ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 202

ตำราสวรรค์ไร้อักษร กำหนดความเป็นความตายของมนุษย์ บันทึกเหตุและผลของชาติก่อนและชาติปัจจุบัน รู้อดีตอนาคต

มนุษย์ตั้งแต่วินาทีที่เกิด ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

ดูเป็นตำราเล่มบางๆ เล่มหนึ่ง แต่กลับบันทึกชะตากรรมของสรรพชีวิต ใต้ชื่อของซู่เป่าปรากฏตัวอักอักษรตัวใหญ่สีแดงบรรทัดหนึ่ง

มารในใจ พึ่งพาความช่วยเหลือภายนอกไม่ได้

จี้ฉางขมวดคิ้วทำสีหน้าเคร่งขรึม เจ้าเด็กน้อยอายุสามสี่ขวบคนหนึ่ง จะมีมารในใจอะไรได้

แต่ในเมื่อที่ปรากฏคืออักษรสีแดง ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นี่ยังพอว่า ยังให้ความช่วยเหลือใดๆ เธอไม่ได้อีก...

นั่นเป็นผีเจ้าเล่ห์เชียวนะ!

ซู่เป่าถามขึ้นว่า “อาจารย์คะ ผีเจ้าเล่ห์ตนนั้นทำไมต้องคอยจ้องพวกเราด้วยล่ะ”

ตอนแรกจ้องลุงสี่

จากนั้นตอนนี้ก็เป็นพี่จื่อซี

จี้ฉางส่ายหน้า “เขาไม่ได้จ้องลุงสี่ของเจ้ากับซูจื่อซีหรอก เพียงแต่จ้องเจ้าต่างหาก”

ซู่เป่าสงสัย ถ้าจ้องเธอก็มาหาเธอเลยสิ!

ไปหาลุงสี่กับพี่ของเธอทำไม

ซู่เป่าตัดสินใจจะไปคุยกับผีเจ้าเล่ห์ตนนั้น

เป็นผีนี่ จะไม่มีคุณธรรมของผีไม่ได้...

ซู่เป่าพูดพึมพำพึมพำ “ให้หนูทำนายดูก่อน ผีเจ้าเล่ห์ตนนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน!”

เจ้าเด็กน้อยวิ่งออกไป หยิบเต่าที่กำลังอาบแดดอยู่บนน้ำพุภูเขาปลอมในสวนดอกไม้ด้านนอกลงมา

“ฮ่า” เสี่ยวซู่เป่าจับเต่าหมุนรอบหนึ่ง

เจ้าเต่าแก่ใจเย็นเป็นอย่างมาก นอนราบไปตลอดกระบวนการ ทั้งสี่เท้า หางและหัวต่างยื่นออกมาจากกระดองเต่าอย่างผ่อนคลายเป็นอย่างมาก มันหรี่ตา

เสี่ยวอู่เกาะอยู่อีกด้าน ขณะที่เล็งมองศีรษะของมันหมุนมา ก็รีบยื่นคอไปจิกมันทันที

ซู่เป่าจับเสี่ยวอู่เอาไว้ แล้วให้เกาะอยู่บนไหล่ “เสี่ยวอู่จะก่อกวนไม่ได้นะ!”

จี้ฉางมองซู่เป่าที่หมอบลงตรงหน้าแล้วโยนเต่าออกไป บริสุทธิ์ไร้เดียงตา แววตาของเธอดูใสๆ ไม่มีความกลัดกลุ้มเลยสักนิด

บางที...อาจจะไม่ได้รุนแรงอย่างที่เขาคิดก็ได้

คุณปู่เต่าหมุนติ้วๆๆ บนพื้นรอบหนึ่ง แล้วในที่สุดก็หยุดลง

ซู่เป่ายื่นนิ้วชี้ออกมา ทำท่าทาง “คุณปู่เต่า ผีเจ้าเล่ห์ตนนั้นอยู่ที่หนานเฉิงเหรอ”

คุณปู่เต่าไม่พูดไม่จา เสี่ยวอู่ส่ายหน้าดิกๆ ทำท่าทางว่าฉันเข้าใจทุกอย่าง “มันบอกว่าใช่ๆๆ!”

ซู่เป่า “อือฮึ เข้าใจแล้ว!”

จี้ฉาง “…”

ตลอดทางที่เขาตามผีเจ้าเล่ห์ไป ที่สุดท้ายก่อนที่เขาหายไปก็คือหนานเฉิง

ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะต้องไป

ช่วงเย็นวันที่สองของเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ซูเยว่เฟยกลับมาแล้ว

ในห้องโชยไปด้วยกลิ่นหอมของบ๊ะจ่าง นึ่งบะจ่างให้ร้อนอยู่ในหม้อนึ่ง ซู่เป่ายกตะกร้าน้อยๆ ใบหนึ่งไปใส่

“หนึ่งลูก สองลูก...ห้าลูก...สิบลูก...สิบเอ็ดลูก”

มู่กุยฝานอิงอยู่ข้างโต๊ะคอนโซล มือหนึ่งถือฝาของหม้อนึ่ง

“กินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาพูดขึ้น

ซู่เป่าพยักหน้า “ลุงสามบอกแล้วว่าจะกินสิบเอ็ดลูก”

มู่กุยฝานเบ้ปาก ซูเยว่เฟยดีที่สุดได้กินตั้งสิบเอ็ดลูก ทำให้แก้วตาดวงใจของเขาต้องทำอย่างยากลำบากขนาดนั้น มิหนำซ้ำยังยกให้เขาด้วยตัวเองอีก

ซูเยว่เฟยที่มาถึงประตูห้องครัวอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เจ้าเด็กน้อยจำได้อย่างแม่นยำเชียว

“ซู่เป่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและน่าฟัง

พอซู่เป่าหันหน้าไป ก็เห็นซูเยว่เฟยที่อยู่ในชุดกัปตัน ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองก็เปล่งประกายขึ้นมา

“ว้าว ลุงสามเท่มากๆ เลย!”

มู่กุยฝานที่อยู่ข้างๆ เหอะ เขาไม่คู่ควรให้ถูกพูดถึงอย่างที่คิดไว้จริงๆ

ซู่เป่ายกตะกร้า ส่งบ๊ะจ่างให้ซูเยว่เฟยราวกับโอ้อวดคุณงามความดี “ลุงสามคะ บ๊ะจ่างสิบเอ็ดลูก!”

หนึ่งตะกร้าเต็มๆ

ซูเยว่เฟยอดไม่ได้ที่จะอุ้มซู่เป่าขึ้นมา หยิบกล่องของขวัญน้อยๆ ที่สวยงามออกมากล่องหนึ่ง “เอ้า ของขวัญให้เธอ”

ซู่เป่าว้าวเสียงหนึ่ง เธอมีของขวัญด้วย!

“ขอบคุณค่ะลุงสาม! ลุงสามดีที่สุดเลย!” ซู่เป่ากอดคอของซูเยว่เฟยอย่างดีใจ

มู่กุยฝานที่อยู่ข้างๆ หึ เขาไม่ควรค่าให้พูดถึงมากขึ้นทุกที

ขณะกินข้าว ซู่เป่าทำตามคำของจี้ฉาง บอกว่าตัวเองอยากไปหนานเฉิงสักครั้ง

นายหญิงซูวางตะเกียบลงโดยพลัน ปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด “ไม่ได้ หนูจะไปคนเดียวเหรอ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นใช่ไหม”

ซู่เป่าอธิบาย “ไม่ได้ไปคนเดียวค่ะ พี่จื่อซีก็ไปกับหนูด้วย”

ไม่พูดถึงซูจื่อซีก็ยังดี พอพูดถึงซูจื่อซี ทุกคนต่างก็ลงความเห็นเดียวกันว่า ไม่ได้

เด็กน้อยคนหนึ่งพาเด็กน้อยอีกคนไปที่ที่แสนไกลขนาดนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นใช่ไหม

ซูจื่อซี “…เอ่อ”

ขอร้องให้เขาไปเขาก็ยังไม่ไปเลย!

ซูจื่อซีวางถ้วยและตะเกียบลงแล้วกลับขึ้นห้องเลย

เห็นทุกคนต่างไม่เห็นด้วย ใบหน้าของซู่เป่าเศร้าสลด พูดขึ้นอย่างเด็กน้อยที่โกรธ “ขอร้องคุณยายล่ะค่ะ รีบเห็นด้วยเถอะนะคะ!”

ใช้สีหน้าที่ดูดุที่สุด พูดคำที่นุ่มนิ่มที่สุดออกมา...

สุดท้ายมู่กุยฝานก็เป็นคนโน้มน้าวตระกูลซู

ตอนค่ำนายหญิงซูบังคับรถเข็นไปที่ห้องของซู่เป่า “ซู่เป่าจ๋า นี่คือยันต์คุ้มภัยที่แม่ของแม่ของแม่ของยายส่งต่อให้มา หนูใส่ติดตัวเอาไว้นะ!”

ยันต์คุ้มภัยเป็นถุงหญ้าอ้ายที่เด็กๆ มักจะเหน็บไว้ในเสื้อผ้าตอนที่ยังเด็ก เดิมนายหญิงซูเห็นมันเป็นของเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นของที่ระลึก จึงรับไว้มาตลอด

หญ้าอ้ายข้างในไม่ได้มีค่าอะไร ก่อนหน้านี้ถุงหอมถุงน้อยนี้เป็นแม่ของแม่ของแม่ของนายหญิงซูเป็นคนเย็บ งานปักประณีต มีเพียงชิ้นเดียว

“ขอบคุณค่ะคุณยาย!” ซู่เป่าจูบนายหญิงซูทีหนึ่ง

แล้วซู่เป่าก็พูดกำชับว่า “คุณยายคะ อย่าใจร้อนจนลุกขึ้นยืนอีกนะคะ! ต้องรอให้ขามีปฏิกิริยาตอบกลับมา”

นายหญิงซูลูบศีรษะเธอด้วยความรักและเมตตาจากนั้นพูดขึ้นอย่างคล้อยตามว่า “ได้ๆๆ!”

อันที่จริงแล้ว เธอร้อนอกร้อนใจจนรอไม่ไหวแล้ว อยากวิ่งได้ในทันใดเป็นอย่างมาก

ไม่นาน ซูอีเฉินก็ยกกล่องหนึ่งเดินเข้ามา

เขาวางกล่องตรงหน้าซู่เป่า จากนั้นก็เปิดออก

ซู่เป่าว้าวเสียงหนึ่ง

ในกล่องมีกระดาษเหลือง ยันต์เหลือง กระบี่ไม้ท้อ กระจกแปดทิศ หล่อแก...มีหมดทุกอย่าง!

เพียงแค่กระบี่ไม้ท้อก็สามเล่มแล้ว

ซูอีเฉินพูดขึ้นอย่างนิ่งเงียบ “ลุงใหญ่ไม่รู้ว่าเธออยากได้อะไร ก็เลยซื้อๆ มาน่ะ”

ถ้าชวีเสี่ยงรู้ว่าเขาพูดแบบนี้คงได้แขวะแน่ อะไรคือการซื้อๆ มากัน

ของพวกนี้ล้วนเป็นของที่เขาหามาจากบรรดางานประมูล พูดถึงยันต์เหลืองนั่น ผู้ที่เก็บตัวอยู่บนเขาคนหนึ่งทำขึ้นมาด้วยตัวเองทีละขั้นตอน โดยใช้วัสดุไม้พิเศษ ฟังแล้วไม่ใช่ของธรรมดา

ส่วนยันต์เหลืองนั่น แพงกว่าเงินเป็นกองอีก

ซู่เป่ารับมาด้วยความดีใจ ของเหล่านี้มาได้ทันเวลาเธอมากจริงๆ

จี้ฉางหึๆ ทีหนึ่ง “ลุงใหญ่ของเจ้าสมแล้วที่เป็นลุงใหญ่ของเจ้าจริงๆ”

หลังซูอีเฉินเดินจากไป คนอื่นเองก็เดินเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ถือของมาให้ซู่เป่าแตกต่างกันออกไป

ซูจื่อซีที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องซู่เป่า ในขณะที่กำลังเล่นเกมอย่างเคร่งขรึม เงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก สุดท้ายก็พบว่าพวกเขายังให้ของกันอยู่

เขาเบ้ปาก

นี่ต่างหากถึงเป็นการใส่ใจที่แท้จริง!

พวกเขาเห็นซู่เป่าเป็นคนในครอบครัว ฉะนั้นความใส่ใจที่ให้ย่อมแตกต่างกัน

ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาพูดกับเขาโดยใช้เสียงอ่อนเสียงหวานเห็นได้ชัดว่าเป็นการเสแสร้ง

พรุ่งนี้ซู่เป่าแค่จะออกจากบ้านครั้งหนึ่งเท่านั้น พวกเขาทำอย่างกับว่าออกไปนานอย่างนั้น

ซูจื่อซีปิดโทรศัพท์อย่างรำคาญ สีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างมาก เขาเป็นหมูถึงได้อ้างว่ามาห้องของซู่เป่าอย่างอธิบายไม่ได้

ซู่เป่ากำลังจะไป แต่กลับได้ยินซู่เป่านับของขวัญ ปากกำลังพูดจ้อ

“ยันต์คุ้มภัยที่คุณยายให้ อันนี้ของซู่เป่า อันนี้ของพี่จื่อซี”

“กระบี่ไม้ท้อสามเล่มที่ลุงใหญ่เตรียมไว้ให้...อืม...”

ซู่เป่าเงยหน้าก็เห็นซูจื่อซีที่ยืนอยู่ จึงรีบหยิบเล่มที่สวยที่สุดในนั้นไปแขวนไว้ที่ไหล่ของเขา “อันนี้เหมาะกับพี่นะ!”

ซูจื่อซีจ้องเขม็งทีหนึ่ง

ทันใดนั้นก็พบว่าของที่พวกเขาให้ซู่เป่าล้วนมีสองชิ้น กระทั่งในของที่ซูจื่อหลินเตรียมให้ ยังรวมไปถึงชุดของพวกเขาทั้งคู่ พับเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ซู่เป่าวางของพวกนี้เข้าในไปกระเป๋าสัมภาระ ในกระเป๋าสัมภาระของของเขากินที่เกินครึ่ง และของซู่เป่าวางไว้ตรงมุมเล็กๆ...

ซูจื่อซี “…”

มี...มีส่วนของเขาด้วยเหรอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน