ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 316

กู้ชีชีไม่รู้จะทำยังไง ให้เหตุผลได้มันก็ดี แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอต้องการให้ทุกคนสงบสติอารมณ์ ก็จะมีบางคนที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

ดังนั้นสถานการณ์จึงยังคงวุ่นวาย และมีคนพยายามดึงซู่เป่าออกมาจากความวุ่นวายนั่น

พวกเขาไม่รู้ว่ามู่กุยฝานคือใคร และยังไม่ทันได้เข้ามาใกล้ก็ถูกต่อยจนกระเด็น

ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อยก็มาถึง ทุกคนชี้ไปที่มู่กุยฝานและซู่เป่าทันที “สองคนนี้ทำลายทรัพย์สินมีค่าของทุกคนและยังทุบตีผู้คนด้วย!”

“คนพวกนี้จงใจก่อวินาศกรรม พวกเขาต้องเป็นสายลับที่ส่งมาจากผู้จัดงานนิทรรศการตุ๊กตาในครั้งนี้แน่!"

เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะพูด หัวหน้าทีมก็เห็นมู่กุยฝานเข้า

“...”

เยี่ยมมาก พวกคุณกำลังบอกฉันว่าเทพสงครามเป็นสายลับที่ถูกส่งมางั้นเหรอ

ถ้ามู่กุยฝานเป็นสายลับ คนหลายร้อยคนในจตุรัสทั้งหมดก็คงเป็นสายลับ และมีแค่เขาคนเดียวที่ไม่ใช่

พูดไปแบบนี้...คงจะดูเด็กและตลกจริง ๆ

“เกิดอะไรขึ้น” เจ้าหน้าที่ตำรวจมองไปรอบ ๆ ไม่กล้าทักทายกับมู่กุยฝานโดยตรง แต่จับซูอีเฉินซึ่งดูคุยง่ายเอาไว้

ซูอีเฉินมีท่าทีเย็นชาและพูดว่า “ที่นี่คือศาลหลักเมือง คงไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าศาลหลักเมืองคืออะไร แต่ดันมีคนจงใจจัดงานกิจกรรมที่นี่”

น้ำเสียงของมู่กุยฝานเย็นชา “เหล่าบรรพบุรุษปกป้องผืนแผ่นดินนี้ เลือดไหลนองบนที่แห่งนี้ แต่พวกคุณกลับสวมชุดกิโมโนที่นี่”

เขามองไปที่ซูเหอเวิ่น “แบบนี้เรียกว่าเป็นความผิดประเภทไหนนะ”

ซูเหอเวิ่นกล่าวเสียงดังเหมือนกับท่องหนังสือมา “ผู้ใดดูหมิ่นผู้พลีชีพผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท! ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี!!”

มู่กุยฝานเม้มริมฝีปาก รอยยิ้มของเขาไร้ความอบอุ่น “ดูสิ ขนาดเด็กยังรู้เรื่องเลย แต่พวกคุณกลับไม่รู้”

ฝูงชนที่พากันโห่ร้องเมื่อครู่นี้ต่างพากันเงียบ

มีคนหัวเราะออกมา

“มันไม่มีอะไรเลย พวกเราแค่สวมเสื้อผ้าตัวโปรดมาเที่ยวกับเพื่อน ๆ ไม่คิดเลยว่าจะมาโยนความผิดให้พวกเราแบบนี้”

ซูเหอเวิ่นพูดซ้ำในสิ่งที่ซูอีเฉินพูดเมื่อครู่นี้ “ความชอบไม่มีผิด! แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย! มันผิดที่พวกคุณสวมชุดแบบนี้ต่อหน้าศาลวีรบุรุษและบรรพชน!”

หญิงสาวคนหนึ่งกลอกตา “อ่า ใช่ ๆ ๆ สิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้อง! ฉันนี่ยอมเลยจริง ๆ”

ทุกคนต่างแย่งกันพูดและพยายามต่อสู้เพื่อความชอบของตัวเอง พวกเขาคิดว่านี่คือการต่อสู้ตามสิทธิของพวกเขา แล้วทำไมจะต้องยอม?

เจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนอย่างเย็นชา “ทุกคน เงียบ!”

ฝูงชนที่เสียงดังโหวกเหวกก็เงียบลงอีกครั้ง

หัวหน้าทีมขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ใครเป็นคนจัดงานนี้ ใครเป็นคนอนุญาตให้จัด งานแบบนี้จัดที่นี่ได้งั้นเหรอ”

เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็เริ่มส่งเสียงดังอีกครั้ง ทำไมที่นี่ถึงจัดงานไม่ได้ นี่ก็ผ่านมาเป็นเวลาหลายปีแล้วและที่นี่ก็ยังเป็นลานจตุรัสสำหรับคนทั่วไป ถ้าได้รับการอนุญาตแล้วมันก็ต้องได้สิ

มีเสียงคนพูดกันเซ็งแซ่ ทั้งยกตัวอย่างทั้งท่องกฎหมายที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจหัวเราะ

ไม่เข้าใจกฎหมาย ปากก็พูดกันไปว่าเป็นกฎหมาย ประชาชนมีสิทธิทำอะไรก็ได้ พวกเรามีสิทธิเสรีภาพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับเด็กที่ไม่มีเหตุผล แต่คุณก็ทำอะไรไม่ได้ แถมยังต้องอธิบายให้พวกเขาฟังให้เข้าใจอีก

จากนั้นพวกเขาก็มีท่าที่ว่า ฉันไม่ฟัง ทำไมจะไม่ได้

สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมคนสองสามคนเอาไว้ และคนนำที่ตะโกนอย่างดุเดือดที่สุดที่ถึงแม้จะอยากหนีแต่ก็ไม่มีใครหนีรอด

สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาในทันที มีคนถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือและตะโกนว่า “ทุกคนดูสิ! เจ้าหน้าที่ตำรวจทุบตีประชาชน! ไอ้สารเลวคนนี้พังตุ๊กตาราคาสิบล้านเป็นชิ้น ๆ! พวกเขาไม่จับคนก่อเหตุแต่กลับจับกุมผู้บริสุทธิ์แทน!”

มู่กุยฝานขมวดคิ้ว รู้สึกรำคาญ ทำยังไงถึงจะได้ผลกัน

เขาเหยียบเศษเซรามิกที่ตกลงพื้นจนเกิดเสียงดัง ปิดปากทุกคนที่คิดว่าการยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาคือคนมีเหตุผล พูดจาส่งเดช และวิ่งหนี

ในขณะเดียวกันก็ยิงปืนขึ้นเตือน

มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นหลายครั้ง ทุกคนหมอบลงกุมศรีษะด้วยความกลัวอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดมันก็เงียบลงจริง ๆ

มู่กุยฝานถือโทรศัพท์ส่งข้อความออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาและน่ากลัว: [เรียกคนมาตรวจสอบ ดูว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้! ไปจับมา]

ท่ามกลางความเงียบ เสียงของซู่เป่าก็ดังขึ้น “ไม่ใช่ว่าคุณไม่ได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อผ้าที่คุณชอบนะคะ แต่คุณไม่ได้รับอนุญาตให้สวมมันต่อหน้าเจ้าพ่อหลักเมือง”

“พี่ชายใหญ่และพี่สาวใหญ่รู้ไหม นี่ไม่ใช่นิทรรศการที่พวกคุณพูดถึงอะไรนั่น แต่มันคือพิธี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน