ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 215

ซูจื่อซีออกไปแค่ครั้งเดียวพอกลับมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ตอนกินข้าวก็แกะกุ้งให้น้องสาว

เดิมทีจะหมกมุ่นเล่นเกมตลอดเวลา ตอนนี้กลับมาตั้งครึ่งวันแล้วยังไม่เห็นเขาเล่นโทรศัพท์เลย

ท่าทางก็ดูเป็นลูกผู้ดีสุด ๆ เลยให้ซูจื่อหลินจ่ายค่าขนมให้

จะบอกให้รู้ว่าก่อนหน้านี้ซูจื่อซีไม่เคยขอเงินจากครอบครัวเลย จะเป็นจะตายก็ไม่ยุ่งกับคนในครอบครัว

คนตระกูลซูเข้าใจดี ถ้าซูจื่อซีเริ่มจะขอเงินจากครอบครัว นั่นแสดงว่าเขาได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

คนตระกูลซูต่างคนต่างมองหน้ากัน

คุณท่านซู...เด็กไม่เอาไหนคนนี้ได้รับการรักษาแล้วเหรอ ออกไปข้างนอกกับซู่เป่าสองวันก็รักษาหายแล้วเหรอ

นายหญิงซู...เพราะเสี่ยวซู่เป่าของเธอเก่งไง!

ซูอิ๋งเอ่อร์...เหยดดด เจ้าเด็กนี่โดนผีสิงแน่ ๆ !

ซูเหอเวิ่น...สมมุติถ้าซูจื่อซีถูกผีสิง อย่างนั้นเขาจะเป็น x หรือ y นะ

……

ตอนโพ้เพล้

ซูเหอเวิ่นมีอาวุธครบมือ เตรียมกะละมังเหล็กขนาดใหญ่ที่สามารถตรวจจับได้ว่าผีอยู่ที่ไหน และหยิบกล้องถ่ายผีของเขาไป ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์แห่งศตวรรษนี้เลยก็ว่าได้

ยันต์เหลืองกองหนึ่งในมือซ้าย กระบี่ไม้ท้อในมือขวา และกระเทียมสดอีกกิโลครึ่งห้อยอยู่ที่ศีรษะ และคอ

ซูเหอเวิ่นคิดว่าอุปกรณ์ของเขายังน้อยเกินไป ต่อไปเขาต้องขยันประดิษฐ์ให้มากขึ้นกว่านี้อีก…

ซู่เป่าได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดออกไปก็เห็นท่าทางตลก ๆ ของซูเหอเวิ่น

“พี่ชาย พี่กำลังทำอะไรเนี่ย” ซู่เป่าถามด้วยความตกใจ

ซูเหอเวิ่น "ไม่ต้องพูด รีบตามฉันมา!"

เขาดึงมือซู่เป่า ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องของซูจื่อซี

ประตูห้องของซูจื่อซีได้ติดตั้งใหม่ขึ้นมา และมันไม่ได้ล็อคจากด้านในเหมือนเมื่อก่อน

ซูเหอเวิ่นหมุนลูกบิดดัง คลิ๊ก แล้วเปิดประตูเข้าไป

ซู่เป่าพูดด้วยความงุนงง "พี่ มันไม่สุภาพที่จะเข้าไปในห้องของคนอื่นโดยไม่เคาะประตู!"

ซูเหอเวิ่น "ชู่วว..."

จะจับผีจำเป็นจะต้องสนใจด้วยเหรอว่าสุภาพไหม

ในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงซ่า ซ่า ดังมาจากห้องน้ำ ซูจื่อซีกำลังอาบน้ำอยู่

ซูเหอเวิ่นกระวนกระวายเล็กน้อย เขาพูดตะกุกตะกัก "ธะ...เธออยู่กับที่อย่าขยับ...ฉันจะไปไล่เขาออกมา!"

" ? "

พี่ชายกำลังจะทำอะไรกันแน่

พี่จื่อซีกำลังอาบน้ำ ทำไมต้องไล่พี่เขาออกมาด้วยล่ะ

เห็นซูเหอเวิ่นแตะประตูห้องน้ำอย่างเงียบ ๆ แล้วกระชากประตูห้องน้ำอย่างแรง ถอดกระเทียมที่คอออกแล้วโยนเข้าไป!

"ฉันจะทุบแก!" ซูเหอเวิ่นตะโกน "ฉันจะทุบแกให้ตาย! ออกมาเดี๋ยวนี้!"

ซูจื่อซินมีสีหน้าหวาดกลัว เขายังคงเปลือยกายอยู่ แต่ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง

หลังจากนั้น กระเทียมหลายสิบหัวก็ถูกขว้างใส่ตัวเขา

กว่าจะหลบกระเทียมได้หมด ก็มีกระบี่ไม้ท้อลอยเข้ามาพร้อมกับเสียงฟิ้ว

ไม่รู้ว่าควรพูดว่าขว้างมาแม่นหรือไม่แม่น ซูจื่อซินรู้แค่ว่าเจ้าโลกตัวน้อยของเขาเกือบจะหายไป

“เชี่ยเอ้ย!” ซูจื่อซีโกรธจัด “ใครวะ! ใครมันมาลอบโจมตีฉัน!”

เป๊ง...

กะละมังเหล็กใบใหญ่ลอยมากระทบศีรษะของเขา

ซูจื่อซีลื่นล้มก้นจ้ำเบ้า รู้สึกว่ามีดาววิ๊งวิ๊งรอบหัว

“…¥%¥!!”

fu*k!

ในห้องน้ำเละตุ้มเป๊ะไปหมด

ซูจื่อซีด่ากราด และเริ่มต่อสู้กับซูเหอเวิ่น

"ซู่เป่า! ช่วยด้วย! ผีตนนี้ได้แสดงพลังของมันแล้ว! รีบมาช่วยพี่ด้วย!"

ซู่เป่ารีบวิ่งเข้าไป แต่แล้วเสียงที่ลนลานของซูจื่อซีก็ดังขึ้น "ซู่เป่า ห้ามเข้ามา!"

เจ้าตัวเล็กชะงักทันที เท้าข้างหนึ่งก็ค้างอยู่เหนือพื้น สรุปแล้วเธอจะต้องเข้าไปหรือไม่เข้าไปกันแน่เนี่ย

หลังจากนั้นไม่นาน

ซูจื่อซีสวมชุดคลุมอาบน้ำ บนจมูกมีรอยฟกช้ำหน้าก็บวมเป่ง

ซูเหอเวิ่นเนื้อตัวมอมแมม เบ้าตาโดนต่อยจนเขียว

พี่ชายสองคนจ้องหน้ากัน คนหนึ่งนั่งข้างเตียง อีกคนนั่งบนโซฟา

"พวกพี่กำลังทำอะไรเนี่ย"

ซูจื่อซีเดือดจัด "ไอ้โง่ซูเหอเวิ่นมันบอกว่าพี่ถูกผีสิง! เชี่ยเอ้ยหมดคำจะพูดจริง ๆ !"

ซูเหอเวิ่นกัดฟันด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ยอมอ่อนข้อ "ก็แกนั่นแหละทำตัวผิดปกติไม่ใช่เหรอ ห๊ะ ตอนกินข้าวอยู่ดี ๆ ก็แกะกุ้งให้น้อง! คีบอาหารให้ แถมกินข้าวเสร็จยังเล่นตุ๊กตาบาร์บี้เป็นเพื่อนน้องอีก! เรื่องแบบนี้แกทำได้ด้วยเหรอ"

ซูจื่อซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

ซูเหอเวิ่นก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน เมื่อคิดว่าซูจื่อซีโดนผีสิง เขาก็แค่เป็นห่วงมาก เลยหวังดีจะช่วยขับไล่ผีให้เขา

ผลที่ได้ล่ะ ถูกซ้อมจนหน้าบวม

ในที่สุดซู่เป่าก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ที่แท้พี่เหอเวิ่นก็คิดว่าพี่จื่อซีถูกผีสิงนี่เอง!

ใบหน้าน้อย ๆ ของเธอเอือมระอา มองพี่ชายทั้งสองคนของเธอไม่ต่างกับการมองคนงี่เง่าสองคน

“พี่จื่อซีไม่ได้ถูกผีสิง” ซู่เป่ากล่าว “พี่เหอเวิ่นเข้าใจผิดแล้ว!”

ซูเหอเวิ่นยังคงไม่เชื่อ "หลังจากออกไปได้สองวัน เขาก็เปลี่ยนจากราชามารเป็นพี่ชายผู้อบอุ่น มันเหมือนกับเป็นคนละคน เป็นไปได้ยังไง"

ซูจื่อซีกัดฟัน "จากเลวเปลี่ยนเป็นดีไม่ได้หรือไง คนที่เคยทำผิดแล้วกลับตัวเป็นคนดีมีค่าหายากมากกว่าทองคำแกเคยเรียนไหม"

"ฉันเชื่อว่าแกเป็นคนเลว"

"แกสิไอ้โง่!"

"อย่าทะเลาะกัน อย่าทะเลาะกัน!"

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบยาน้ำมาทาบนตัวให้ซูจื่อซีอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ แล้วก็ติดพลาสเตอร์ยาให้ซูเหอเวิ่น

ซู่เป่าพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "พี่จื่อซีอย่าโกรธเลย พี่เหอเวิ่นเป็นห่วงพี่ ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงจะวิ่งหนีไปแล้ว"

ซูจื่อซีทำเสียงฮึดฮัด

"พี่จือซี ใครบอกพี่ว่าพี่เป็นเด็กไม่ดี"

ซูจื่อซีไม่ตอบ แล้วส่งเสียง เชอะ ก่อนจะนอนลงบนเตียงพร้อมหลับตาลง

ทุกคนบอกว่าเขาเป็นเด็กไม่ดี

“เธอเคยเห็นไอ้เด็กเลวนั่นหาเงินเลี้ยงตัวเองบ้างหรือเปล่า” เขาขี้เกียจจะพูด

ซู่เป่านั่งลงด้านข้างและถาม "ทำไมเหรอ"

ซูจื่อซีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด "ตอนที่น้องสาวฉันยังไม่เกิด ทั้งพ่อ และแม่ดีมาก"

แม้ว่าความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่จะดูไม่ดีเท่าคนอื่น ๆ แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน

“แต่หลังจากน้องสาวได้เกิดมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”

เขาได้ยินแม่กับยายเถียงกันว่าแม่หลอกพ่อถึงได้มีเขา

แถมได้ยินมาว่าพ่อกับแม่กำลังจะหย่ากัน

พวกเขาทะเลาะกันเสียงดัง ไม่มีใครเคยถามความคิดเห็นของเขา มิหนำซ้ำยังมองว่าเขาเป็นธาตุอากาศด้วยซ้ำไป

พ่อไม่กลับบ้าน

แม่ก็เริ่มรักแต่น้องสาว

ซู่เป่าถามอย่างเห็นอกเห็นใจ "แล้วเป็นยังไงต่อ"

ซูจื่อซีถอนหายใจ

"ครั้งแรกที่ฉันเห็นน้องสาว ฉันแค่แตะหน้าน้องไปนิดเดียวน้องก็ร้องไห้ แม่ของฉันก็โกรธมาก เลยหันกลับมาตบฉัน"

“ต่อมาพอฉันเข้าใกล้น้องสาว แม่ก็จะไล่ให้ฉันออกไป”

เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง

ตอนเด็ก ๆ เขาเห็นแม่เอาใจน้องสาวมาก เขาจึงพยายามเอาใจน้องบ้าง แต่ทุกครั้งที่น้องร้องไห้ แม่ก็จะตำหนิเขา

ซูเหอเวิ่นตกใจมาก มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหอ

ซูจื่อซีพูดเบา ๆ "เวลาที่น้องร้องไห้แม่จะกอดน้องไว้ทั้งคืนไม่ยอมนอน แต่ตอนที่ฉันป่วย แม่ไม่แม้แต่จะมาดูฉันด้วยซ้ำ"

“น้องต้องการอะไร ขอแค่ร้องไห้สักหน่อยก็ได้แล้ว ฉันต้องการอะไร แม่บอกว่าทำไมเธอถึงต้องการนี่ต้องการนั่น ยังสร้างความวุ่นวายให้ฉันไม่พออีกเหรอ รู้เรื่องบ้างไหมเนี่ย”

เขาค่อย ๆ ตระหนักได้ว่าเขาเป็นส่วนเกิน

แค่เขากระดิกนิ้วก็ผิดแล้ว

“คืนหนึ่งฝนตก ฉันสะดุ้งตื่นก็เลยลุกไปปิดหน้าต่าง”

"หน้าต่างปิดยาก ตอนนั้นฉันยังแรงไม่เยอะ พอฉันออกแรงดึงแรง ๆ ก็พลัดตกลงไป"

ห้องของซูจื่อซีอยู่บนชั้นสอง แต่ชั้นแรกของบ้านตระกูลซูนั้นสูง ดังนั้นจากชั้นสองตกลงมาถึงชั้นหนึ่งนั้นอันตรายมาก

ซูจื่อซีตกลงมาเสียงโครมคราม และไม่สามารถลุกขึ้นได้เป็นเวลานาน เขาร้องไห้เรียกหาแม่ แต่ไม่มีใครได้ยิน

ฝนตกหนัก คนรับใช้ก็อยู่ไกลจากอาคารหลักมาก คุณปู่หลับสนิทแม้แต่ฟ้าผ่าก็ไม่ได้ยิน คุณย่าก็ไปอยู่ที่สถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้น

ลุงใหญ่ทำโอทีในบริษัทตลอดทั้งปี ส่วนพ่อกับอาห้าก็รีบไปที่ไซต์ก่อสร้าง และไม่ค่อยได้กลับบ้าน

อาคนอื่น ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขายุ่งกับงาน บ้างก็อยู่ที่คอนโดเล็ก ๆ ที่พวกเขาซื้อไว้ และไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลซูบ่อยนัก

“ฉันนอนตากฝนเป็นเวลานาน ปวดเมื่อยไปทั้งตัว ในที่สุดฉันก็คลานกลับมาได้”

"ฉันไปเคาะประตูห้องแม่ อาจจะเพราะเสียงดังเลยทำให้น้องตื่นแล้วก็ร้องไห้"

“แม่ฉันโกรธมาก บอกว่ากว่าจะกล่อมน้องให้นอนได้ยากมาก ๆ แต่กลับถูกฉันรบกวนจนตื่นอีกครั้ง แล้วให้ฉันไสหัวไป”

เขาเปียกปอนไปทั้งตัวแต่แม่มองไม่เห็น

เขาเจ็บปวดไปทั้งตัวแต่แม่ก็ไม่ถามสักคำว่าเขาเป็นอะไร

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปที่ห้องคนเดียว เขาอาบน้ำชำระล้างร่างกายตัวเอง จากนั้นก็อาเจียนเป็นเลือดเต็มปาก

เขานอนขดตัวอยู่บนเตียง ไข้ขึ้นสูง และป่วยหนัก

ไม่มีใครรู้ว่าคืนนั้นเขาต้องอยู่ตัวคนเดียว ต้องเผชิญกับความกลัว ความโดดเดี่ยวมากแค่ไหน ไม่มีใครรู้เลย...

แม้เขาจะป่วยมาแล้วสองวันแม่ก็ไม่สนใจเขา แม้คนใช้จะบอกแล้วว่าเขาป่วยแต่แม่กลับบอกว่าอย่าไปยุ่ง เขาชอบเอาแต่ใจ

เขาเนี่ยนะเป็นคนเอาแต่ใจ น้องสาวต่างหากที่ควรจะเรียกว่าเอาแต่ใจ!

“ฉันดวงแข็งไม่ตายง่าย ๆ ต่อมาก็เริ่มดีขึ้น แต่ฉันรู้ว่าต้องอยู่ด้วยตัวเองหาเงินเอง พึ่งตัวเองดีกว่าพึ่งคนอื่น”

ต่อมาก็รู้เรื่องรู้ราวมากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี...

ซู่เป่ารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ

พี่หายจากอาการป่วยแล้ว แต่ใจเขายังป่วยมาตลอด ไม่เคยดีขึ้นเลย...

ซู่เป่ากอดซูจื่อซีโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“พี่ชาย อย่ากลัวเลย” เธอตบบ่าซูจื่อซีเหมือนเด็กน้อยน่าสงสารสองคนที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันตลอดชีวิต

“เมื่อก่อนซู่เป่าก็เคยเป็นแบบนี้ แต่ว่าต่อมาก็ดีขึ้น”

“คุณตา คุณยาย ลุงใหญ่ และคุณพ่อแค่ไม่รู้ พวกเขาไม่ได้ตั้งใจ”

“ดังนั้นพี่ยกโทษให้พวกเขาได้ไหม”

ซู่จื่อซีเม้มริมฝีปาก ดวงตาแดงระเรื่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน