ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 199

ซูจื่อซีรู้สึกเพียงว่าความเย็นยะเยือกแผ่จากฝ่าเท้าขึ้นไปถึงสมอง หนังศีรษะชาไปหมด

เขาเห็นผีสาวปีนเข้ามาจากนอกหน้าต่างต่อหน้าต่อตา ลอยมาทางเขา

ซูจื่อซีขาอ่อนปวกเปียกไปหมด ไหนเลยจะยังจำท่าทางอวดดีของตัวเองได้อีก

เขาพูดขึ้นอย่างหวาดกลัว “ซู่เป่า...! ซู่เป่า!!”

ผีสาวหัวเราะเหอะๆ ยื่นนิ้วมืออันขาวซีดที่ทาเล็บสีแดงออกมา ควักเนื้อของเขาออกมาอย่างแรงชิ้นหนึ่ง...

“อ๊า”

ในขณะนี้เอง ซูจื่อซีรู้สึกว่าตัวเองถูกตีอย่างแรงป้าบหนึ่ง!

“ป้าบ!”

ซูจื่อซีมองไปข้างหน้าอย่างอึ้งงัน ไม่รู้ว่าซู่เป่าปีนขึ้นมาบนโซฟาตั้งแต่เมื่อไร เธอกำลังเหยียบอยู่บนตัวของเขาและตบเขาซ้ายทีขวาที

“พี่คะ รีบตื่นเร็วเข้าสิ!” ซู่เป่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ จะตีพี่แล้วนะ!”

เพียะ!

ซูจื่อซี “เธอ...” เขายังไม่ได้สติกลับมา

รู้สึกเพียงว่าในปากมีของบางอย่าง จึงคายออกมาตามสัญชาตญาณ สุดท้ายพบว่าเป็นถุงเท้าข้างหนึ่ง...

ใบหน้าของซู่เป่าเต็มไปด้วยความกังวล “ฝันร้ายเหรอ”

ซูเหอเวิ่นพยักหน้า “ฉันว่านะ ไม่นึกเลยว่าเจ้านี่จะเล่มเกมๆ แล้วผล็อยหลับไปซะได้”

ที่แท้เมื่อครู่ซูจื่อซีไม่รู้ยังไงหลับไป ไม่นานเขาก็ชักดิ้นชักงออยู่บนโซฟา ดิ้นไปด้วยพลางตะโกนเรียกว่า ซู่เป่า ๆ...ไปด้วย

ไม่ว่าซู่เป่าจะปลุกยังไงเขาก็ไม่ตื่น ซูจื่อซียิ่งแสดงก็ยิ่งมีท่าทีรุนแรงขึ้น แทบจะกัดลิ้นแล้ว...

ทั้งสองคนตกใจจนรีบอุดปากของเขาเอาไว้ ในยามวิกฤติซูเหอเวิ่นลวดหยิบถุงเท้าที่อยู่บนโซฟาขึ้นมา...

หลังจากห้ามไม่ให้เขากัดลิ้นได้แล้ว ไม่ว่าทำยังไงก็ยังปลุกซูจื่อซีไม่ตื่น และเขาเริ่มจะชักแล้ว

ซู่เป่าร้อนใจจนทำได้เพียงตีเขา

เห็นซู่เป่ายังตีอยู่ ซูจื่อซีจึงพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ตีฉันทำไม!”

ซูเป่าพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “พี่ตื่นแล้วเหรอ”

ซูเหอเวิ่นพูดขึ้น “ไม่ตีนายได้ไง นายไม่เห็นท่าทางน่าขนลุกตอนฝันร้ายของตัวนายเอง อย่างกับผีสิงอย่างนั้น”

ซูจื่อซีกัดฟัน “ถึงอย่างนั้นก็ห้ามตบหน้า!”

ซูเหอเวิ่นหัวเราะเยาะทีหนึ่ง “ไม่ตบหน้าหรือว่าจะให้ตีก้นล่ะ พูดจาบ้าบออะไร”

ซู่เป่าพยักหน้า “ตบไหล่พี่แล้วพี่ก็ไม่ตื่น เกาก็แล้วจั๊กจี้ก็แล้วพี่ก็ไม่ตื่น เพราะงั้นเลยทำได้แค่ตบหน้าพี่แล้วละ”

ซูจื่อซีจ้องเขม็ง “นี่เธอมีความแค้นส่วนตัวรวมอยู่ในนั้นบ้างไหม!”

ซู่เป่ากระพริบตาอย่างไร้เดียงสา “ไม่มี ไม่มีอย่างแน่นอน!”

ซูจื่อซีประคองใบหน้าที่ถูกตีพลางอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ยัยเด็กคนนี้ ต้องฉวยโอกาสแก้แค้นแน่ๆ

ขณะนี้เองเขาจึงนึกถึงของที่กัดไว้ในปากเมื่อครู่ได้ ก้มหน้ามอง จึงพบว่าเป็นถุงเท้าเหม็นๆ ของเขาเอง

ซูเหอเวิ่นรีบอธิบายทันที “เรื่องนี้นายจะโทษฉันไม่ได้นะ ตอนนั้นมันเป็นเหตุฉุกเฉิน ใครใช้ให้นายถอดถุงเท้าเหม็นๆ ไว้บนโซฟาล่ะ...”

ซูจื่อซีโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ซู่เป่ามองเขาอย่างเป็นกังวล “พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ ให้ซู่เป่าช่วยทายาให้พี่ไหม”

ซูจื่อซีชี้ที่ประตู “ไสหัวออกไปซะ! ใครต้องการให้เธอมาใส่ใจกัน ต้องทำเสแสร้งไม่คลื่นไส้เหรอ”

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ความคิดพวกนั้นของเธอนะ ก็แค่แสร้งทำเป็นน่าสงสารละสิ ทำตัวน่าสงสารขี้อ้อน ทั้งบ้านจะได้โอ๋เธองั้นเหรอ”

“ไสหัวไปเถอะ! ลูกไม้นี้ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก แค่เห็นเธอฉันก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว!”

ซู่เป่า “…”

เธอถูกซูจื่อซีด่าจนโง่ไปหมดแล้ว เจ้าตัวน้อยไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับไป

เธอ เธอเพียงแค่อยากเอายาให้เขาจริงๆ...เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

สุดท้ายด้ายแดงบนข้อมือก็เปล่งแสงออกมา ฉะนั้นซู่เป่าจึงคิดว่าตัวเองก็มีเหตุผลที่สู้ไม่ได้เช่นกัน ควรถอดด้ายแดงออกก่อนแล้วค่อยตบหน้าพี่

“ขอโทษค่ะ...” ตาของซู่เป่าเริ่มแดง

ซูเหอเวิ่นจูงซู่เป่าเดินออกไปอย่างโมโห “ซู่เป่าเราไปกันเถอะ ต้องมีตอนที่เขานึกเสียใจแน่!”

ซู่เป่าเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ยังถูกซูเหอเวิ่นลากออกไป

ซูจื่อซีอารมณ์ไม่ดีนัก ในฝันนี้เหมือนจริงเป็นอย่างมาก และไร้ลางสังหรณ์ใดๆ

ในฝันเขาถูกผีสาวควักเนื้อออกมาชิ้นหนึ่ง ตอนนี้ยังรู้สึกว่าหน้าอกเจ็บไปหมด

เขาเกลียดที่ซู่เป่ามาใส่ใจเขา เขาชินกับการอยู่คนเดียว ชินที่ไม่มีใครใส่ใจ ความเป็นห่วงเป็นใยที่แสนใกล้ชิดแบบนี้จะทำให้เขารู้สึกว่าเป็นสิ่งไม่จริง และเสแสร้งเอามากๆ ราวกับฟองใต้แสงอาทิตย์ พอจิ้มก็แตก

งั้นก็ไม่สู้ไม่ดีต่อกันตั้งแต่ตอนแรกไปเลย

นอกห้อง คนอื่นๆ ในตระกูลซูรีบมาหลังรู้เรื่อง ต่างพากันถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ซู่เป่ากำลังจะพูด ก็ได้ยินซูจื่อซีพูดขึ้นด้วยความโกรธ “หนวกหูจะตายอยู่แล้ว!”

ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม คิดจะเหวี่ยงประตูตามความเคยชิน แต่กลับพบว่าประตูไม้ของเขายังอิงอยู่ข้างๆ!

“ไสหัวไปไกลๆ ผมหน่อย มองอะไรกันนักหนา” เขาตะคอก

ซูจื่อหลินขมวดคิ้ว “ซูจื่อซี...”

ซูจื่อซี “อ๋อๆๆ ทำไมถึงพูดกับคุณปู่คุณย่าแบบนั้นล่ะใช่ไหมครับ งั้นผมจะพูดใหม่นะครับ องค์ฮ่องเต้ องค์ฮองเฮา ทำไมพวกท่านยังไม่รีบไปพักผ่อนกันอีกล่ะครับ ระวังหัวใจจะรับไม่ได้จนหยุดเต้นนะครับ แล้วจะมาโทษที่ผมโกรธอีก! พวกคุณรู้ไหมทำไมคนแก่ในหมู่บ้านอายุยืนถึงมีชีวิตได้ยืนยาวขนาดนั้น ก็เพราะพวกเขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่นไง!”

ทุกคน “...”

โกรธจนกำหมัดแน่นพร้อมจะต่อยคนแล้ว!

มู่กุยฝาน “ต่อยสิ ถ้าต่อยยกหนึ่งแล้วยังไม่พอใจก็ต่อยสักสองยก”

ซูอิ๋งเอ๋อร์หยิบไม้กระบอกออกมาจากข้างหลัง “ฉันว่าได้!”

ซูอีเฉินไม่พูดไม่จา ทำสีหน้าเย็นชา

นายหญิงซูโกรธจนตัวสั่นเทา

ทำไมเหรอ วัยต่อต้านอย่างเธอต้องให้คนทั้งบ้านมาดูสีหน้าของเธอเหรอ

เด็กนี่วิเศษวิโสจริงๆ ส่วนเธอก็เป็นคนแก่อยู่วันยังค่ำ

นายหญิงซูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ลุกขึ้นยืนดังโครมคราม จากนั้นหยิบไม้เท้าในมือของซูอิ๋งเอ๋อร์มา!

“ไม่กล้าตีกันใช่ไหม ฉันตีเอง!”

ห่างจากที่ซูจื่อซีถูกตีครั้งก่อนหนึ่งเดือนแล้ว ซูจื่อซีถูกตีจนเข้าโรงพยาบาลจนสารรูปเป็นอย่างนั้น ฉะนั้นต่อมาทุกคนจึงไม่มีใครกล้าตีเขาเลยจริงๆ

ทำไมถึงสอนได้ไม่ดี พูดตามตรงเพราะในใจยังกลัวอยู่ กลัวว่าจะใช้วิธีลงโทษที่รุนแรงเกินไป แล้วเด็กคนนี้จะยิ่งต่อต้านรุนแรงขึ้น

แต่ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว!

นายหญิงซูคว้าไม้เท้า เดินไปตรงหน้าซูจื่อซีสองสามก้าวด้วยท่าทางดุ ป้าบเสียงหนึ่ง ไม้เท้าก็ตีลงบนขาของเขาอย่างแรง

ซูจื่อซีมองคุณย่าของเขาด้วยความช็อก

ระทึก! คุณย่าที่เป็นอัมพาตมาสี่ปีถูกเขาทำให้โกรธจนลุกขึ้นยืน!

ทุกคนต่างก็ตกใจจนพูดไม่ออก

ช็อก! คุณหญิงถูกหลานทำให้โกรธจนลุกขึ้นยืนจากรถเข็น สร้างความมหัศจรรย์ทางการแพทย์!

ซูจื่อหลินพูดติดอ่าง “แม่ครับ...แม่ครับ แม่ๆ...”

นายหญิงซูตีไปด้วยพลางพูดขึ้นอย่างอำมหิต “อย่ามาขวางฉัน วันนี้ใครก็หยุดไม่ให้ฉันตีเขาไม่ได้ ยมบาลก็ช่วยไม่ได้!”

ซู่เป่าช็อกจนปากกลายเป็นรูปตัวโอ ลืมความน้อยเนื้อต่ำใจในตอนที่ถูกซูจื่อซีตะคอกใส่เมื่อกี้ไปหมดแล้ว

ไม่นึกเลยว่าคุณยายจะลุกขึ้นยืนได้!

มิหนำซ้ำยังตีคนได้ด้วย!

ซูเหอเวิ่นพูดพึมพำอย่างทำอะไรไม่ถูก “สุดยอด...”

ในห้อง ซูจื่อซีถูกตีจนร้องไห้ระงม

นายหญิงซูพลังการต่อสู้ทะลุปรอท “ต่อต้านนักใช่ไหม เธอต่อต้านเก่งนักใช่ไหม!”

“ฉันเองก็ต่อต้านเป็นเหมือนกัน!”

“วันนี้ไม่ตีเธอจนหน้าเหมือนดอกท้อ เธอก็คงไม่รู้ว่าทำไมดอกไม้ถึงได้แดงแบบนี้!”

“ถ้าฉันได้ยินคำพูดบ้าบอพวกนั้นอีกที เห็นเธอหนึ่งครั้งฉันก็จะตีเธอหนึ่งครั้ง!”

ซูจื่อซี “…”

เขาตาแดง ไม่ส่งเสียงสักแอะ!

และไม่ต่อต้านเช่นกัน แต่ก็ไม่พูดไม่จา ยอมรับความเจ็บปวดที่ถูกไม้เท้าฟาดลงมาทื่อๆ

คนอื่นอยากจะพูดอะไร คิดแล้วคิดอีกสุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา ตีไปเถอะหรือตีสักยกก็หายแล้ว...

ซู่เป่าคนเดียวที่ตาแดงก่ำ วิ่งเข้าไปกอดนายหญิงซูเอาไว้ “คุณยายคะ หยุดตีเถอะค่ะ...”

เธอสะอึกสะอื้น “พี่จะเจ็บเอานะคะ”

ในใจของนายหญิงซูสั่นระรัว

ซูจื่อซีเบือนหน้ามาอย่างดื้อดึง อาจจะเป็นเพราะทนได้เก่งมากๆ ในน้ำเสียงแฝงความแหบอยู่นิดหน่อย “ไสหัวไปซะ! ฉันไม่ต้องการให้เธอมาใส่ใจ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน