ซูจื่อซีกำลังเดินไปห้องน้ำเพื่อเก็บผ้าขนหนู เมื่อได้ยินเสียงของซู่เป่าก็หยุดชะงักลงพร้อมกับหันหลังเดินกลับไป
ซู่เป่าถามด้วยความแปลกใจว่า“พี่ชาย เมื่อกี้พี่จะไปเก็บผ้าขนหนูไม่ใช่หรือคะ?”
ซูจื่อซีทำหน้าเฉยเมย “คิดว่ามาปูที่นอนเตรียมไว้ก่อนดีกว่า!”
ซู่เป่า “ออ……”
เธอเพ่งดูผีน้าสาวใส่ชุดนอนและมีผ้าขนหนูพาดไว้บนบ่าผืนหนึ่ง จากนั้นก็เดินเงียบๆเข้าไปในห้องนอนและนั่งอยู่ข้างเตียง
“เฮ้ มีคนเช่าบ้านมาใหม่แล้ว?แต่ทำไมถึงเป็นเจ้าเด็กน้อยสองคนนี้” น้าสาวบ่นพึมพำ
ซู่เป่ามองดูทิศทางของเตียงนอนและพูดตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ขอรบกวนหน่อยนะคะ แค่สองวันเองไม่นานหรอก!”
ซูจื่อซีกำลังเดินไปข้างเตียงแล้วก็หยุดชะงักอีกครั้ง จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องน้ำอีกรอบ วางผ้าขนหนูก่อนดีกว่า!!
เสี่ยวอู่ทำท่าเอียงคออย่างรู้สึกสงสัย “จิ๊บจิ๊บ นายเดินกลับมาอีกแล้ว”
ซูจื่อซีขี้เกียจจะสนใจเจ้านก
เสี่ยวอู่ “ฉันรู้แล้ว นายกลัวผี”
ซูจื่อซียิ้มอย่างเย็นเยียบ “ในโลกนี้ไม่มีผีหรอก”
ถึงจะเคยโดนฝันร้ายทำให้หวาดผวา
และแม้ว่าจะมาที่นี่กับซู่เป่า---
ถึงเขาจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่คิดจะลบหลู่ และในใจลึกๆก็ยังเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มี...
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็มีลุงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
ซูจื่อซี!!!
อ๊ากกก...
เขากำลังฝันอยู่?ภาพลวงตา???
ถ้าคนที่เห็นลุงคนนี้คือซูเหอเวิ่น ป่านนี้ก็คงกระโดดสูงสามฟุตพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังซู่เป่าอย่างแน่นอน
แต่ซูจื่อซียังคงยืนอยู่กับที่ ใบหน้าเหมือนรูปปั้นหินที่แข็งทื่อและไร้ความรู้สึก
นอกจากลุงคนนี้แล้ว เขายังมองเห็นน้าสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงนอน
เมื่อกี้ในห้องนอนไม่มีใครอยู่เลยชัดๆ แล้วพวกเขาสองคนโผล่ออกมาได้อย่างไร???
ถ้าหากว่าเป็นผี แล้วทำไมเขาถึงสามารถมองเห็นพวกเขาได้ล่ะ?
เหมือนเซลล์ประสาทส่วนต่างๆของซูจื่อซียังตอบสนองได้ไม่เต็มที่...
ลุงคนนั้นกวาดสายตามองดูเขาอย่างไม่พอใจ “มีคนเช่าบ้านมาใหม่อีกแล้วหรือ?
น่ารำคาญจริงๆ มีคนเข้าๆออกๆอยู่ทุกวัน เงินก็ไม่จ่ายสักบาททำแต่เรื่องผิดศีลธรรม!”
ซู่เป่ารีบวิ่งไปที่กระเป๋าสัมภาระ จากนั้นก็เปิดดูสิ่งของที่ลุงใหญ่เตรียมไว้ให้ แล้วก็หยิบกระดาษเงินออกมาปึกใหญ่
“ขอโทษด้วยที่มารบกวน!พวกเราจะจ่ายเงินให้นะคะ!”
เธอหยิบกระดาษเงินและใช้ชาดแดงวาดเป็นรูปวงกลมที่พื้น และเว้นช่องว่างไว้ที่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ
หลังจากนั้นก็เผากระดาษเงินพร้อมกับสวดคาถาขมุบขมิบอยู่ในปาก
เมื่อเห็นซู่เป่าเผากระดาษเงิน ซูจื่อซีจึงเริ่มตอบสนองขึ้นมา
เขาตัวสั่นระริกและขนลุกไปทั่วตัว
“เธอ เธอทำอะไร!”เขารู้สึกหวาดกลัวในใจ
ซู่เป่าตอบว่า “เผากระดาษเงินให้ลุงกับน้าสาว เป็นค่าที่พักของพวกเราชั่วคราว”
ซูจื่อซีเกร็งหลังตึงและมือกับเท้าก็ขยับเดินไปพร้อมกันคล้ายหุ่นยนต์ เพื่อไปนั่งอยู่ข้างๆซู่เป่า
เมื่อเห็นผีสองตัวที่กำลังเพ่งมองดูเขาอยู่ ซูจื่อซีจึงก้มหน้าลงอย่างไวและหันไปหาซู่เป่า
“ทำ...ทำไมต้องวาดเป็นรูปวงกลมด้วย?” เขาหาเรื่องพูดเพราะไม่รู้จะทำตัวยังไงดี
ซู่เป่าจึงพูดอธิบายตอบว่า “วาดวงกลมเพื่อให้เขาสามารถหยิบเงินนี้ได้ ไม่อย่างงั้นเงินนี้ก็จะถูกลมพัดหายไปได้!”
ซูจื่อซี “……”
“พี่ชายจำไว้ให้ดีนะ ถ้าจะเผาเงินให้ผีต้องวาดเป็นรูปวงกลมก่อน และถ้าหากว่าคนรับไม่อยู่ ก็ต้องเขียนชื่อและวันเดือนปีเกิดของเขาไว้...ไม่อย่างงั้นเขาจะไม่ได้รับเงินนี้”
ซูจื่อซี “…แล้วคนที่เผากระดาษเงินในวันที่สิบสี่เดือนเจ็ดตรงถนนสี่แยกล่ะ?พวกเขาไม่ได้วาดรูปวงกลมเลย”
เขาเคยเห็นคนเหล่านั้นที่ไม่ได้วาดอะไรสักอย่าง
ซู่เป่าจึงพูดตอบไปว่า “ฉะนั้นกระดาษเงินที่พวกเขาเผาก็ไปไม่ถึงมือญาติมิตร แต่บริเวณรอบๆที่พวกเขาเผากระดาษเงินจะมีวิญญาณผีเร่ร่อนไร้ญาติมารอรับเงินเหล่านั้นไป”
“พี่ทำเป็นหรือยัง?” ซู่เป่าถามด้วยความเป็นห่วง
ซูจื่อซี “……”
เอ๊ะ! แล้วเขาจะฝึกทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร??
เมื่อไฟได้เผาไหม้กระดาษเงินจนหมดเกลี้ยงแล้ว ซู่เป่าก็เอากระบี่ไม้ท้อเหวี่ยงควงไปมา
“เสร็จแล้ว คุณลุงคุณน้า นี่เป็นเงินค่าเช่าห้องของพวกคุณนะคะ!”
ผีน้าสาวแสดงสีหน้าดีใจ อยู่มาตั้งหลายปี ในที่สุดก็ได้เจอกับคนที่รู้จักมารยาทสักที!
วิญญาณผีเร่ร่อนไร้ญาติอย่างพวกเขาที่ไม่เคยมีคนกราบไหว้ ตายไปก็ไม่มีใครเผากระดาษเงินไปให้ ได้แต่รอเก็บเศษเงินอยู่ตามถนนสี่แยกในวันที่สิบสี่เดือนเจ็ดอย่างยากลำบาก...
แต่ในยุคปัจจุบันนี้ น้อยมากที่จะมีคนไปเผากระดาษเงินตามถนนสี่แยก
ผีน้าสาวกับผีลุงก็เดินเข้าช่องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่เว้นไว้ แล้วจึงหยิบเงินนั้นไปอย่างหน้าตายิ้มแย้ม
“อืม ช่างเป็นเด็กสาวที่มีมารยาทดีจริงๆ!มาๆๆ พวกเธอนอนพักที่นี่นะ ส่วนฉันกับลุงก็จะไปพักที่ห้องข้างๆสักสองวัน!” น้าสาวยิ้มจนหางตาโค้งงอ
ลุงใหญ่เองก็อารมณ์ดีเหมือนกัน จึงหัวเราะและพูดว่า “มีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกมาได้นะ!”
ซูจื่อซี...
เหมือนได้เปิดหูเปิดตา
ประตูของโลกใบใหม่ได้เปิดออกแล้ว...
เขาทำสีหน้างุนงง
ซู่เป่าคิดไปคิดมาก่อนจะถามขึ้นว่า “ห้องข้างๆมีใครพักอยู่เหรอคะ?”
คุณลุงคุณน้าที่ได้รับเงินแล้วก็ให้ความร่วมมืออย่างดีและพูดว่า “ห้องข้างๆเหรอ หมายถึงวิญญาณหยินเดิมหรือคนเช่าปัจจุบัน?”
ซู่เป่าถามอย่างสงสัยว่า “วิญญาณหยินเดิม?”
ตึกนี้ไม่ใช่สร้างไว้ให้คนอยู่เหรอ
คุณลุงจึงพูดขึ้นว่า “ที่ดินผืนนี้เคยเป็นสุสานฝังศพคนตายมาก่อน...ต่อมาก็ได้ถูกพัฒนาเอามาสร้างในโครงการ?”
ซู่เป่าพยักหน้า
คุณน้าพูดอีกว่า “ก่อนที่จะขุดหลุมฝังเสาบ้านพวกเขาได้เชิญนักพรตคนหนึ่ง สุสานฝังศพเก่าแก่นี้มีกระดูกของคนจำนวนมากมาย ลำพังวิญญาณหยินก็มีนับพันราย ถ้าต้องออกจากที่นี่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน”
“วิญญาณหยินไม่สามารถออกจากที่เดิม นักพรตคนนั้นก็ไม่มีความสามารถที่จะเก็บพวกเราไว้ แต่เพราะว่าเขาต้องการได้เงินจึงได้ออกความคิดเห็นให้เจ้าของตึกแห่งนี้”
“อ้างเรื่องความสมดุลของหยินหยาง บอกว่าถ้าตึกสร้างเสร็จแล้ว ก็จะให้วิญญาณหยินแบ่งกันอยู่คนละห้อง ให้ประตูเปิดออกและทางเดินอาคารตั้งแต่ต้นจนปลายต้องเปิดให้ไอหยินเข้าออกได้สะดวก ส่วนห้องพักก็จะต้องสร้างตามมาตรฐานแดนนรก...ฉะนั้นห้องพักส่วนใหญ่ของที่นี่จะมีขนาดเล็กมาก”
ซู่เป่าฟังอย่างตะลึง “ทำแบบนี้ก็ต้องมีผลกระทบต่อคนเป็นสิ!อีกทั้งยังมีผีอยู่เยอะแยะขนาดนี้ เจ้าของตึกก็เห็นด้วยเหรอ?”
ผีน้าสาวพูดขึ้นว่า“ขอแค่คนเป็นอย่าพักอาศัยอยู่นานๆก็พอ ตึกแห่งนี้มีคนเข้าๆออกๆเป็นประจำ ถ้าอยู่แค่ชั่วคราวก็ไม่มีผลกระทบอะไร วิญญาณผีเร่ร่อนไร้ญาติอย่างพวกเราจะ‘ดำรง’อยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อวันเวลาผ่านไปสักระยะพวกเราก็จะค่อยๆดับสลายสูญสิ้นไปเอง เจ้าของตึกไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว”
“แต่มีคนหนุ่มสาวที่เพิ่งเรียนจบ ไม่ค่อยชอบบรรยากาศของหมู่บ้านกลางเมือง แต่ก็ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าเช่าบ้านในย่านชุมชนเมือง...ฉะนั้นคนที่เช่าอยู่ที่นี่ก็จะพักอยู่หลายปีเลย อย่างเช่นหญิงสาวที่พักอยู่ห้องข้างๆนี้”
เมื่อซู่เป่าได้ฟังเรื่องเล่าที่เธอสนใจและชอบมาก หูสองข้างก็ตั้งตรงขึ้นมาพร้อมกับเอามือไว้ใต้คางด้วยท่าทีเหมือนกำลังฟังนิทานอย่างตั้งใจ
ผีน้าสาวเห็นท่าทางที่น่ารักของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเล่าต่อไปอย่างช้าๆ “หญิงสาวคนนี้อาศัยอยู่ทีนี่สามปีแล้ว เพราะว่าพักอยู่นานเกินไปเลยทำให้เธอสติฟั่นเฟือน”
ซู่เป่าพยักหน้า “ก่อนที่จะเดินทางมาคุณพ่อได้ศึกษาดูมาแล้ว หอพักดอกท้อมีคนเคยโดดตึกเป็นจำนวนมาก”
ซึ่งหมายความว่าผีผู้หญิงที่ติดตามพี่จื่อซีมาไม่ใช่คนแรก
ผีน้าสาวพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว เมื่อพักอยู่ที่นี่นานๆ ถ้าหากว่าจิตไม่แข็งพอก็จะมีอาการวิตกกังวง หดหู่ และอารมณ์เก็บกดต่างๆ... ”
มนุษย์ยังมีคนชั่วและผีชั่วก็มีเหมือนกัน ขอแค่สามารถดำรงอยู่ต่อไปก็พอแล้ว
“หลังจากที่คนเช่าบ้านตายไป ถ้าหากว่าไปเชิญคนทำพิธีที่ไม่ชำนาญ ทำให้รับส่งดวงวิญญาณอย่างไม่ถูกต้อง วิญญาณผู้ตายก็จะถูกจองจำอยู่ที่นี่ และต้องกลายเป็นวิญญาณทาสรับใช้ของวิญญาณหยินที่อาศัยอยู่ก่อนแล้ว”
ซู่เป่าถึงได้เข้าใจอย่างกระจ่าง “ฉะนั้นคนที่พักอยู่ในห้องข้างๆตอนนี้ก็คือวิญญาณหยินที่อาศัยอยู่ก่อนแล้วกับหญิงสาวที่โดดตึก?”
ผีน้าสาวกับลุงใหญ่ต่างรู้สึกแปลกใจ เธอรู้ได้ยังไง?
ผีน้าสาวพูดขึ้นว่า “หญิงสาวห้องข้างๆไม่ชอบออกมาจากห้อง หลังเลิกงานกลับมามักชอบเล่นเกมส์อยู่แต่ในห้อง ได้ยินว่าเธอติดต่อกับสตรีมเมอร์บ่อยๆ…”
ซูจื่ซี “…”
เนย์มาร์สตรีมเมอร์...
คนๆนี้ คงไม่ใช่เขาใช่ไหม!?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...