ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 37

หานหานไม่กล้าหันหลังหลับ เกาะอยู่ตรงประตูอยากเปิดประตู แต่ไม่ว่าจะเปิดอย่างไรก็เปิดไม่ได้

ด้านหลังราวกับมีคนกำลังร้องไห้ หานหานหันหลังกลับอย่างแรง แต่กลับไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

เธอตกใจมาก เด็กคนหนึ่งจะรู้อะไรได้กัน เธอหลบเข้าไปใต้เตียง

ด้านนอกเงียบสงัด

จู่ๆ เธอก็เห็นขาคู่หนึ่งเขย่งอยู่ เดินไปเดินมา เดินไปเดินมาอยู่ในห้องของเธอ จนสุดท้ายมาหยุดอยู่ที่หน้าเธอ

หานหานหยุดหายใจ เบะปาก ปิดปากตัวเองไว้แน่น

‘คน’ นั้นราวกับได้ยิน มือของเธอยันขอบเตียงไว้ค่อยๆ โน้มตัวลง ดังเป็นเสียง เอี๊ยดอ๊าด

‘คน’ นั้นจะเจอเธอแล้ว

จู่ๆ ประตูห้องถูกเปิดออก เสียงของซู่เป่าดังขึ้น “%……#……!”

หานหานไม่รู้ว่าเธอบ่นอะไรอยู่

เห็นเพียงลูกไฟพุ่งออกมาดัง ฟู่ว ชนอยู่บนตัวของ ‘คน’ คนนั้น

เสียงโอดครวญดังโหยหวนขึ้น ขาที่เดินเขย่งเมื่อครู่ปลิวออกไปด้านนอก

ซู่เป่าวิ่งตามขึ้นไป ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความจริงจัง ลูกไฟในมือกลมดิ๊ก ชนไปบนตัวผีผู้หญิงอย่างไม่หยุดหย่อน

จี้ฉางหรี่ตา พูดเสียงต่ำ “เป็นผีร้ายสินะ…”

ผีเองก็แบ่งชั้น

ผีที่ได้แต่ลอยวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอวิญญาณสลาย เรียกว่า ผีหรือวิญญาณเร่ร่อน

มักเป็นคนธรรมดาที่ตายเพราะการป่วย เกิดอุบัติเหตุและการแก่เฒ่า แต่กลับไม่ยอมไปเกิดใหม่ ก็จะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน

ต่อมาคือผีที่ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ ก่อนตายพวกเขาจะต้องมีแรงอาฆาตอย่างแรงกล้า หรืออาจเป็นความเจ็บแค้น ผีเช่นนี้มักเรียกว่าผีเหี้ยน

ผีเหี้ยนดุร้ายมาก เมื่อถึงวันเวลาที่เหมาะสม นอกเสียจากจะทำให้ผู้อื่นเห็นพวกเขาได้ พวกเขายังคร่าชีวิตได้อีก

ผีเหี้ยนเรียกอีกอย่างว่าผีร้าย ผีร้ายคือผีที่ดุร้ายที่สุดในบรรดาผีที่ตายโดยวิธีเหนือธรรมชาติ บนตัวพวกเขาจะมีสิ่งยึดติด สิ่งยึดติดที่ว่าสามารถเติบโตโดยการซึมซับ ‘ไอพิฆาต’ พร้อมไปสิงอยู่บนร่างมนุษย์

เช่นผีเฮงซวยสามารถสิงอยู่บนร่างคน ทำให้ผู้โดนสิงเฮงซวยอย่างไม่ทราบสาเหตุ กระทั่งถึงฆาตด้วยอุบัติเหตุ

ผีร้ายไม่ยอมรับความจริงที่ตนนั้นตายแล้ว พวกเขาจะหาร่างสิงสู่ไปทั่ว เพื่อที่จะใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง

ซู่เป่าข่มผีร้ายเอาไว้ไม่ได้ สุดท้ายก็ปล่อยให้เธอหนีไป

ก่อนที่ผีผู้หญิงจะหนี ยังหันหน้ามามองจิกซู่เป่าทีหนึ่ง จากนั้นจึงหายไปท่ามกลางฉากราตรี

ซู่เป่าหันหน้าไปถาม “อาจารย์ นี่คือผีร้ายอะไรกัน”

จี้ฉางค่อยๆ อธิบายให้เธอฟัง จากนั้นก็พูดเสริม “ผีร้ายมีหลายรูปแบบ แต่ต้นเหตุทุกอย่าง ล้วนหล่อหลอมมาจากความนิสัยร้ายๆ ของมนุษย์เช่น ความรัก ความชัง ความโลภะ ความแค้น ความโง่เขลา จนกลายเป็นผีขี้แย ผีขี้ขลาด ผีขี้งก ผีลามก…”

ซู่เป่าชี้ไปทางหน้าต่าง “แล้วนั่นคือผีอะไร”

จี้ฉางหรี่ตา “ผีขี้แย”

ซู่เป่ากระพริบตา จู่ๆ ก็หันหน้ากลับไปมองหานหาน

เหมือนเธอจะเข้าใจอะไรบ้างอย่าง

“เพราะพี่หานหานชอบร้องไห้ ดังนั้นจึงมีผีขี้แยมาหาเหรอ”

จี้ฉางเอ่ยชม “ใช่ เช่นคนที่กินจุก ก็จะล่อผีตะกละมาหา คนที่ชอบร้องไห้มากๆ ก็จะล่อผีขี้แยมาเช่นกัน”

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างถี่รัว

เธอบอกแล้ว เด็กๆ อย่าร้องไห้บ่อย

ในหัวของหานหานดัง วืดๆ เธอตกใจจนนิ่งอึ้งไป

เห็นซู่เป่าหันหน้ามาพูดบางอย่าง แต่เธอฟังไม่ชัดทั้งนั้น หัวใจอุตส่าเย็นลงได้ เธอวิ่งด้วยร่างสั่นระริกไปทางซู่เป่า

ซู่เป่า “เอาน่า ไม่ต้องกลัว หนูไล่ผีร้ายออกไปแล้ว”

หานหานตะครุบลงบนตัวซู่เป่า ร้องเสียงดังว๊ากออกมา

รอบนี้เธอตกใจมากจริงๆ

เมื่อเห็นซู่เป่าที่มาพร้อมกับการยิงลูกไฟ เหมือนเธอได้เห็นอุลตร้าแมน

เมื่อก่อนที่พี่ชายเธอดูอุลตร้าแมน อุลตร้าแมนก็เป็นแบบนี้เลย

หานหานร้องไห้สะอื้นจนหายใจไม่ทัน เกาะแขนซู่เป่าไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ

ซู่เป่าตบปลอบเธอ “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะๆ”

ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นแค่เด็ก แต่กลับปลอบอีกฝ่ายราวกับเป็นแม่ตัวน้อย

เธอเหมือนจู่ๆ ก็คิดบางอย่างออก เธอรีบกล่าว “พี่หานหาน พี่หยุดก่อน เดี๋ยวหนูไปเอาแก้วน้ำ”

เธอยังไม่ลืมเรื่องที่ต้องเก็บน้ำตา

ซู่เป่าวิ่งต่อกแต่กไปเอาแก้วน้ำ หานหานร้องตะโกนอย่างติดขัด “ธะ เธอเร็วๆ นะ”

ทันทีที่แก้วน้ำยื่นมาตรงหน้า น้ำตาก็หยดลงไปสองหยดทันที

ซู่เป่าและหานหานมองหน้ากันไปมา

ซู่เป่าเอ่ยพูดอย่างลังเล “หรือว่า…พี่ลองออกแรงร้องไห้อีกนิดไหม”

มุมปากของจี้ฉางที่อยู่ด้านข้างกระตุก หมดคำจะพูด

สุดท้ายหานหานร้องไห้จนเหนื่อย ซู่เป่าเองก็หาว ทั้งคู่ต่างรู้สึกง่วงมาก

ซู่เป่าพูดเบลอๆ “พี่ พี่มานอนร้องไห้บนเตียงเถอะ แบบนี้จะได้ไม่เหนื่อย”

หานหาน “ฮรือๆ”

เจ้าตัวน้อยสองคนนอนอยู่บนเตียง ซู่เป่าหลับไปอย่างไว ขณะนอนหลับยังยกแก้วเอาไว้ใบหนึ่ง

ส่วนหานหาน หลังร้องไห้ยกใหญ่ไปก็นอนหลับง่ายมาก ทั้งคู่เรียกได้ว่านอนหลับในวินาทีแรกทันที

**

วันที่สอง

นายหญิงซูพูดกับป้าอู๋ “เดี๋ยวเธอไปปลุกหานหานนะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอนถึงได้แค่เก้าโมงเช้า”

ก่อนหน้านี้หานหานนอนถึงสิบโมงสิบเอ็ดโมง ซึ่งเกินเวลาไปมาก

ป้าอู๋รู้สึกกังวล “นายหญิง คุณหนูหานหานตอนตื่นนอนโมโหร้ายมาก เรียกนายหญิงรองกลับมาไหมคะ”

เวลาหานหานร้องโวยวายยังพอมีคนปลอบได้

แต่เวลาเธอโมโหร้ายตอนตื่นไม่เคยมีใครปลอบได้เลย

นายหญิงซูกล่าวเบาๆ “เธอโมโหร้าย แต่ฉันร้ายกว่า”

ป้าอู๋จึงไม่มีอะไรจะพูดต่อ

นายหญิงซูบังคับรถเข็นเข้าไปในลิฟท์ ถึงหน้าห้องซู่เป่าเธอเคาะห้องเบาๆ “ซู่เป่า ตื่นนอนหรือยังจ๊ะ”

หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันหลายวัน นายหญิงซูพอจะรู้เวลากิจวัตรของซู่เป่าแล้ว ซู่เป่ามักจะตื่นนอนเองเมื่อถึงเวลาเก้าโมงเช้า

นายหญิงซูผลักประตูเบาๆ บนใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม อยากเห็นใบหน้าของซู่เป่าเมื่อกำลังหลับลึก

จู่ๆ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปฉับพลัน

“ใครก็ได้ มาที!” เธอตกใจรนราน “ซู่เป่าหายไป!”

เสี่ยวอู่ที่กำลังสับผงกยื่นคอยาวออกมา ตะโกนออกมาอย่างไม่กลัวความวุ่นวาย “ขโมยเด็ก มีคนขโมยเด็ก!”

วันนี้เป็นวันเสาร์ ซูอีเจิ้งกำลังจัดการธุระอยู่ในห้องหนังสือ นายท่านซูเองก็อยู่ในห้องหนังสือ พูดอะไรบางอย่างกับเขาอยู่

จู่ๆ ก็ได้ยินนายหญิงซูร้องตะโกน ทั้งคู่เดินออกนอกประตูทันที

นายหญิงซูควบคุมรถเข็น สีหน้าร้อนรน “ซู่เป่าหายไป นกแก้วบอกเห็นคนขโมยเด็ก!”

เสี่ยวอู่ในห้องเอนหัว

ราวกับกำลังงุนงงว่าตนพูดคำนี้ไปเมื่อไร

ซูอีเฉินก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวเดินไปถึงห้องซู่เป่า พบว่าคนได้หายไปจริงๆ

เขาพูดขึ้นทันที “อาเนี่ย ไปเช็คภาพกล้องวงจร”

“ส่วนพวกคุณ ไปหาที่สวน!”

“ป้าอู๋ ลองถามคนใช้ที่ตื่นเช้า ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า”

สีหน้าซูอีเฉินมืดครึ้ม หลังสั่งเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมาทันที เตรียมจะโทรแจ้งตำรวจ

จู่ๆ เบื้องหลังก็มีเสียงนิ่มๆ ดังขึ้น “ลุงใหญ่ ลุงกำลังหาอะไรอยู่น่ะ”

ซู่เป่ากอดตุ๊กตากระต่ายเอาไว้มือหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างขยี้ตา พร้อมหาวทีหนึ่ง

ด้านข้างเธอตามมาด้วยหานหาน ดวงตาทั้งสองข้างของหานหานบวมๆ ราวกับยังไม่ได้สติ

ทุกคน “……”

ซู่เป่าทำไมถึงวิ่งไปในห้องหานหานล่ะ

แล้วก็ ทำไมหานหานถึงตื่นมาด้วยล่ะ หนำซ้ำไม่ได้โมโหร้ายตอนตื่นด้วย

**

ขณะนี้ เหวยหว่านกำลังกินข้าวกับแม่ของเธอ

เหวยหว่านมองเวลาในมือถือเป็นระยะ คำนวณว่าอีกนานเท่าไรกว่าหานหานจะตื่น

หลังหานหานตื่นนอน เธอต้องทุบของแล้วร้องไห้โวยวายแน่

เมื่อคืนคนในตระกูลซูต้องหมดเรี่ยวหมดแรงกันแน่ รอบนี้พวกเขาคงต้องโทรเรียกเธอกลับไปแล้วล่ะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน