ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 210

ผีผู้ชายโดนตีจนกระเด็นลอยออกไป และมองดูซู่เป่าอย่างสังสัย

เมื่อกี้เขาคงจะประมาณเกินไป เอาใหม่ๆ

เขาทำตาเคร่งขรึมดุดัน ไอพิฆาตระเหยออกมาทั่วร่างกาย จากนั้นก็ร้องเสียงดังก้องและกระโจนเข้าหาซู่เป่า

รอบนี้เขาใช้พลังออกมาอย่างสุดกำลัง ถ้าไม่สามารถกลืนเด็กน้อยคนนี้เข้าไปได้ เขาก็จะ...

กำลังคิดอยู่ดีๆ ก็มีแสงสีแดงส่องประกายขึ้นมา ผีผู้ชายโดนตีจนกระเด็นลอยออกไปอีก แล้วก็ตกลงในตาข่ายที่ซู่เป่าผูกเอาไว้!

ซู่เป่ายังคงยืนอยู่ที่เดิม แถมยังไม่ได้กะดิกนิ้วมือเลยด้วยซ้ำ!

ผีผู้ชายเพ่งมองเธออยากหวาดกลัว “เจ้า…!”

เด็กคนนี้มีฝีมือสูงส่ง สงสัยคงจะมีของดีซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน!

แล้วเธอก็กระพริบตาพร้อมกับเอ่ยปากถามว่า “จะมาอีกไหม?”

ผีผู้ชาย “…”

ช่างไม่รู้จักยางอาย ยังทำหน้าซื่ออีก!

ซู่เป่า “ถ้านายไม่มา ฉันจะมาเอง!”

ผีเจ้าเล่ห์คงจะซ่อนตัวอยู่ในร่างผีลุงตัวนี้ หมายความว่าเขาต้องมีผิวหนังภายนอกอยู่หลายชั้น และเขาน่าจะซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังชั้นในสุด

ซู่เป่าไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไง แต่เขาก็ส่อพิรุธออกมาให้เห็นแล้ว ตอนนี้เธอจะต้องดึงผีเจ้าเล่ห์ออกจากผิวหนังชั้นในสุดให้ได้

ซู่เป่าพุ่งเข้าไปด้วยสีหน้าดุดัน จากนั้นก็จับขาของผีผู้ชายเอาไว้ และสะบัดอย่างแรงในจังหวะที่เขาไม่ทันตั้งตัว——

“ฉันจะตี!ตีๆๆ!” เธอทำท่าเหมือนกำลังสะบัดต้นหอม ทำให้ผีผู้ชายกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น

ผีผู้ชายตอบโต้อย่างโกรธแค้น ซู่เป่าจึงปล่อยมือลงทันที ปรากฎว่าผีผู้ชายก็ถูกเชือกแดงปัดกระเด็นลอยออกไปอีก

“…”

ในจังหวะที่ผีผู้ชายล้มลงอย่างมึนงง ซู่เป่าก็เข้าไปจับเขามาเหวี่ยงอย่างแรง

ขนาดจี้ฉางที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดยังต้องอึ้งตามไปด้วย ลูกศิษย์ตัวน้อยคนนี้ ฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ!

ไม่เพียงแต่มีฝีมือยอดเยี่ยม อีกทั้งยังดวงดีเป็นพิเศษ ที่ไม่ถูกผีเจ้าเล่ห์ทำร้าย

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงประหลาดขึ้นมา ผีผู้ชายเหมือนกำลังลอกผิวหนังออกมา จากนั้นก็มีเงาดำลอยออกมา

ในมือของซู่เป่าเหลือแค่“หนังคน”เปล่าๆ——ของผีลุงที่อาศัยอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่แรก

“โอ๊ย…” น้ำเสียงลุงฟังดูอ่อนเพลียมาก “ฉันไม่ไหวแล้ว...ผีร้ายตัวนี้ร้ายกาจจริงๆ...เขาเอาร่างกายของฉันผ่าตรงกลาง แล้วเอามาสวมใส่เป็นเสื้อ... ”

หลังจากลุงพูดจบประโยคก็กลายเป็นไอพิฆาต จากนั้นก็ถูกน้ำเต้าวิญญาณดูดเข้าไป

ซูจื่อซีมองอย่างตะลึง

วินาทีนี้ เขากำลังนึกถึงตัวละครในเกมส์ที่ชื่อ ต๋าจี๋ ลูน่า เอียนซี...

ไม่มีใครสามารถเทียบกับซู่เป่าได้เลย...

“น้องสาว…” ซูจื่อซีขยับเข้าไปใกล้ และยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำเสียงของตัวเองที่เอ่ยปากพูดออกไปนั้นฟังดูไม่เหมือนปกติ

ซู่เป่าหายใจอย่างเหนื่อยหอบและพูดว่า“พี่ชาย อย่าเข้ามานะ ไปยืนอยู่ฝั่งโน้น”

เมื่อผีเจ้าเล่ห์ได้ยินดังนี้ จึงพุ่งเป้าไปที่อากาศข้างตัวซู่เป่า ถึงเขาจะมองไม่เห็นซูจื่อซี แต่ก็สามารถคาดเดาตำแหน่งอย่างคร่าวๆได้

จากนั้นก็กระโจนเข้าไป!

“แย่แล้ว!” ซูจื่อซีตกใจจนตัวแข็งทื่อ

ในจังหวะที่ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ซูจื่อซีจึงถูกซู่เป่าใช้เท้าเตะกระเด็นออกไป

นี่เป็นครั้งแรกของซูจื่อซีที่โดนเตะอย่างประทับใจจนน้ำมูกน้ำตาไหลออกมา สิ่งแรกที่เขาทำก็คือจับยันต์เหลืองที่ติดอยู่บนหน้าผากเอาๆไว้ จากนั้นก็หลบเข้าไปในมุมห้องแล้วอยู่อย่างนิ่งๆ

ผีเจ้าเล่ห์ค่อนข้างเอาตัวรอดและหลบหนีเก่ง เมื่อแผนการแรกไม่สำเร็จ เขาจึงพลางตัวหลบซ่อนไว้อย่างรวดเร็ว

ซู่เป่ารู้สึกแปลกใจขึ้นมา

หรือว่าผีเจ้าเล่ห์ตัวนี้จะมีของวิเศษ?

ถึงสามารถหายแวบไปในกลางอากาศได้?

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ประตูที่ปิดไว้ของอีกห้องหนึ่งก็มีเสียงดังเกิดขึ้น พร้อมกับเงาของคนเดินออกมา

“ซู่เป่า!” เขาด่าทอด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและเยือกเย็นว่า “เข้ามาหาฉันเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินเสียงพูดนี้ ซู่เป่าก็รู้สึกตัวเย็นวูบขึ้นมา!

เธอมองดูด้วยความงุนงง แล้วจึงเห็นหลินเฟิงเดินออกมา——พ่อบุญธรรมของเธอ!

“พ่อ…” ซู่เป่าตะโกนเรียกพ่ออย่างไม่คิดอะไร จากนั้นก็ปิดปากเงียบลง

หลินเฟิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้แกปีกกล้าขาแข็งแล้ว และยังกลายเป็นแก้วตาดวงใจของบ้านตระกูลซู ดังนั้นจึงไม่เห็นหัวพ่อคนนี้อีกแล้วใช่ไหม?!”

เขาเดินเข้าใกล้ซู่เป่าทีละเก้า “เจ้าลูกทรพี!ฉันอุตส่าห์เลี้ยงดูแกให้เติบโตอย่างยากลำบาก สุดท้ายแกกลับตอบแทนฉันแบบนี้เหรอ?ไม่เพียงแต่ไม่รับฉันเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลซู แต่กลับให้ลุงใหญ่ส่งฉันเข้าไปอยู่ในเรือนจำ!”

“ถ้าไม่มีฉัน แกคิดว่าแกจะมีชีวิตอยู่ถึงอายุสามขวบเหรอ!”

หลินเฟิงจ้องมองซู่เป่าด้วยแววตาที่โกรธแค้น “แกปราบวิญญาณได้ไม่ใช่หรือ?มาสิ เก่งจริงก็มาปราบฉันได้เลย!”

ซู่เป่าถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ในเวลานั้น ทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านของตระกูลหลินขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

หลังจากที่แม่เสียชีวิตไป เธอต้องการให้พ่อโอบกอด แต่กลับถูกพ่อผลักไสอย่างไม่สนใจ

เธอเด็ดดอกไม้ที่สวยงามมาได้หนึ่งดอกจากสวน จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาพ่ออย่างดีใจ แต่เขากลับโยนทิ้งลงในถังขยะ

ในช่วงที่หิมะตกหนักและอากาศเหน็บหนาว เขากลับสั่งให้เธอคุกเข่าอยู่หน้าบ้าน อีกทั้งยังทุบตีเธอจนเกือบจะทำให้เธอเสียชีวิต...

เมื่อจี้ฉางเห็นอย่างนี้แล้ว จึงรู้สึกหดหู่ขึ้นมา

ที่แท้มารในใจของซู่เป่าก็คือสิ่งนี้เอง

มันก็เป็นไปได้ เพราะเธอยังเป็นแค่เด็กอายุสามขวบเท่านั้น อยู่ในช่วงที่ต้องการความรักจากพ่อแม่มากที่สุด แต่แม่ก็ดันมาจากเธอไปซ้ำยังถูกพ่อทำร้ายทารุณอย่างหนัก

และแม้ว่าชีวิตในบ้านตระกูลซูอาจจะช่วยให้เธอลืมความเสียใจที่ผ่านมาได้ แต่ก็ยังเป็นปมฝังใจในวัยเด็ก ความเสียใจที่เกิดขึ้นยังไม่หายไปจากหัวใจของเธอ

ผีเจ้าเล่ห์ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมแยบยลจริงๆ เหมือนกับว่าได้เตรียมตัวมาอย่างดี แม้แต่วิญญาณของหลินเฟิงก็ยังสามารถหากลับมาได้

ตอนนี้วิญญาณของหลินเฟิงยังไม่ดับสลายทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะถูกนำไปทำเป็น“เสื้อผ้า”แล้ว แต่ก็ยังเหลือจิตสำนึกของตัวเองอยู่

เขาตำหนิซู่เป่าอย่างโกรธแค้น

“ที่ฉันตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้ เพราะแกคนเดียว!”

“ใช่ ฉันอาจจะตีแก!มีพ่อคนไหนไม่เคยตีลูกบ้างล่ะ?ถึงฉันจะแย่ขนาดไหน แต่ก็ถือว่ามีบุญคุณในการเลี้ยงดูแกอยู่นะ!”

เขาตายอย่างน่าเวทนามาก ไหนๆก็ตายไปแล้ว แต่ก็ยังถูกมู่กุยฝานขุดศพออกมา แม้แต่เถ้ากระดูกก็ยังไม่หลงเหลือ

แบบนี้เรียกว่าอะไร?

เขาเรียกว่าขุดกระดูกออกมาโปรย

คนที่ถูกขุดกระดูกออกมาโปรยจะไม่มีชีวิตภพหน้า ซึ่งหมายความว่า จะไม่สามารถไปผุดไปเกิดใหม่ได้ จะอยู่ได้แค่ช่องว่างระหว่างฟ้ากับดินและจะต้องดับสลายไป สุดท้ายก็จะไม่เหลืออะไรอีก

เขาต้องทนทุกข์ขนาดนี้ แต่ซู่เป่ากลับมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข แบบนี้มันไม่ยุติธรรม?

ซู่เป่าเม้มปากพร้อมกับส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่ ไม่ใช่ซู่เป่า...ซู่เป่าไม่กลัวหรอกนะ!”

เธอตั้งสติขึ้นมาอย่างกล้าหาญ และจ้องมองไปที่หลินเฟิง “เพราะว่าคุณทำชั่วเองเลยต้องถูกประหารชีวิต ในโลกนี้ไม่มีคำว่าพ่อทุกคนจะต้องตีลูกหรอก คุณกำลังพูดโกหกทั้งนั้น”

หลินเฟิงถึงกับอึ้งไป และโมโหอย่างดุเดือดขึ้นมา “แกยังกล้าพูดเถียงอีก!”

เขาแสดงพฤติกรรมเดิมๆออกมา พูดไม่กี่คำก็ยื่นมือคว้าจับสิ่งของรอบตัว จากนั้นก็ขว้างปาใส่ตัวซู่เป่า!

ตอนนี้ซู่เป่าไม่ใช่คนเดิมที่ยอมให้คนอื่นรังแกอยู่ฝ่ายเดียว แต่สามารถเอาตัวรอดอย่างมีไหวพริบ

ใสแววตาของเธอมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้นมา และไม่ใช่เด็กน้อยที่ยอมให้คนอื่นทารุนทำร้ายอย่างไม่รู้จักโต้ตอบ

เมื่อหลินเฟิงเห็นซู่เป่าในลักษณะแบบนี้ ยิ่งทำให้โมโหมากกว่าเดิม

เขากรีดร้องเสียงดังและกระโจนเข้ามา “ฉันจะกินแกตัวเป็นๆซะเลย!”

จี้ฉางลุ้นจนเหงื่อแตก ไม่รู้ว่าซู่เป่าจะสามารถบังคับจิตใจตัวเองให้ลงมือทำลายหลินเฟิงจนพินาศได้ไหม

ถึงแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากเย็น และมีประโยคหนึ่งที่หลินเฟิงก็พูดได้ถูกต้อง ว่าเขาก็มีบุญคุณในการเลี้ยงดูซู่เป่าอยู่เหมือนกัน

“พ่อ” แบบนี้ สมควรที่จะทำลายทิ้งหรือไม่?

ในหัวใจของเด็กคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าพวกเขารู้สึกยังไงกับคุณพ่อแบบนี้?

จี้ฉางไม่รอนาน เมื่อเห็นหลินเฟิงกระโจนเข้ามา และซู่เป่าก็กำลังยกมือขึ้น...

เชือกแดงในมือก็ส่องแสงประกายออกมา จึงทำให้หลินเฟิงถึงกับกระเด็นลอยออกไป!

หลินเฟิงร้องอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็ตกลงไปที่ตาข่ายสีแดงนั้น

ในห้องนี้ซู่เป่าได้โยงตาข่ายผจับวิญญาณไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีผีตัวไหนจะสามารถเล็ดลอดหนีออกไปได้ ทุกอย่างก็อยู่ในการตัดสินใจของซู่เป่าแล้ว

หลินเฟิงกระอักเลือดออกมาจากปากและกลายเป็นไอพิฆาต ดูแล้วช่างน่าเวทนาเหลือเกิน

ซู่เป่ายืนอยู่ไม่ไกลมากนัก และมองดูเขาอย่างไม่เอ่ยปากพูดสักคำ

ทันใดนั้นหลินเฟิงก็เหมือนเสียสติไปชั่วครู่ แล้วยิ้มอย่างเศร้าสลดว่า “เฮอะๆ...ซู่เป่าโตขึ้นแล้วจริงๆ...ถึงกล้าตบตีคุณพ่อ...ซู่เป่า ยังไงพ่อก็เคยรักหนูอย่างมาก ตอนที่หนูเพิ่งคลอดออกมาก็เป็นลูกรักของพ่อเหมือนกัน... ”

“ช่างเถอะ ไม่อยากจะพูดแล้ว ถ้าแกจะฆ่าฉันก็เชิญเลย ฆ่าฉันเลย แกจะได้มีความสุขขึ้นมาไงล่ะ?”

“สามารถตายอยู่ในมือของซู่เป่าพ่อก็ดีใจแล้ว”

หลินเฟิงทำหน้าเหมือนปล่อยวางทุกอย่าง จากนั้นก็หลับตาลง

คอยดูกันเถอะ...

คนอื่นไม่เข้าใจซู่เป่า มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจเธอ?

ตั้งแต่เล็กจนโต เด็กน้อยคนนี้คาดหวังอยากจะได้ความรักจากพ่อมาก

เธอไม่กล้าลงมือทำหรอก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน