ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 213

พอถามซ่งเยว่ซิงว่าเป็นอะไรตาย ซูจื่อซีก็หูผึ่งทันที

ซ่งเยว่ชิงถอนหายใจ หันมองไปทางซูจื่อซีด้วยสายตาที่หมดคำพูด

“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเทพบุตรที่เล่นเกมกับฉันเป็นแค่เด็กประถม”

แทบกระอักเลือดเลยทีเดียว

ในขณะที่เธอยังคงหมกมุ่นอยู่กับความเป็นความตาย สุดท้ายเธอก็ถูกผีเจ้าเล่ห์สะกดจิต เธอจึงกระโดดลงมาจากตึกเสียชีวิต

มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!

“หลังจากฉันตายฉันก็กลายเป็นผีแล้วก็ถูกทำให้กลายเป็นทาสของเขา...”

ซ่งเยว่ชิงมองมายังผีเจ้าเล่ห์ด้วยสายตาหวาดกลัว แล้วพูดต่อ

“ฉันรู้ว่าเขาต้องการใช้ฉันล่อให้ซินจื่อซีมาหา ดังนั้นตอนพวกเธอมาที่นี่ฉันตั้งใจจะหลอกให้พวกเธอกลัวแล้วหนีไป”

ซ่งเยว่ชิงรู้สึกเสียใจมาก เมื่อรู้ว่าเมื่อซูจื่อซี และซู่เป่ามาถึงที่นี่ เธอยังคงกังวลมาก ดังนั้นเธอจึงจงใจเปิดประตูช้า ๆ...

ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วซูจื่อซีจะเป็นแค่เด็กอายุเจ็ดแปดขวบเท่านั้นเอง!

ตอนนั้นเธอตกใจมาก ยืนมองซูจื่อซีอยู่ตรงประตูด้วยความตกตะลึง

ด้านซูจื่อซีก็ตกตะลึงเช่นกัน จ้องเธออยู่นาน ก่อนที่จะตกใจตะโกนร้องเรียกซู่เป่าเสียงดังลั่น...

แม้กระทั่งตอนนี้ซูจื่อซีก็ยังคงอยู่ในอาการหวาดกลัว

เขาถามอย่างใจเย็น “เมื่อกี้ที่พูดว่า ‘คุณมาแล้ว’ ตอนที่อยู่ตรงประตู ก็คือเธอเหรอ”

ซ่งเยว่ชิงพยักหน้า

เธอถูกผีเจ้าเล่ห์ใช้ให้ไปซื้อของ

กลับมาเห็นว่าซูจื่อซียังไม่ไป แถมยังจะเข้าไปในห้อง ก็เลยรีบหลอกเขาให้กลัวหนีไป

ใครจะรู้ว่าเขากลับวิ่งเข้ามา!

“เห้อ ฉันตายอย่างไม่ยุติธรรมเลย...” ซ่งเยว่ชิงมองไปที่ซูจื่อซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เดิมทีเธออยากตายไปกลายเป็นผีตายโหง จะได้คอยตามติดข้างกาย ‘เทพบุตร’ ของเธอตลอดเวลา

ใครจะไปคิดว่าเทพบุตรของเธอกลับเป็นแค่เด็กกระโปก!

ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าจริง ๆ

ซูจื่อซีได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่นทันที “เธอ เธอคงไม่ได้อยากตามฉันแล้วใช่ไหม”

ซ่งเยว่ชิงชักสายตากลับ “ฉันไม่ได้หน้ามืดตามัวอะไรขนาดนั้น ถ้าเป็นไปได้ส่งฉันไปเกิดใหม่เถอะ...”

เธอมองไปที่ซู่เป่าอย่างอ้อนวอน

ซู่เป่าพยักหน้า “ได้สิ อย่างนั้นฉันส่งเธอไปเกิดใหม่เลยนะ!”

ทว่าในขณะนั้นเอง ผีเจ้าเล่ห์ที่เงียบ ๆ อยู่อีกด้านก็หลุดออกจากตาข่ายกักวิญญาณได้แล้วพุ่งตัวเข้ามาทันที!

เขาจับซ่งเยว่ชิงโยนมาทางซู่เป่าอย่างแรง!

จี้ฉางตกใจ กำลังจะปรากฏตัว

กลับเห็นแสงสีดำโผล่มาจากน้ำเต้า และหยกดำในมือของซู่เป่าก็หายไปแล้ว

จี้ฉางผงะไปชั่วขณะ และพยายามกลั้นไว้

ซ่งเยว่ชิงยังไม่ทันโดนตัวซู่เป่า เชือกแดงก็เกิดแสงวาบขึ้นมาแล้วฟาดเข้าไปที่เธอจนลอยออกไป ซ่งเยว่ชิงกรีดร้องอย่างทรมาน

คราวนี้ผีเจ้าเล่ห์มองออกอย่างชัดเจน ความดีใจผุดขึ้นมาลึก ๆ

“ที่แท้นี่ก็คือของวิเศษของเจ้า...”

อันหนึ่งน้ำเต้าวิญญาณที่สามารถสะสมวิญญาณได้ ส่วนอีกอันก็เชือกแดงที่สามารถป้องกันการโจมตีได้

เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด...

ขอเพียงแค่เขาไม่โจมตี ซู่เป่าก็ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้

ถ้าหากว่าเขาได้น้ำเต้ากับเชือกแดงนั่น...

แสงสีเขียวปรากฏขึ้นมาในดวงตาของผีเจ้าเล่ห์เขามองไปทางซูจื่อซี

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สวรรค์ช่วยข้าแล้ว!ยัยหนู วันนี้จะเป็นวันตายของแก”

รอเขาได้ของวิเศษก่อนเถอะ คนแรกที่ต้องตายก็คือยัยหนูนี่!

ผีเจ้าเล่ห์ยิ้มแล้วพุ่งตัวไปทางซูจื่อซี

ท่ามกลางความร้อนใจของซู่เป่า เธอก็โยนน้ำเต้าวิญญาณออกมาตามสัญชาตญาณ

“ไปเลย ปิก้าเต้า!”

ผีเจ้าเล่ห์มองด้วยความเหยียดหยาม นี่จะมาขู่ฉันเหรอ

ทว่าวินาทีถัดไป กลับเห็นว่าน้ำเต้าวิญญาณขยายใหญ่จนเท่าฝ่ามือแล้วทับลงมาที่หัวเขา!

ผีเจ้าเล่ห์ขยับไม่ได้ แถมยังรู้สึกว่าร่างวิญญาณของตัวเองกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

เขาตกใจทันใด รีบร้องขอชีวิต “ซู่เป่า ข้าผิดไปแล้ว ไว้ชีวิตข้าเถอะ...!!!”

น้ำเต้าวิญญาณไม่ให้โอกาสเขาพูด บดขยี้กดทับลงบนตัวเขาต่อไปไม่หยุด จนในที่สุดร่างวิญญาณของเขาก็แตกสลาย กลายเป็นไอพิฆาตแล้วถูกน้ำเต้าวิญญาณดูดกลืน

น้ำเต้าวิญญาณเปลี่ยนขนาดกลับมาเท่าเล็บนิ้วมือเช่นเดิมก่อนจะตกลงบนพื้น

ซู่เป่าจ้องตาเขม็ง “ว้าว น้ำเต้าน้อย เจ้าสามารถจับผีได้ด้วยตัวเองจริง ๆ แล้ว”

เธอเก็บน้ำเต้าขึ้นมาอย่างมีความสุข พ่นน้ำลายใส่เล็กน้อย แล้วใช้เสื้อขัดมันจนเงาวับ

น้ำเต้าวิญญาณ “...”

ซูจื่อซี “…”

ซ่งเยว่ชิงถูกเชือกแดงโจมตี วิญญาณก็ใกล้จะสลายแล้ว แม้แต่จะพูดก็พูดไม่ได้

ซู่เป่าส่งเธอกลับไปสู่วงจรของการเกิดใหม่ เธอมองไปรอบ ๆ บ้านที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่สักคน (ผี) แล้ว

"ไปกันเถอะ มันจบแล้วล่ะ!" ซู่เป่าหาว และเดินกลับไปที่ห้องข้าง ๆ ด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลาย

ครั้งนี้เธอเก่งกว่าครั้งที่แล้วนะเนี่ย!

กลับไปจะต้องไปบอกท่านอาจารย์สักหน่อยแล้ว!

“พี่รีบ ๆ นอนหน่อยนะ พรุ่งนี้พวกเรากลับบ้านแล้ว...” ซู่เป่าพูดไปก็ตาลายง่วงจะไม่ไหวแล้ว

ซูจื่อซีที่อยู่ในอาการงุนงงตลอดเวลา จนกระทั่งเขาล้มตัวลงเตรียมจะนอน ก็เพิ่งได้สติขึ้นมา

“เยสเข้...โคตรน่ากลัว!” เขากำผ้าห่มไว้แน่น…

**

อีกด้านหนึ่ง ผีคุณลุงกับผีคุณป้าที่ฝากห้องไว้กับซู่เป่าและซูจื่อซีนั้นกำลังเดินเล่นกันที่ตลาดผี

มีถนนว่างหลิงในหนานเฉิง ปลายถนนสายนี้มีอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จอยู่หนึ่งหลัง

แต่ก่อนโน้นที่นี่เป็นสนามบินเก่า ในสมัยสงคราม ข้าศึกทิ้งระเบิดสังหารผู้คนจำนวนมาก ต่อมาเมื่อข้าศึกยึดครองสถานที่แห่งนี้ได้ พวกเขาก็สังหารผู้คนจำนวนมาก ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่อาศัยของผีที่โด่งดังในหนานเฉิง

แน่นอน นี่เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าขานกันมาของคนเฒ่าคนแก่ในหนานเฉิงแต่ก็ไม่มีใครเคยได้เห็น

ทว่าสิ่งที่คนไม่รู้ก็คือนี่คือตลาดผีจริง ๆ ...

ช่วงเวลาที่เมืองผีคึกคักที่สุดคือตอนกลางคืนประมาณตีหนึ่งตีสอง

ผีคุณป้า และผีคุณลุงพอมีเงินก็เลยเดินเล่นอย่างมีความสุข ซื้อของบรรณาการกลับไปเป็นกอง

“ตาแก่ เรียกรถกลับกันเถอะ ถือของเยอะขนาดนั้นลอยกลับเหนื่อยตายเลย”

ลุงผีเห็นด้วย

พวกเขายืนอยู่ข้างถนนชะโงกหน้ารอรถ

จะว่าไปคนขับแท็กซี่เถื่อนที่พยายามโกงเงินซู่เป่าไปห้าร้อยหยวนที่สนามบิน

วันนี้เขาไม่มีลูกค้าเลย เดิมทีก็โชคไม่ดีอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ พวกตำรวจถึงเริ่มจับพวกแท็กซี่เถื่อนขึ้นมา

มันทำให้เขาต้องหนีทั้งวันโดยไม่ได้เงินสักบาท แถมยังต้องจ่ายค่าน้ำมันหลายร้อยหยวนอีกด้วย

ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีสุด ๆ กำลังขับรถอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน

ทำให้เขาเห็นคู่รักวัยกลางคนที่อยู่ข้างถนนถือสิ่งของพะรุงพะรัง และกวักมือเรียกเขา

“เฮ้ ดึกดื่นป่านนี้ ไปไหนกันมา แถมยังแบกของมากมายขนาดนี้!”

คนขับแท็กซี่เถื่อนหยุดรถ ได้ยินชายวัยกลางคนถามว่า "ไปหอพักเถาฮวาราคาเท่าไหร่"

คนขับรถแท็กซี่เถื่อนในใจตอนนี้มีความสุขมาก จะกลับบ้านอยู่แล้วไม่คิดว่ายังจะมีลูกค้าอยู่

อย่างไรก็ต้องขูดรีดให้ได้สักหน่อยเถอะ

เขาขมวดคิ้ว

“ฉันต้องกลับบ้านแล้ว ถ้าไปส่งพวกคุณจะต้องอ้อมหนึ่งรอบ ห้าร้อยหยวนพวกคุณจะไปไหม ไปก็ขึ้นมา ไม่ไปผมก็จะกลับบ้านนอนแล้ว!”

ลุงผีกับป้าผีมองตากัน

ห้าร้อยหยวนถูกมาก!

เงินกระดาษที่ซู่เป่าเผาให้พวกเขาคือใบละหมื่นหยวน!

ป้าผีพูด "พอดีว่าฉันมีเศษสตางค์อยู่ ไปกันเลย!"

คนขับรถแท็กซี่เถื่อนดีใจแทบบ้า สมัยนี้แล้วยังมีคนที่โง่ขนาดนี้อยู่อีกเหรอเนี่ย!

เจ๋ง รับแค่เที่ยวเดียวเงินที่เสียไปก็กลับคืนมาแล้ว!

คนขับแท็กซี่เถื่อนฮัมเพลงอย่างอารามณ์ดี “พี่ชายพี่สาว ไปไหนกันมาเหรอ”

ป้าผียิ้มแล้วตอบ “ไปเที่ยวเล่นมาเลยซื้อของมานิดหน่อย”

คนขับรถแท็กซี่เถื่อนยังไม่รู้สึกตัว พูดพลางส่ายหน้า “พวกคุณก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะ ยังเที่ยวกลางคืนเหมือนวัยรุ่นอยู่เลย”

ป้าผีพูดเสียงอู้อี้ “นานมากแล้วไม่ได้ออกมา เที่ยวสักหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

คนขับรถแท็กซี่เถื่อนร้องโอ้โห พลางยกนิ้วหัวแม่มือ "พวกคุณยังเที่ยวไหวอีกเนอะ!"

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา จากนั้นก็เหลือบไปมองที่กระจกมองหลัง

พอเห็นแล้ว กลัวจนแทบจะสติแตก…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน