได้ทำเรื่องผิดครรลองครองธรรมอะไร พวกเขาจะไล่เขาออกไปไม่ได้
มู่กุยฝานมองโทรศัพท์ทีหนึ่ง ไอดีนั้นของซูจื่อซีตกลงจนถึงแรงค์เบราซ์ คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว
มีวิธีแน่นอน พาเขาไปทิ้งไว้ที่สนามรบสักรอบ ฝึกฝนสักสามถึงห้าปี ต้องกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ได้แน่นอน
แต่เด็กจะไปสนามรบได้ยังไง และ...
ถึงยังไงมู่กุยฝานก็ไม่ยอมใช้วิธีสุดโต่งอย่างนี้แน่ ตอนเขายังเด็กเคยได้รับความยากลำบากเลยไม่อยากให้ใครมาเจอแบบเขาอีก
“ค่อยสังเกตกันอีกหน่อยละกัน” ซูอีเฉินจบหัวข้อสนทนา
ซู่เป่าพาดตัวอยู่ข้างโต๊ะ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังกินข้าวเสร็จ
ซู่เป่าถือสมุดวาดรูปเล่มหนึ่ง ซูเหอเวิ่นถือหนังสือเลขคณิตเล่มหนึ่ง ยืนอยู่หน้าประตูห้องซูจื่อซี
ซูเหอเวิ่นพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย “เธอจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาทำไม ปล่อยให้เขาอยู่ตามยถากรรมเถอะ”
ซู่เป่าส่ายหน้า “หนูคิดว่าอันที่จริงพี่จื่อซีโดดเดี่ยวมาก”
ราวกับว่าไม่มีใครเชื่อเขา และไม่มีใครยอมรับในความสำเร็จของเขา...
ซูเหอเวิ่นไม่เห็นด้วย
ซู่เป่าเคาะประตูห้องของซูจื่อซี
ข้างในไม่มีคนตอบ ผลักประตูมแง้มออกน้อยๆ ชะโงกศีรษะเล็กๆ เข้าไป “พี่คะ หนูเข้าไปแล้วนะ!”
ซูจื่อซีพยายามทำคะแนนให้ได้ไอดีตัวใหม่ สุดท้ายก็เห็นซู่เป่าชะโงกศีรษะเข้ามา เขาตกใจจนตกลงมาจากเก้าอี้
ทั้งๆ ที่ประตูห้องของเขาลงดานประตูไว้แล้วแท้ๆ แล้วซู่เป่าผลักเข้ามาได้ยังไง!
“เธอ...” ซูจื่อซีชี้ไปที่ประตู “ออกไปแล้วปิดประตูให้ฉันด้วย!”
ซู่เป่ากระพริบตา มองที่วงกบประตูแล้วพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “พี่คะ อาจจะปิดประตูไม่ได้แล้ว หนูไม่ทันระวังทำประตูพังไปแล้ว...”
ซูจื่อซีหัวเราะเยาะ “อย่างเธอเนี่ยนะทำ...ประตูพัง...”
เขาเดินไปคิดจะเหวี่ยงประตู แต่กลับพบว่าประตูถูกทำพังแล้วจริงๆ ยกประตูขึ้นสูงด้วยมือข้างเดียว
ส่วนสูงของเธอยังสูงไม่พอเลยด้วยซ้ำ เอื้อมมือก็พอถึงมือจับประตูพอดี ฉะนั้นเมื่อครู่เขาจึงดูไม่ออกว่าเธอยกประตู
“เธอ...” ซูจื่อซีอึ้ง “เธอทำประตูพังได้ยังไง”
ซูเหอเวิ่นเองก็ตกใจจนพูดไม่ออก
สมมติว่าน้ำหนักของน้องอยู่ที่สิบแปด...
น้ำหนักของประตูคือสี่สิบกิโลกรัม...
ถามว่าแรงที่น้องใช้ยกประตูเท่ากับกี่นิวตัน...
เฮ้ย! น้องสาวของเขาคือซูเปอร์จอมพลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...
บทที่ 1268 แล้วกระโดดไป 1278 เลย บทที่ 1269 1270 1271 1272 ข้ามไปทั้งหมด 4 ตอนนะคะ...