ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 216

ดวงตาของซูจื่อซีค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง เขารู้สึกว่าตัวเองดูน่าสมเพชมาก จึงผลักซู่เป่าออกไป

ซูเหอเวิ่นนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เขายังเด็กมาก ๆ มีครั้งหนึ่งคุณป้าสอง และคุณย่าเคยทะเลาะกันครั้งใหญ่

น่าจะเป็นตอนที่น้องหานหานเกิด และบังเอิญเป็นช่วงหลังจากน้าจิ่นอวี้หายตัวไป คุณย่าก็ป่วยหนักและเพิ่งนั่งรถเข็น

เขาจำได้แค่ว่าซูจื่อซีเอาแต่ล็อคประตู ข้าวปลาไม่กิน คุณย่าก็เลยเอาอาหารขึ้นไปให้ข้างบน แต่ป้าสองบอกว่าคุณย่ากำลังทำให้ซูจื่อซีเสียคน

จากนั้นก็บอกว่าลูกของเธอ เธอสอนเองได้ และแม่สามีที่ดีไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวลูกสะใภ้

ตอนนั้นเองที่คุณย่าย้ายไปอยู่สถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้น และไม่เคยกลับมาอีกเลย ซูเหอเวิ่นจำได้ว่าช่วงแรก หลังจากสุขภาพดีขึ้นคุณย่ายังกลับมาที่บ้านบ้าง แต่ต่อมาก็เป็นอัมพาต และไม่สามารถลุกจากเตียงได้อีกเลย

“เหมือนว่าฉันไปเคาะประตูห้องแก แต่แกไม่เปิดประตู และบอกให้ฉันไสหัวไป” ซูเหอเวิ่นขมวดคิ้ว

ตอนนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าซูจื่อซีตกลงมาจากชั้นสองจนบาดเจ็บ ป้าสองบอกว่าเขาแค่เป็นหวัด ร่างกายอ่อนแอ จงใจทำให้โมโหเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจอยากเอาชนะหานหาน

เธอไม่ยอมให้ครอบครัวเข้ามาแทรกแซง บอกว่าลูกชายต้องรู้จักลำบาก ลูกสาวต้องมีความรู้ เป็นลูกผู้ชายก็ต้องจิตใจเข้มแข็งหน่อย จะมาพ่อแม่รังแกฉันอะไรกัน...

ซูจื่อซีกลอกตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ

"ทำไมฉันถึงต้องเปิดประตู ถ้าแกสนใจฉันจริงๆ คงพังประตูเข้ามาแล้ว แต่พวกแกไม่สนใจ!"

ซูเหอเวิ่นอ้าปากค้าง

ตอนนั้นอาห้าบอกว่าซูจื่อซีมีแม่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นลูกในไส้ของป้าสอง และป้าสองจะไม่เพิกเฉยแน่นอน

ซูเหอเวิ่นก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล ในตอนนั้นเขาเองก็โหยหาอยากจะมีแม่ คิดว่ามันคงจะดีถ้ามีแม่ ใครจะรู้ว่า...

ซูเหอเวิ่นเม้มปาก กระแอมก่อนจะพูดเสียงแข็งว่า "แกยังดีที่มีแม่ พวกฉันไม่มี"

“ฉันยอมไม่มี”

ซูเหอเวิ่น “...”

จุกจนพูดไม่ออก

ซู่เป่าหยิบยาแดง ทายาไปด้วยปลอบใจซูจื่อซีไปด้วย "เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องพูดแล้ว!"

"พี่จื่อซี ถ้าพี่ไม่อยากให้อภัยก็ไม่ต้องให้อภัย! ค่อยให้อภัยเมื่อคิดว่าสามารถให้อภัยได้เท่านั้น โอเคไหม"

เสียงที่น่ารักของซู่เป่าเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ไม่สามารถอธิบายได้ พูดจู้จี้เหมือนนายหญิงซูเลย

"ความโศกเศร้าในอดีตเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ ตอนนี้สัตว์ประหลาดได้พ่ายแพ้แล้ว หลังจากนี้ไปทุก ๆ วันก็จะเป็นวันที่ดี๊ดี"

“พ่อบอกว่าต่อให้แสงสว่างจะน้อยเพียงใด ก็ต้องรวบรวมมันไว้ให้ได้!”

ซู่เป่ามองโลกในแง่ดี พูดไปด้วยตั้งใจทายาไปด้วย

ซูจื่อซียังคงเงียบ มีเพียงเสียงสูดน้ำมูกจากรูจมูกของเขา...

พลางหันไปมองในกระจกโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เขาตกตะลึงตาโต

“นี่เธอทายาให้ฉันแบบนี้เหรอ”

ทั่วทั้งหน้าของเขาเต็มไปด้วยยาแดง ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไปหมดเนื่องจากเมื่อกี้ต่อสู้กับซูเหอเวิ่น

ดูเผิน ๆ อย่างกับผี!

ซูเหอเวิ่นถึงกับร้องเชี่ยออกมา กระโดดขึ้นโซฟาอัตโนมัติ "ก็ฉันบอกแล้วว่าผีเข้าสิงแก!"

ซูจื่อซี “…”

ทั้งสองทะเลาะกันอีกสักพัก แม้ว่าปากจะพ่นคำด่าว่าอีกฝ่ายโง่ ทว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเหมือนว่าจะแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม

ก่อนเข้านอน ซู่เป่านอนอยู่บนเตียงพลางยื่นมือไปแหย่คุณปู่เต่าที่นอนอยู่ใต้เตียง

“คุณปู่เต่า ทำไมการเป็นพ่อแม่ของคนอื่นไม่ต้องสอบล่ะ”

“พี่หานหาน พี่เหอเหวิน และพี่เหอเวิ่นพวกเขาทุกคนต้องสอบ แล้วทำไมพ่อแม่ไม่ต้องสอบล่ะ”

คนอย่างลุงสองกับป้าสอง แล้วยังมีคนแบบพ่อของเธอตอนอยู่ตระกูลหลินอีก เป็นพ่อแม่ที่สอบตกอย่างเห็นได้ชัด

พ่อแม่ที่สอบไม่ผ่าน ก็ไม่สามารถมีลูกได้สิถึงจะถูก

ทำไมถึงไม่มีสอบนะ

คุณปู่เต่านอนโผล่หัว ขา และหางอยู่บนพื้น

ไม่มีนกแก้วมารบกวนหัวของมันในตอนกลางคืน มันรู้สึกผ่อนคลายมาก

เพียงแต่มันไม่สามารถตอบคำถามของซู่เป่าได้ แม้ว่าจะตอบได้ มันก็พูดได้อย่างเดียวคือมันไม่รู้...

**

หลังจากพ้นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง พวกซูเยว่เฟยก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง

พอส่งเด็ก ๆ ขึ้นรถโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว นายหญิงซูก็สบายใจ

เธอออกกำลังกายขาอย่างขยันขันแข็งมากขึ้น หวังว่าเธอจะลุกขึ้นยืนได้ในเร็ววัน

แต่ที่น่าแปลกก็คือไม่กี่วันมานี้เธอออกกำลังกายขาอย่างขยันขันแข็ง ทว่าขากลับยิ่งไม่มีแรง

เช่นตอนนี้ที่กำลังลุกยืนขึ้น ทันใดนั้นก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้ศีรษะไปกระแทกเข้ากับอิฐล้อมแปลงดอกไม้

“นายหญิงซู...!”

ตระกูลซูอยู่ในความตื่นตระหนก

เมื่อซู่เป่าเลิกเรียนถึงจะรู้ว่านายหญิงซูล้มถูกส่งไปโรงพยาบาล

เธอรีบไปโรงพยาบาลพร้อมกับมู่กุยฝาน ระหว่างทางก็ถามอย่างกระวนกระวาย

"คุณยายได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาลทำไมไม่บอกหนู"

รถของมู่กุยฝานแล่นด้วยความเร็วปานจะบินได้ แต่มั่นคงมาก "ลูกกำลังเรียน"

เด็กจะไปทำอะไรได้

"ทำไมคุณยายถึงล้มล่ะคะ"

"ตอนฝึกเดินอยู่ดี ๆ ก็ล้มลงไป"

ซู่เป่าตกตะลึงจึงรีบถาม "คุณยายฝึกอยู่ตลอดเลยเหรอ"

มู่กุยฝานตอบเพียงอืม มองไปก็เห็นซู่เป่าที่กำลังโกรธอยู่เบาะหลัง

เขาถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเหรอ”

ซู่เป่าแก้มป่อง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง

“ตอนไปขึ้นเครื่องบินหนูกับพี่จื่อซีก็บอกแล้วว่าคุณยายไม่สามารถฝึกหนักได้ พวกพ่อไม่ฟังคำพูดหนูเลย!”

มู่กุยฝานเพิ่งจะนึกขึ้นได้

เจ้าตัวเล็กเคยพูดไว้จริง ๆ แต่ตอนนั้นทุกคนมัวแต่คิดถึงเด็กสองคนที่ออกไปใช้ชีวิตอิสระ อีกอย่างผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าควรจะรีบฝึกทันทีที่ลุกขึ้นยืนได้ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ และเส้นประสาท...

นายหญิงซูกำลังดื่มด่ำอยู่ท่ามกลางความตื่นเต้นที่สามารถลุกขึ้นยืนได้แล้ว

ดังนั้นทุกคนจึงลืมสิ่งที่ซู่เป่าพูดไปอย่างสิ้นเชิง

"ไม่น่าจะเกี่ยวกับอันนี้นะ ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นบอกว่าถ้ายืนได้ก็ควรเดินให้มากขึ้น"

ซู่เป่าเดือดยิ่งกว่าเดิม "หนูต่างหากที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ!"

มู่กุยฝาน “…”

เขาคิดเพียงว่าซู่เป่ากำลังร้อนใจจึงพูดเรื่องไร้สาระ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาซู่เป่าก็นวดนายหญิงซูอยู่ประจำ แต่ห้าปีมาแล้วที่นายหญิงซูไม่สามารถยืนขึ้นได้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถฟื้นตัวได้ด้วยเพียงแค่การนวด

“เดี๋ยวพอถึงโรงพยาบาลต้องเงียบหน่อยนะ” มู่กุยฝานกำชับ

ในโรงพยาบาล นายหญิงซูกำลังนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าสีขาวพันรอบศีรษะ เพิ่งเสร็จสิ้นจากการผ่าตัด

เธอหัวกระแทกเข้าไปที่อิฐล้อมแปลงดอกไม้จนเลือดออกในสมอง

หลังจากผ่าตัดเสร็จก็ยังไม่ได้สติ

ซู่เป่าจับมือนายหญิงซูแล้วเรียก "คุณยาย..."

หมอหลายคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นไม่สวมเสื้อกราวน์ แต่กลับกำลังปรึกษาหารือกับหมอคนอื่น ๆ เกี่ยวกับอาการป่วย

เมื่อเห็นซู่เป่าเขาก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูด "เชิญญาติออกไป บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ารบกวนผู้ป่วย ตอนนี้ผู้ป่วยจำเป็นต้องพักผ่อน"

ซู่เป่าจ้องไปยังหมอมีหนวดเคราขาวโพลนเกือบครึ่งหน้าที่อยู่ด้านหน้าเธอ

เขากำลังพูดคุยกับหมอคนอื่น ๆ "นายหญิงซูพักฟื้นในสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นของเราตลอด เมื่อไม่กี่วันมานี้เธอสามารถลุกขึ้นยืนได้ในทันที แสดงว่าการฟื้นฟูของเราได้ผลดี"

“ฉันให้เธอฝึกให้มาก ๆ เพื่อจะได้ฟื้นตัว บางทีเธออาจจะรีบร้อนเกินไป ซึ่งนำไปสู่การหกล้ม”

หมอคนอื่น ๆ พยักหน้า "ผลการ CT สมองแสดงให้เห็นว่าเธอมีเลือดออกในสมอง"

หมอเคราหงอกพยักหน้า "ใช่ เป็นปัญหาเก่าเลย แต่ตอนนี้เธอพ้นขีดอันตรายแล้ว ฉันเข้าใจอาการของเธอ ตอนนี้เธอแค่จำเป็นต้องพักผ่อน ห้ามปลุก"

ซู่เป่า “ ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน