ซูจื่อซีรู้สึกเหงื่อเย็นๆไหลออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ซู่เป่าถามขึ้นว่า “สตรีมเมอร์?พี่ชายของหนูไงล่ะ!
ซูจื่อซี อย่าเอ่ยชื่อฉันนะ!ขอบคุณ!!
ผีน้าสาวมองดูซูจื่อซี “แบบนี้เหรอ... ”
“หญิงสาวคนนั้นไม่ค่อยมีเพื่อน เธอเช่าห้องร่วมกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
“ผู้หญิงอีกคนหนึ่งมักจะพาผู้ชายมาร่วมหลับนอนค้างคืนด้วยกัน ทั้งสองจึงทะเลาะกันบ่อยๆ”
ซูจื่อซี “……”
เรื่องเล่าเหตุการณ์แบบนี้ เหมือนเคยฟังอย่างคุ้นหู...
เขานึกถึงช่วงก่อนที่ถูกจ้างให้เล่นเกมส์ในช่วงดึกๆ ฝั่งตรงข้ามมักจะบ่นว่าเพื่อนร่วมห้องพาเพื่อนชายมาค้างคืนอีกแล้ว...
“หลังจากนั้นล่ะ?” ซูจื่อซีเอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไหว
ผีน้าสาวตอบมาว่า “หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว!”
ซูจื่อซี “…”
เขากำลังฟังอย่างตั้งใจ แต่กลับตอบมาว่าไม่รู้แล้ว!?
ผีน้าสาวพูดอีกว่า“ตอนที่หญิงสาวคนนั้นจะโดดตึก ในห้องมีเสียงดังกึกก้องขึ้นมา เพื่อนร่วมห้องกลัวจนไม่กล้ากลับมา”
“ได้ยินว่าเธอไปชอบชายหนุ่มที่เล่นเกมส์ด้วยกัน ก่อนที่หญิงสาวนั้นจะโดดตึกเธอสวมชุดแต่งงานสีแดง และเขียนชื่อชายคนรัก...ซึ่งทั้งสองไม่เคยพบเห็นหน้ามาก่อน หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผีน้าสาวลองคิดๆดูจากนั้นก็พูดต่อว่า “ใช่แล้ว ชายคนนั้นมีชื่อในเกมส์ว่ามู่ซินรื่อมู่จิน ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มสีแดงนั้น ที่เขียนชื่อของคนนี้ไว้
ซูจื่อซี “??!!!”
โอ้! เป็นไปไม่ได้ อะไรจะบังเอิญเช่นนี้
โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล ทำไมถึงต้องเป็นเขาด้วย?!
ซูจื่อซียืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนโดนฟ้าผ่า
ซู่เป่ากล่าวขอบคุณผีน้าสาวกับลุง แล้วส่งพวกเขาออกจากประตูพร้อมกับมองดูทั้งสองลอยหายไป
แล้วจึงค่อยเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะพี่ชาย พวกเราไปดูห้องข้างๆกันเถอะ?”
เมื่อกี้ผีน้าสาวบอกว่า ตอนนี้ห้องข้างๆไม่มีใครอยู่
ซูจื่อซีหัวใจเต้นเร็วด้วยความกลัว “ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้วช่างมันเถอะ……”
ซู่เป่าถามอย่างแปลกใจ “พี่ชาย เห็นพี่มีท่าทางแปลกๆตั้งแต่เดินเข้ามาจากประตูแล้วนะ!เป็นอะไรเหรอ?”
ซูจื่อซีกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่พูดความจริงออกมา “เมื่อกี้ตอนที่พี่อยู่ข้างนอก ประตูห้องข้างๆมันเปิดเอาไว้”
ซู่เป่าเปิดตากว้าง “เมื่อกี้พี่ทำไมไม่พูดล่ะ?”
ซูจื่อซีเบ้ปากพร้อมกับหันหน้าไป
มีอะไรน่าพูดด้วยล่ะ?
พูดให้เธอหัวเราะเยาะว่าเขาขี้ขลาดหรือ?
แต่...แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะเขาเจอผีจริงๆเข้าแล้ว!
ร้องไห้(┬_┬)
ซู่เป่า “พี่ชาย เป็นอะไรไปเหรอ ตอนนี้พี่ดูแปลกๆมากกว่าเดิมอีก”
เธอเพ่งมองซูจื่อซี รู้สึกเหมือนเขากำลังปิดบังอะไรเธออยู่
ซูจื่อซีอยู่เงียบๆไม่พูดไม่จา เพราะไม่รู้จะพูดยังไงดี
ถ้าบอกว่าเขายอมเป็นสตรีมเมอร์เพื่อหาเงิน ซึ่งตอนแรกทุกคนคิดว่าเขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แถมยังไล่ให้เขากลับบ้านไปหาแม่?
เพราะว่าเขายังเป็นเด็กอยู่ จึงไม่สามารถเข้าไปในสโมสรได้ สุดท้ายเขาจึงแต่งเป็นสตรีมเมอร์หน้าสัตว์ป่า...คลุมด้วยเสื้อกล้าม และสวมรอยเป็นชายหนุ่มวัยกลางคน?
และผีผู้หญิงที่อยู่ห้องข้างๆ ก็เป็นลูกค้าที่เล่นเกมส์กับเขาด้วย??
“ไม่มีอะไร” ซูจื่อซีเม้มปากและทำหน้าเศร้า
ซู่เป่านับนิ้วคำนวณดวงชะตาด้วยสีหน้าจริงจัง “หนูลองคำนวณด้วยนิ้วดูแล้ว พี่ชายจะต้องเจอกับอันตราย พี่ชายคิดว่าศักดิ์ศรีกับชีวิตอย่างไหนสำคัญกว่ากัน?”
ซูจื่อซี “…”
เขาจ้องมองซู่เป่า และคิดว่าเธอกำลังเสแสร้งอยู่
เขาเม้มปากขึ้นก่อนจะพูดออกมาว่า “พี่ก็คือว่ามู่ซินรื่อมู่จิน”
ตอนนี้ถึงคราวซู่เป่าอ้าปากค้าง “พี่ชายคือซูจื่อซี ทำไมถึงกลายเป็นมู่ซินรื่อมู่จินไปได้ล่ะ”
ซูจื่อซีรู้สึกสับสนวุ่นวาย หยิบกระดาษมาเขียนชื่อของตัวเอง และเขียนคำว่าจื่อซีอย่างห่างๆ ก็จะกลายเป็นคำว่ามู่ซินรื่อมู่จิน
ซู่เป่ามองดูเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ “มิน่าล่ะหญิงสาวที่โดดตึกถึงได้ติดตามพี่อย่างไม่เลิก”
ซูจื่อซีทำใจยอมรับไม่ได้ “ผมยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง!”
เขาแค่ต้องการจะเล่นเกมส์เพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองเท่านั้น
ต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ซูจื่อซีรู้สึกว่า ตอนนี้การเล่นเกมส์ได้กลายเป็นปมในชีวิตของเขาไปแล้ว...
ซู่เป่าส่ายหน้าไปมา “เธอไม่อยากจะเอ่ยถึงหญิงสาวที่โดดตึก แต่ทำไมพี่ชายถึงไม่ซื่อสัตย์บ้างล่ะ?”
ซูจื่อซีรู้สึกแย่มาก
ซูจื่อซีเพิ่งจะมาใคร่ครวญปัญหานี้เป็นครั้งแรก หรือว่า เขาทำผิดไปแล้วจริงๆ...
ซู่เป่าพูดปลอบใจไปว่า “แต่ก็ไม่เป็นไร หญิงสาวที่โดดตึกไม่ได้เขียนชื่อจริงของพี่ลงไปในสมุดเล่มสีแดง และไม่รู้วันเดือนปีเกิดของพี่ด้วย”
ฉะนั้นจึงได้แต่ติดตามเขา และทำให้เขาฝันร้าย
ถ้าหากว่าเขียนชื่อของซูจื่อซี ตอนนี้ซูจื่อซีก็คงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้อย่างสงบสุข
“แล้วจะต้องทำยังไง?” ซูจื่อซีดึงผมตัวเองอย่างกลุ้มใจ
ก่อนหน้านี้ เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะกลายแบบนี้
ส่วนเรื่องที่มีผีจริงหรือไม่ ก็เริ่มจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เมื่อซู่เป่ามองดูเขาและถามอย่างจริงจัง “อย่ากลัวเลย ยังมีซู่เป่าอยู่ทั้งคน!”
ซูจื่อซีถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
เด็กตัวเล็กๆที่สูงแค่หัวไหล่ของเขา
แต่กลับแสดงสีหน้าจริงจัง และทำให้รู้สึกมีความอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
ซูจื่อซีอยู่เงียบๆอย่างไม่พูดอะไร
เที่ยงคืนสิบนาที
หอพักดอกท้อดูเงียบสงบ จนรู้สึกวังเวงชอบกล
ระเบียงทางเดินยาวๆนี้ ทุกระยะสองเมตรจะมีหลอดไฟหนึ่งดวง หลอดไฟนี้ติดตั้งอยู่บนเพดานซึ่งไม่ค่อยสว่างมากนัก ทำให้ระเบียงทางเดินมีแสงสลัวๆดูไม่ค่อยแจ่มแจ้ง
ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่บนทางเดินสู่น้ำพุเหลือง…
ซู่เป่าถือกระบี่ไม้ท้อและสะพายย่ามสีเหลืองเอาไว้ ด้านในมีเหรียญทองแดงหนึ่งพวงกับกระดาษเงินกระดาษเหลืองและสิ่งของอื่นๆ
ทางด้านหลังมีซูจื่อซีที่ตามติดอย่างใกล้ชิด ซูจื่อซีมีสีหน้าตึงเครียด และพกกระบี่ไม้ท้อหนึ่งด้ามเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย...
เขามองดูประตูห้องข้างๆที่ปิดอย่างสนิทด้วยแววตาที่ริบหรี่
เมื่อกี้ผีน้าสาวบอกว่าห้องข้างๆไม่มีคนอยู่ แล้วประตูนั้นล็อคได้ยังไง อีกทั้งยังไม่ได้ยินเสียงลมพัดประตู“ปัง”แม้แต้นิดเดียว
“ซู่เป่า ไม่มีอะไรจริงๆใช่ไหม?” ซูจื่อซีมองดูระเบียงทางเดินยาวๆนี้ หัวใจเต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมาจากหลอดลม
ซู่เป่าทำสัญญาณมือโอเคส่งให้เขา “ไม่มีอะไร”
ทันทีที่พูดจบ ห้องข้างๆก็มีเสียงเคลื่อนไหวเกิดขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆเปิดออกมา...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...