ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 205

ซูจื่อซีหันหน้าไปตามสัญชาตญาณ มองไปทางประตูห้องข้างๆ

ปฏิกิริยาตอบสนองของเขายาวนานเป็นอย่างมาก มองประตูที่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังออกมา เปิดออกไปข้างหลังอืดๆๆ

สำหรับลมที่พัดมาแรงขนาดนี้ เมื่อครู่ประตูห้องของพวกเขาถูกลมพัดเสียงดังปังทีหนึ่ง

แต่ประตูห้องข้างๆ กลับเปิดแง้มเพียงเล็กน้อย รู้สึกราวกับมีใครคนหนึ่งเปิดประตูออกอย่างช้าๆ อยู่ข้างหลังอย่างนั้น

ประตูเปิดไปหนึ่งในสามส่วน จากนั้นก็ไม่ขยับ

ซูจื่อซีสั่นเทา ประตูบานนั้นก็นิ่งไม่ขยับเช่นกัน

ราวกับมีคนที่มองไม่เห็นกำลังจับมือจับประตูเอาไว้และอิงข้างประตูมองเขาอย่างนั้น

ซูจื่อซีขนหัวลุกซู่ พยายามผลักประตู “ซู่เป่า เปิดประตู...”

เวรเอ้ย เวรเอ้ยเลยเถิดไปใหญ่แล้ว!

ประตูห้องข้างๆ ยังไม่ขยับเช่นเคย เสียงลมวู่ๆ รู้สึกราวกับมีคนกำลังหัวเราะอยู่ข้างหู

เป็นเสียงหัวเราะ ไม่ใช่เสียงร้องไห้

ไม่กลัวผีร้องไห้ ก็กลัวเสียงหัวเราะพิลึกกึกกือ

ซูจื่อซีผลักประตูแรงขึ้น ซู่เป่านี่! ตั้งใจใช่ไหม!

ในขณะนี้เอง ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างใช้แรง ซู่เป่าหายใจกระหืดกระหอบ พูดขึ้นอย่างหมดคำพูดว่า “พี่ ประตูมันเปิดออกไปข้างนอกนะ!”

เขาผลักเข้าไปข้างในด้วยแรงมหาศาลแบบนี้ เธอเกือบเปิดไม่ออกแล้วเชียว!

“แรงพี่มหาศาลมาก...” ซู่เป่ากล่าว

ซูจื่อซีมีเวลาสนใจมากอย่างนั้นที่ไหน เขารีบเข้าห้องไปในทันที

บางทีคนเราอาจระเบิดศักยภาพออกมาภายใต้สภาวะที่กลัวสุดขีด ซูจื่อซีไม่รู้เลยว่าแรงที่ตัวเองใช้เปิดประตูเมื่อครู่มันมหาศาลแค่ไหน

เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ใบหน้าที่บึ้งตึงของเขาก็ผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย ด่าเปิงอย่างไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก “โรงแรมนี้นี่ออกแบบยังไง ไม่นึกเลยว่าประตูต้องเปิดออกไปข้างนอก”

ทางเดินแคบขนาดนั้น ถ้าทุกคนเปิดประตูออกข้างนอก งั้นคนที่ผ่านไปผ่านมาก็เดินไม่ได้สิ

ซู่เป่าพยักหน้า “อืมๆ ออกแบบได้ไม่มีเหตุผลเอามากๆ”

ทางเดินชี่พิฆาตกลางใจที่ทั้งยาวและแคบ ประตูเปิดออกข้างนอก แถมยังเผชิญหน้ากันอีก

ราวกับทีแรกการออกแบบของตึกนี้ ไม่ได้ออกแบบมาให้คนอยู่อย่างนั้น...

ซูจื่อซีมองสำรวจในห้อง กวาดตาไปเห็นการตกแต่งเป็นอย่างดี กำแพงที่ขาวสะอาด ในห้องรับแขกวางโซฟาสีขาวนวลเอาไว้ตัวหนึ่ง ผ้าม่านเป็นสองชั้น ขณะนี้ผ้าผ่านผืนทึบถูกพับขึ้นมา เหลือเพียงผ้าโปร่งสีขาวชั้นเดียว

ผ้าโปร่งสีขาวพลิ้วไหวไปตามสายลมเบาๆ ข้างโซฟารูปร่างเมฆวางโต๊ะน้ำชากลมๆ เอาไว้ตัวหนึ่ง ทำให้การออกแบบสไตล์ครีมขาวนี้ดูยิ่งสะอาดและนุ่มนิ่มขึ้นไปอีก

แต่สิ่งที่ซูจื่อซีเห็นกลับเศร้าสลด

เขาลวดนั่งลงบนโซฟา ทันใดนั้นโซฟาก็ยุบลงไป

เขาพูดบ่น “ดูเป็นเรื่องเป็นราว อันนี้ที่จริงก็ตกแต่งหลอกตา”

โซฟาที่ดีต้องนุ่มแต่ไม่ยุบ ความยืดหยุ่นต้องดี ผ้าเป็นมิตรกับผิวหนังและสบาย

ตอนนี้โซฟาตัวนี้พอนั่งลงไปก็ยวบลงไปแล้ว ผิวผ้าก็มีความไม่สบายที่พูดออกมาไม่ได้อย่างหนึ่ง มองโต๊ะน้ำชากลมๆ ตรงหน้าอย่างละเอียด ถึงขั้นมองออกได้ว่าทาด้วยสีน้ำมันคุณภาพต่ำ

ช่าง “ใช้ภาพหลอก” ตามแบบฉบับมากจริงๆ ถ่ายภาพออกมาให้ดูดีก็พอ ต้องเอาตัวลงไปสัมผัสถึงได้รู้ว่าที่นี่ไม่สบายเอาอย่างมาก

ซู่เป่าหยิบของในกระเป๋าออกมา หยิบรองเท้าแตะเป็ดสีเหลืองคู่น้อยๆ ออกมาก่อน จากนั้นก็เปลี่ยน

จากนั้นหยิบรองเท้าแตะของซูจื่อซีออกมา หยิบผ้าปูที่นอนและผ้าห่มสองชุดออกมา หยิบเสื้อผ้าสองชุดออกมา หยิบ “อุปกรณ์” ชุดหนึ่งออกมา ชุดผ้าขนหนู แปรงสีฟัน ของใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น แล้วก็หยิบอาหารว่างชุดใหญ่ออกมา...

ซูจื่อซีมองอย่างตกใจจนพูดไม่ออก กระเป๋าใบเล็กขนาดนี้ยัดของมากมายขนาดนั้นเข้าไปได้ยังไง

ซู่เป่าลากรองเท้าแตะวิ่งไปวิ่งมา จัดวางของอย่างเรียบร้อย และยังพูดขึ้นอย่างเจียดเวลามาปลอบประโลม

“พี่คะ อดทนอีกหน่อยนนะ! ถ้าพี่รู้สึกว่าช้า งั้นเดี๋ยวเราไปตรวจสอบข้างๆ ดูไหม”

ซูจื่อซี “…”

ต้องไปตรวจสอบข้างๆ ดูด้วยเหรอ

“ทำไมเหรอ” เขาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก

มีผีก็ต้องจับให้ได้ไม่ใช่เหรอ

เขาแค่ใช้อยู่ในบ้านตระกูลซูอย่างสงบสุขไม่ได้ ทำยันต์เครื่องรางสิบแปดเส้นก็พอแล้ว ทำไมจะต้องมาจับผีด้วย

ซู่เป่าพูดขึ้น “ถ้าไม่จับ เธอก็จะรังควานพี่ไปตลอด พี่จะฝันร้ายไปเรื่อยๆ ค่อยๆ อ่อนแอลงอย่างช้าๆ จนถึงขั้นป่วย เป็นซึมเศร้า เป็นบ้า เป็นโรคด่างขาว เป็นลมชัก ไตพร่อง เป็นเชื้อราที่เล็บ...”

เธอนับนิ้วไปเรื่อย

ซูจื่อซี “หยุด…!”

พูดจาเพ้อพกอะไรน่ะ!

ซู่เป่า “สรุปก็คือ ตามที่อาจารย์บอก เรียกว่าไม่ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น แก้ไขที่ปลายเหตุแต่ไม่แก้ไขที่ต้นตอ”

ซูจื่อซี “แล้วยังไง ต้องถ่อมาพันลี้เพื่อจับให้ได้เลยเหรอ หลอกล่อเธอให้ไปที่จิงตูแล้วค่อยจับไม่ได้เหรอ”

ซู่เป่าเอ๊ะเสียงหนึ่ง “ทำไมหนูถึงคิดวิธีนี้ไม่ได้นะ”

ซูจื่อซี “เพราะงั้นตอนนี้เรารีบกลับไปกันเถอะ”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่ได้”

ซูจื่อซีเอามือปิดหน้า จับผมแล้วจับผมเล่า “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ”

ซู่เป่า “ค่าห้องไม่ได้คืน ไม่อยู่จะเปลืองเปล่าๆ”

ซูจื่อซี “…”

เธอต้องการเงินนั่นเหรอ!

“ฉันเอาเงินให้เธอเอง!” นิสัยดื้อดึงของซูจื่อซีกำเริบขึ้นมาแล้ว

ซู่เป่ายังคงส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้ “ที่พี่ให้คือเงินของพี่ เงินที่พ่อช่วยคือเงินของพ่อ ถ้าเอาเงินของพ่อแล้วไม่อยู่โรงแรมที่พ่อจองให้ งั้นเงินของพ่อก็เสียเปล่าสิ”

ทุกครั้งเมื่อตกอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้ ตรรกะของเจ้าเด็กน้อยจะชัดเจนเป็นอย่างมาก

อีกอย่าง วันนั้นตอนที่กลิ้งคุณปู่เต่า การทำนายบอกว่าต้องมาให้ได้ แม้เธอจะไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร

ซูจื่อซีกระอักเลือดแล้ว

องค์หญิงน้อยผู้ที่ตระกูลซูเอาอกเอาใจ นึกไม่ถึงเลยว่าจะถือสาเรื่องค่าห้องแค่สองวัน...

คิดๆ แล้วค่าห้องสองวันก็หนึ่งพันหยวนเลยนะ

เขาต้องซ้อมตั้งหนึ่งวันถึงจะหาเงินได้หนึ่งพันหยวน...

ซูจื่อซีที่หาเงินเลี้ยงตัวเองมาตั้งนานแล้วรู้ซึ้งว่าหาเงินมันไม่ง่าย และเพราะหนึ่งพันหยวนนี้ จึงสามัคคีกับซู่เป่าได้สำเร็จ

ถึงยังไง มาก็มาแล้ว...

เห็นซู่เป่าง่วนทำโน่นทำนี่ เขาจึงเดินมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก จับคอปกเสื้อของเธอด้วยสีหน้ารังเกียจ “ไปทางโน้นเลยไป ฉันจัดการเก็บเอง เห็นเธอจัดเก็บได้มั่วซั่วมาก”

ซู่เป่า “ไม่มั่วซั่วนะ!”

ซูจื่อซีเค้นเสียงหึทีหนึ่ง “ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะต้องของของฉัน”

เขาหยิบของของเขาออกมา “แล้วช่วย” จัดการของของซู่เป่าให้ดีด้วย

ซู่เป่าไม่มีอะไรให้ทำแล้ว จึงทำได้เพียงวิ่งไปเล่นกับเสี่ยวอู่

“งั้น พี่คะ ตอนค่ำเราไปดูห้องข้างๆ กันไหม” ซู่เป่าเปิดกรงนกไปพลางถามขึ้น

ซูจื่อซีทำหน้ามุ่ย “พรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ผีจะออกมาแค่ตอนกลางคืนนะ!”

ซูจื่อซี “…”

ได้ รีบตายแล้วก็รีบๆ ไปเกิด

เสี่ยวอู่ออกมาจากกรง ยืนเท้าแบะ เดินเล่นทางนี้ที เดินเล่นทางโน้นที

“ให้ตายเถอะ เย็นสบายชะมัด...” มันยังคงพูดประโยคนั้นซ้ำๆ แต่ครั้งนี้ตอนท้ายพูดมากขึ้นอีกสองสามประโยค

“ตรงนี้มีคน ตรงนี้ก็มีคน ใต้เตียงมีคน...ให้ตายเถอะ มีคนอยู่บนแอร์สองคน!”

ซูจื่อซีกำลังจัดที่นอน ทันใดนั้นขนก็ลุกซู่

เขาถอยหลังหนึ่งก้าว ทันใดนั้นอดกลั้นเอาไว้ภายใต้สายตาที่สงสัยของซู่เป่า หยิบของสำหรับล้างหน้าบ้วนปากไปทางห้องน้ำ

เสี่ยวอู่ “อ๊า ในห้องน้ำมีคุณน้าอยู่คนหนึ่ง!”

ซูจื่อซีอดกลั้นจนกลั้นไม่ไหวแล้ว “หุบปาก!”

ซู่เป่ามองอย่างประหลาดใจ หันหน้าไปถามเสี่ยวอู่ “บนแอร์มีคนไหนอยู่ตรงไหน”

เสี่ยวอู่ “คนหน้าไม่อายใส่แค่กางเกงขาสั้น!”

ซูจื่อซี “…”

นั่นมันพี่น้องไฮเออร์!

ซู่เป่าถามขึ้นอีกว่า “ใต้เตียงก็ไม่มีนี่!”

เสี่ยวอู่บินลงมา จิกนามบัตรขึ้นมาจากใต้เตียงใบหนึ่ง บนนามบัตรเขียนว่าล้างเท้าอะไรสักอย่าง เท้าที่ล้างทั้งคืน มิหนำซ้ำยังมีรูปพี่สาวที่อยู่ในชุดน้อยชิ้นคนหนึ่งติดอยู่ด้วย

“ว๊ากๆ มีคนๆ !”

ซูจื่อซี “…”

นั่นมัน...นามบัตรหน้าไม่อาย!

พอแล้วจริงๆ

เขาหยิบแปรงสีฟันและผ้าขนหนูเดินไปทางห้องน้ำ มองใบโฆษณาที่แปะอยู่ในห้องน้ำทีหนึ่ง

คุณน้าคนหนึ่งยิ้มหยีตา คำเตือนแสนอบอุ่น ป้องกันอัคคีภัย ป้องกันไฟฟ้า ระวังความปลอดภัย

ฉะนั้นที่มันบอกว่าในห้องน้ำมีคุณน้าคนหนึ่งอะไรนั่น หมายถึงอันนี้เหรอ

แต่ยังไม่ทันเห็นทันใดนั้นซู่เป่าก็กระพริบตา มองมาด้วยสายตาที่ป่นความสงสัย เค้นเสียงเอ๊ะทีหนึ่ง

“มีคุณน้าจริงๆ ด้วย...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน