ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 208

ประตูห้องข้างๆค่อยๆเปิดออกมา ซูจื่อซีจ้องมองประตูบานนั้นอย่างตัวแข็งดั่งรูปปั้นหิน

ซู่เป่าเหลือบไปมองเขาแวบตาเดียว ก็รู้สึกตลกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เวลาที่พี่เหอเวิ่นเห็นผีก็จะวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงด้วยความกลัวพร้อมกับส่งเสียงร้องดังลั่น

แต่เวลาที่พี่จื่อซีเห็นผีกลับยืนนิ่งเหมือนโดนจี้สกัดจุดและคล้ายกับรูปปั้นที่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่ขยับตัว

ซู่เป่าปิดปากหัวเราะ “พี่ชาย ถ้าหากว่าผีสามารถกินคนได้จริงๆ พี่ก็คงจะโดนกินเป็นคนแรกอย่างแน่นอน”

ซูจื่อซีไม่อยากสนใจเธอ!

ทันใดนั้น ซู่เป่าก็กระโดดไปอยู่ข้างๆซูจื่อซี...

“อ้ำ!”

เขาโดนกัดไปที่แขนหนึ่งที!

ซูจื่อซีตกใจจนขนลุกขนพอง

“…เธอทำอะไร!”

บนแขนเต็มไปด้วยคราบน้ำลายของเธอ จนซูจื่อซีไม่รู้จะพูดยังไงต่อ

ซู่เป่ามองดูฝูงภูตผีที่ระเบียงทางเดิน พวกเขาต่างก็สะดุ้งกับเสียงงับแขนของเธอจนพาหลบหนีไป

เธอหัวเราะชอบใจก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องกลัวนะพี่ชาย น้ำลายของซู่เป่าสามารถปกป้องกันผีได้!”

“ไปไกลๆเลย!” ซูจื่อซีทำตาขวางใส่เธอ

ซู่เป่าพูดขึ้นมาทันทีว่า “ได้เลย!พี่สาว ซู่เป่ามาแล้ว!”

เธอถือกระบี่ไม้ท้อพร้อมกับวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ซูจื่อซี “…”

อ้าว...วิ่งไปจริงๆหรือนี่?

เป็นน้องสาวที่พึ่งพาไม่ได้เลยจริงๆ!

ซูจื่อซีรู้สึกโมโหขึ้นมาและมองดูประตูบานนั้น เขาตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปแล้ว

ไม่เข้า ยังไงก็ไม่เข้า...

ขณะที่กำลังคิดแบบนี้อยู่ จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาที่ข้างใบหูของซูจื่อซีว่า “คุณมาแล้วเหรอ... ”

ซูจื่อซีหรี่ตาให้เล็กลง และระบบประสาทก็ตอบสนองขึ้นมาทันที เขาขยับเท้าวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว “ซู่เป่า... !!!!”

เขาวิ่งอย่างต่อเนื่องจนเข้าไปถึงห้องข้างๆ...

ด้านในเป็นบ้านแบบสองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก มีโซฟาผ้าฝ้ายสีเทาแบบทั่วไป ขนาดพื้นที่ในห้องคับแคบมาก โซฟาในห้องรับแขกอยู่ตรงหน้าห้องครัวกับห้องน้ำพอดี และก็ไม่มีโทรทัศน์อีกด้วย

ติดกับห้องรับแขกมีประตูห้องนอนสองห้องอยู่ใกล้กัน ประตูห้องหนึ่งปิดเอาไว้ ส่วนอีกห้องหนึ่งเปิดประตูเอาไว้ ประตูห้องนอนอยู่ตรงกับประตูใหญ่ ฉะนั้นเมื่อเดินเข้าบ้านก็จะเจอห้องที่ตกแต่งด้วยสีแดงฉูดฉาด——

ผ้าปูเตียงสีแดงสดรวมถึงผ้าห่มและหมอนด้วย บนกระจกของโต๊ะเครื่องแป้งมีตัวอักษรจีนคำว่าสี่喜แปะเอาไว้(สี่หมายถึงความสุข)และข้างกระจกมีร่องรอยของเทียนสองแท่งที่ถูกเผาไหม้จนหมดเกลี้ยงหลงเหลืออยู่

มีรองเท้าส้นสูงสีแดงวางอยู่ที่ปลายเตียง

เมื่อลมพัดมา คล้ายกับว่ามีเสียงคนถอนหายใจอย่างแผ่วเบาส่งผ่านมาที่ข้างหู

ซูจื่อซีขนลุกวูบวาบไปหลาบรอบและหนังศรีษะก็ชาขึ้นมา จนไม่กล้าหันหน้ากลับไปด้านหลัง

“ซู่เป่า...เธออยู่ที่ไหน!” ซูจื่อซีเรียกหาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ฮือๆๆ เมื่อกี้เพิ่งไล่ให้เขาไปไกลๆ ตอนนี้กลับอยากวิ่งเข้าไปกอดขาเธอไว้

ทันใดนั้นก็มีศรีษะน้อยๆโผล่ออกมาที่ด้านหลังของเขา “หนูอยู่ที่นี่ไง!”

ซูจื่อซี “!!”

เขายืนตัวแข็งทื่อจากนั้นก็พูดอย่างโมโหว่า “ทำไมต้องโผล่ออกมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียงด้วย!”

เหมือนกับว่าซู่เป่าทำอะรผิดไปจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “คราวที่แล้วที่ตบไหล่พี่ไป พี่ก็เกิดโมโหขึ้นมา... ”

ถ้าเรียกชื่อเขากะทันหันยังไงเขาก็ต้องตกใจ หรือจะให้ตบไหล่เขาไปเขาก็ต้องตกใจกลัวเหมือนเดิมอีก

ตอนนี้โผล่หัวออกมา พี่ชายก็ยังโมโห

เฮ้อ เธอลำบากใจเหลือเกิน!

ซูจื่อซีถามขึ้นมาว่า “เธอไปไหนมา?”

ซู่เป่าชี้ไปที่ห้องครัว “หนูไปสำรวจห้องครัวมา และเจอไข่สีแดงสองฟองนี้”

เมื่อเธอแบมือทั้งสองข้างออก ก็มีไข่สีแดงอยู่ในมือข้างละฟอง ตามชนบทเมื่อมีการแต่งงานก็จะเตรียมไข่สีแดงแบบนี้เอาไว้

ซูจื่อซีปัดมือของเธอออกไปอย่างไว “เอาไปไกลๆหน่อย!”

ซู่เป่ามองไปรอบๆห้อง จึงวางไข่สองฟองนี้ไว้บนโต๊ะน้ำชา

ฟิ้ว...

ทันใดนั้น ก็มีเงาสีแดงลอยผ่านหน้าประตูไป

ซูจื่อซีอึ้งจนตาค้าง “ซู่เป่า เมื่อกี้เธอ...เธอมองเห็นอะไรไหม?”

ซู่เป่าพยักหน้าตอบ “เห็นสิ มีพี่สาวสวมชุดแต่งงานสีแดง”

เธอมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เมื่อกี้ผีน้าสาวบอกไว้ว่า ห้องนี้มีวิญญาณผีที่อาศัยอยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนที่เข้ามากลับไม่เห็นผีเลยแม้แต่ตัวเดียว

หรือว่าเขาจะกำลังออกไปเที่ยวเตร่อยู่

ยิ่งมองไม่เห็นซูจื่อซีก็ยิ่งตื่นเต้น เขาจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พวกเรากลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ตอนเที่ยงค่อยมาใหม่... ”

ทันทีที่พูดจบ ก็ได้ยินเสียงก้าวเท้าต๊อกแต็กดังมาจากระเบียบทางเดิน

เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเหมือนกับว่ากำลังมุ่งหน้ามาที่ห้องนี้

ซู่เป่าจับมือของซูจื่อซีไว้แล้วก็วิ่งเข้าไปหลบด้านในห้อง “รีบซ่อนตัวกันก่อน!”

ซูจื่อซี “???”

เขาถูกซู่เป่าดึงเข้าไปในห้องและเห็นผ้าสีแดงที่ใช้ในงาน“มงคล”ประดับตกแต่งอยู่เต็มห้องนั้น!

เซลล์ประสาทของซูจื่อซีกำลังคัดค้านอยู่ว่า “เปลี่ยนห้องเดี๋ยวนี้... ”

ซู่เป่าตอบอย่างเสียงเบาว่า “เปลี่ยนไม่ทันแล้ว!”

ซูจื่อซีตื่นเต้นอย่างไร้สาเหตุ โดนซู่เป่าลากตัวมาหลบอยู่ใต้เตียง จากนั้นซู่เป่าก็ติดยันต์เหลืองไว้ที่ด้านหน้าของทั้งสอง

ใต้เตียง...

เมื่อซูจื่อซีเรียกสติขึ้นมาได้แล้ว บางทีมนุษย์ก็ซื่อบื้อเหมือนกัน!

หลบที่ไหนไม่ว่า แต่ดันมาหลบอยู่ที่ใต้เตียงของผีผู้หญิง

ซูจื่อซีขนลุกซู่และกำลังจะคลานออกไป ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงปรากฎอยู่ตรงข้างหน้า!

รองเท้าสีแดงคู่นั้นยิ่งอยู่ยิ่งมาใกล้มากขึ้น และมีเสียงแหบเหมือนโดนัลด์ดั๊กดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เฮ้ย...ไปหลบอยู่ที่ไหนแล้ว…”

ซูจื่อซีเปิดตากลมโต รองเท้าสีแดงคู่นั้นขยับไปมาอยู่ต่อหน้าเขาและเขย่งเท้าเดินอย่างแปลกประหลาด

คนปกติจะเดินโดยฝ่าเท้าแนบตรงกับพื้น และเท้าก็ต้องอยู่ราบกับพื้นห้อง และคนที่ใส่รองเท้าคู่นี้กลับเดินเขย่งเท้าอย่างเดียว

ทันใดนั้นรองเท้าคู่นั้นก็หยุดลงต่อหน้าเขา หลังจากนั้นซูจื่อซีก็มองเห็นเส้นผมที่ปล่อยยาวลงมา...เหมือนคนนั้นกำลังจะเกาะอยู่ข้างเตียงเพื่อก้มหน้าสำรวจดูใต้เตียง

ซูจื่อซีตัวแข็งทื่อขึ้นมา แม้แต่ลมหายใจก็หยุดชะงักลง

มีเส้นผมกองอยู่บนพื้นยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น จนสามารถคาดการณ์ได้ว่าศรีษะของคนนั้นยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นทุกที...

ซูจื่อซียืนตัวแข็งทื่อและขยับลูกตาไปมา เหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจากซู่เป่า

แต่นึกไม่ถึงเลยว่า กลับเห็นซู่เป่ากำลังนับเงินอยู่!

ใช่แล้ว ต้องนับเงินก่อน แต่เงินที่นับอยู่นั้นทำมาจากกระดาษ...

ซูจื่อซีกลุ้มใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังมีกะจิตกะใจมานับเงินอีกหรือ?

ถ้าจะเผากระดาษเงินก็เผาไปหนึ่งปึกเลย ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมานับแบบนี้!

มีเสียงเตียงขยับดังขึ้นมา เส้นผมนั้นได้กองจนเต็มพื้นจนสามารถมองเห็นยอดศรีษะของ“คน”นั้น

ซูจื่อซีหยุดหายใจไปชั่วขณะ ทำไมหัวศรีษะถึงหย่อนลงมาแบบนี้ล่ะ?

ตามปกติแล้ว ควรจะมองเห็นหูและใบหน้าครึ่งหนึ่งก่อน แต่ทำไมถึงเห็นเป็นยอดศรีษะล่ะ

ซูจื่อซีหวาดกลัวอย่างยิ่ง ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจว่า ซู่เป่า ช่วยด้วยๆ ช่วยพี่ด้วย!

ซู่เป่าเหมือนจะได้ยินเสียงตะโกนในใจของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมาและพูดว่า “วางใจได้เลย เขามองไม่เห็นพวกเราหรอก”

ซูจื่อซีตกใจกลัวจนอยากจะรีบไปปิดปากของซู่เป่าเอาไว้ จากนั้นซู่เป่าก็พูดต่อว่า “วางใจได้เลย เขาไม่ได้ยินเสียงพูดของพวกเราหรอก!”

ซูจื่อซี “…”

เขาไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของเธอ!

ไม่เห็นหรือไงว่าหัวของ “คน” ที่ก้มมองอยู่ข้างเตียงนั้นชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็สำรวจดูต่อไปอีก?!

ในขณะที่ซูจื่อซีคิดว่า “คน” นั้นกำลังจะมองเห็นใต้เตียงแล้ว ทันใดนั้นเขาก็นั่งตัวตรงขึ้นมาอยู่ข้างเตียง

ซูจื่อซี่เพิ่งจะรู้สึกโล่งใจไปได้สักครู่เดียว จู่ๆก็มีเสียงคนเดินอย่างรีบเร่งดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู

แต่คราวนี้เป็น “คน” ที่สวมรองเท้าแตะสีชมพู เมื่อเข้ามาในห้องก็พูดจาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ขอโทษด้วย ระหว่างทางเจอปัญหานิดหน่อยเลยมาช้า... ”

ส่วนคนที่นั่งอยู่บนเตียงพูดจาเสียงแหบและกัดฟันด่าทอด้วยความโมโหอย่างน่ากลัว “ให้ไปซื้อของแค่นิดเดียว แต่กลับชักช้าหายไปนานสองนาน?!

เสียงพูดของหญิงสาวที่สวมรองเท้าแตะสีชมพูเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาช้า…”

สิ่งที่ตอบสนองมากลับกลายเป็นฝ่ามือที่ตบลงบนหน้าอย่างโหดเหี้ยม

หญิงสาวที่สวมรองเท้าแตะสีชมพูโดนตบจนกระเด็นออกไป

แล้วก็กลิ้งมาล้มอยู่ข้างเตียงนอนต่อหน้าซูจื่อซี!

ซูจื่อซี “!!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน