ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 212

ยิ่งไม่ให้ถามซู่เป่าก็ยิ่งอยากรู้

เธอถามอย่างประหลาดใจ “ทำไมถามไม่ได้”

ผีหลายใจ “เด็กถามไม่ได้”

“ทำไมเด็กถามไม่ได้ล่ะ ผู้ใหญ่ถามได้เหรอ รอหนูโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะบอกหนูไหม”

ผีหลายใจ “…อะแฮ่ม”

ผีขี้ขลาดรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “หลังจากนั้นล่ะ”

ผีเจ้าเล่ห์หยุดชะงักทันที หน้าตาหดหู่ราวกับกำลังนึกถึงเรื่องราวที่ไม่ดี

ผีหลายใจถามด้วยความอยากรู้ “ยังไงหรอ พอเฉือนเสร็จเจ้าโลกก็หายไปหรอ”

ผีเจ้าเล่ห์ “…”

ผี้ขี้ขลาดหมดคำจะพูด “หุบปากเถอะ อยู่ต่อหน้าเด็กไม่รู้จักระวังคำพูด”

ผีหลายใจยิ้ม แต่ก็ยังหุบปากลงได้

ผีเจ้าเล่ห์สลดชั่วครู่ก่อนจะพูด “ไม่ใช่ พอเฉือนเสร็จก็ได้เข้าวังไปอย่างราบรื่น แถมยังโชคดีที่ได้เข้าไปในตำหนักของฮองเฮา”

เข้าไปอยู่ในนั้นก็ไม่ได้ลำบากอะไร ไม่มีการแข่งขันอะไรมากมายเหมือนตำหนักนางสนม เพียงแค่ดูแลฮองเฮาให้ดีก็พอแล้ว

ฮองเฮาคือนางสนมของฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ นางไม่ได้มีอิสระเหมือนคนทั่วไป ทั้งชีวิตก็เป็นได้แค่เพียงแม่หม้ายนอนเหงาอยู่ที่วังหลัง เพราะเหตุนี้ฮองเฮาก็เลยไม่ค่อยมีความสุข

“ได้มาอยู่เคียงข้างฮองเฮาคอยดูแลความเป็นอยู่ของเธอ แค่สถานะก็ต่างกันแล้ว...” ผีเจ้าเล่ห์กล่าว

ในตอนแรกเขาแค่ต้องการอาหาร และเครื่องนุ่งห่มก็เพียงพอแล้ว ทว่าความโลภกลับค่อย ๆ ครอบงำ เขาจึงใช้เล่ห์อุบายเพื่อที่จะได้เป็น ‘ผู้ดูแล’ ใกล้ชิดของฮองเฮา

“ใคร ๆ ก็อยากใกล้ชิดกับฮองเฮา เลยมักจะมีขันทีที่คอยพยายามบีบข้าออกเป็นประจำ ดังนั้นข้าจึงโกหกฮองเฮาว่าเจ้าโลกของข้างอกขึ้นมาใหม่แล้ว”

ผีหลายใจ “ไม่ใช่แล้วมั้ง โกหกแบบนี้ฮองเฮาก็เชื่อเหรอ”

ผีขี้ขลาดก็ประหลาดใจ เฉือนทิ้งแล้วยังงอกขึ้นมาใหม่ได้ด้วยเหรอ

ซู่เป่า “ ? ”

เป่าเป่ายิ่งฟังยิ่งงง เธอไม่เข้าใจจริง ๆ

ซูจื่อซีก็มีสีหน้าประหลาดใจ และงุนงงเช่นกัน

“ในห้องตัดเจ้าโลกน่ะ มีพวกตัดไม่เกลี้ยงแล้วโดนกลับไปตัดใหม่ถมเถไป...”

ผีหลายใจกับผีเจ้าเล่ห์ ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย!

ตอนเริ่มเป็นไม่กี่วันแรกก็ยังไม่มีอะไร เพราะเขาขอให้ปิดไฟดับไฟให้หมด ฮองเฮาก็จะมองไม่เห็น

ทว่านานวันเข้าฮองเฮาก็เริ่มสงสัย

ผีหลายใจอยากจะถามว่าฮองเฮาสงสัยจากอะไร ขนาดไม่ปกติหรือรูปร่างไม่ปกติ...แต่พอเห็นซู่เป่า ก็อดกลั้นไว้ไม่ถามดีกว่า

ผีเจ้าเล่ห์เล่าต่อ “ข้ากลัวว่าฮองเฮาจะรู้ แล้วฆ่าข้าตาย...พวกนางในและขันทีที่โดนฆ่าตายที่วังหลังของฮองเฮา ไม่มีใครมาถามหาหรอก”

ดังนั้นเพื่อปกปิดต่อไปเขาจึงคิดหาวิธี โดยทำการฆ่าแกะเพื่อเอาหนัง แล้วยัดเส้นยาสูบเข้าไป จากนั้นก็เอาหนังที่ได้มาสวมใส่บนร่างกาย

ผีหลายใจ และผีขี้ขลาดได้ยินดังนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นผีก็ยังขนหัวลุก

น่ากลัว!

“อย่างนี้นี่เอง แต่งเรื่องโกหกขึ้นมาแล้ว ก็ต้องคอยหาวิธีโกหกปกปิดต่อไปเรื่อย ๆ...”

เขามีรูปร่างผอมบาง และเตี้ยกว่าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงชอบที่จะเติมเต็มบางสิ่งที่ขาดหาย

"อำนาจของข้ายิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ จากตอนแรกฆ่าแกะ ตอนหลังมาก็เริ่มฆ่าคน"

เพียงเพื่อเอาผิวหนังชิ้นนั้นมาชดเชยคำโกหก

เขาไปที่ห้องเฉือนเจ้าโลก เลือกอันที่พอใจแล้วก็ลงมือฆ่า ถึงอย่างไรเสียก็มีคนมากมายที่ตายเพราะโดนเฉือน

“ข้าถนัดพูดจาปากหวาน ฮองเฮาหลงใหลในตัวข้ามาก แต่เพราะว่าการตายจากการเฉือนเจ้าโลกยิ่งเยอะขึ้น จึงดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้”

ผีเจ้าเล่ห์กลัวจนลนลาน จึงรีบถมบ่อน้ำที่ใช้ฝังศพให้เต็ม

ต่อมาก็ยังมีคนสงสัยเขาจนได้ เพื่ออำพรางเขาจึงเอาหนังหน้าของคนที่ฆ่าทิ้งมาติดที่หน้าตัวเองเพื่อปลอมตัว

พอหนังหน้าส่งกลิ่นเหม็นเน่าเขาก็ใช้ธูปดำมากลบกลิ่น

พอหนังหน้าเปื่อย เขาก็โกหกไปว่าแพ้แป้งฝุ่น

หลบซ่อนเช่นนี้ไปเจ็ดวัน ฮ่องเต้งุนงงที่หาตัวเขาไม่เจอ ในที่สุดบ่อน้ำก็ถูกขุดขึ้นมา…

“ฮ่องเต้โกรธมากที่หาข้าไม่พบ เขาเรียกขันทีทั้งหมดมาหาทีละคน”

“หนังหน้าแผ่นนั้นข้าใช้การไม่ได้แล้ว ต้องเผาทิ้งไป ข้าจึงแกล้งปลอมตัวเป็นนางกำนัลในตำหนักนางสนมอีก”

“หลังจากปลอมตัวเป็นนางกำนัลก็ยังโดนสงสัย ข้าก็จับแมวมาข่วนหน้าตัวเองอย่างโหดเหี้ยม...”

หลังจากหน้าเป็นแผลเป็นแล้วก็ยังไม่สามารถหนีไปจากพระราชวังได้ ขอบเขตการค้นหาจับกุมตัวก็เริ่มแคบลงเข้ามาทุกที

“สุดท้ายก็มาค้นที่ตำหนักนางสนม ด้วยความหมดหนทางข้าจึงโยนตะเกียงน้ำมันทิ้งทำให้เกิดไฟลุกไหม้ จากนั้นข้าก็ตัดใจลงมือเผาหน้าตัวเอง

ผีหลายใจ ผีขี้ขลาด “...”

นี่มันคนอำมหิต ไม่สิ ยิ่งกว่าอำมหิตซะอีก นี่มันโคตรของโคตรอำมหิต

ถามจริง ๆ เถอะใครจะไปกล้าเผาหน้าหรือร่างกายตัวเอง

หลังจากที่ผีเจ้าเล่ห์เผาตัวเอง เนื่องจากระดับการแพทย์ในสมัยนั้นมีขีดจำกัด สุดท้ายแล้วเขาก็ติดเชื้อรุนแรง และตายในที่สุด

เขาพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมในการหลบหนีอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอด ที่จริงแล้วเขาไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง แต่กลับทำให้ตัวเองน่าเวทนาเพียงนี้

ผีเจ้าเล่ห์กัดฟันกรอด “ถ้ารู้อย่างนี้ สู้ให้ข้าตายไปเสียแต่แรกยังดีกว่า อาจเป็นเพราะว่าข้ายังคงคิดถึงช่วงเวลาที่ได้เสพสุขกับฮองเฮา…”

ไม่เกินสิบปีหลังจากการตายของเขา เขายังคงหลบหนีด้วยความกลัว ความเหนื่อยล้า และความทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซู่เป่าส่ายหัว “แล้วจะโทษใครได้ล่ะ”

ผีเจ้าเล่ห์ได้แต่เงียบกริบไม่ส่งเสียงใด ๆ

ซู่เป่าครุ่นคิดก่อนจะถามออกมา “แล้วแกเจอฉันได้ยังไง”

ผีเจ้าเล่ห์ถูกเชือกสีแดงฟาดจนกลัวฝังใจ คราวนี้เขาไม่ลังเลที่จะตอบ จึงพูดออกมาตรง ๆ

"เจ้าจับผีร้ายมาสองสามตัวแล้ว ข้ามักได้ยินชื่อเสียงของเจ้าเสมอ"

ผีร้ายตนอื่นที่ได้ยินชื่อซู่เป่าต่างก็พากันหลบเลี่ยง แต่ไม่ใช่สำหรับเขา เขารู้สึกว่าซู่เป่าเก่งขนาดนี้บนตัวของเธอจะต้องมีของวิเศษอะไรแน่ ๆ เลย

เขาใช้ชีวิตตั้งแต่ช่วงรางวงศ์ชิงจนถึงตอนนี้ก็เกือบสองร้อยปีมาแล้ว

“เมื่อร้อยปีก่อนข้าบังเอิญได้หยกดำมาแบบไม่ตั้งใจ หยกดำสุดยอดมาก สามารถปิดบังไอพิฆาตของข้า ทำให้นักพรตหาข้าไม่เจอ…”

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาอยู่มาได้อย่างยาวนาน และยิ่งทำให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

ทว่าไม่ต่างอะไรกับความผิดที่เหมือนกับตอนมีชีวิต ผีเจ้าเล่ห์ไม่พอใจความแกร่งกล้าของตัวเอง ก็เลยเริ่มสนใจซู่เป่า ทำให้เกิดความโลภต่อของวิเศษที่อยู่ในตัวซู่เป่า

หารู้ไม่ว่าคนที่เขากำลังสร้างปัญหาอยู่ด้วยไม่ใช่นักพรตทั่วไป แต่คือยมบาล...

“ข้าบอกไปหมดแล้ว อยากจะฆ่าจะแกงก็เชิญ อย่าทรมานข้าก็พอ”

ผีเจ้าเล่ห์หลับตาลง

ซู่เป่ากลับรู้สึกลำบากใจ ถ้าเขาไม่โจมตีเธอก่อน เชือกแดงก็จะไม่โจมตีเขา

แต่ว่าเธอก็จะเก็บวิญญาณของผีเจ้าเล่ห์ไม่ได้!

ซู่เป่าหยิบน้ำเต้าขึ้นมาและพึมพำเบา ๆ “น้ำเต้าวิญญาณ น้ำเต้าวิญญาณ เจ้าจับผีด้วยตัวเองได้ไหม”

น้ำเต้าวิญญาณ “…”

ซู่เป่าถอนหายใจ “เป็นน้ำเต้าวิญญาณที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ กินอย่างเดียวเลย”

น้ำเต้าวิญาณ “ ? ”

มันพูดไม่ได้ก็เลยรังแกเหรอ

ซู่เป่าหยิบหยกดำขึ้นมา และมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยังไม่จัดการผีเจ้าเล่ห์ชั่วคราว และมองไปที่อีกด้านหนึ่งหญิงสาวกระโดดตึกยังคงยืนอย่างเงียบ ๆ นั่นก็คือซ่งเยว่ซิง

“พี่สาว แล้วพี่เป็นอะไรตายคะ” ซู่เป่าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ซูจื่อซีมองตามไป...

นัยน์ตาของผีเจ้าเล่ห์เป็นประกาย ทันใดนั้นเองเขาก็นึกได้ว่าตอนที่เขาโดนเชือกสีแดงฟาดเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเชือกสีแดงจะโจมตีก็ต่อเมื่อเขาไปโดนมันก่อนเท่านั้น...

เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าหนูน้อยคนนี้ไม่ได้เก่งกาจอย่างที่เขาคิด

ผีเจ้าเล่ห์ก็ค่อย ๆ แอบทำลายตาข่ายกักวิญญาณอย่างเงียบ ๆ

ขอเพียงแค่เขาดิ้นหลุด ก็จะรีบหนีไปให้ไกล ๆ ทันที

ก่อนที่จะหนีเขาจะแอบซุ่มโจมตีซู่เป่าสักหน่อย โยนหญิงสาวที่กระโดดตึกใส่ตัวซู่เป่า...ลองดูสิว่าจะเหมือนที่เขาคาดเดาเอาไว้หรือเปล่า!

ทว่าเขากลับไม่ได้สังเกตว่าหยกดำที่ซู่เป่าจับอยู่ในมือกำลังถูกน้ำเต้าวิญญาณดูดซับอยู่…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน